ราตรีสวัสดิ์ เซอร์อาเรส! บทที่ 69

เมื่อเจย์ อาเรส มาถึงบล็อกที่ 9 ของชุมชนเจิดจรัส โจเซฟิน อาเรส ก็ปรากฏตัวออกมาจากหลังหินประดับ “ฉันรอนานมากแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นเจนสันออกมาเลย” เธอกล่าวอย่างหดหู่

เจย์มองไปที่ประตูที่ปิดสนิทของอพาร์ทเมนท์อย่างบึ้งตึง เขาหันหลังไปพูดกับเกรย์สันที่มากับเขา “ไปที่ห้องการจัดการ แล้วหามาว่าห้องของโรส ลอยล์ หมายเลขอะไร”

ในตอนที่เกรย์สันกำลังจะไป ประตูของอพาร์ทเมนท์ก็เปิดออกพอดี โรส ลอยล์ปรากฏตัวพร้อมกับ “เจนสัน อาเรส” ในอ้อมแขน ดวงตาเธอแดง เป็นหลักฐานของการร้องไห้

“พี่สะใภ้?” โจเซฟินยิ้มเมื่อเห็นโรส

เธอได้รับสายตาพิฆาตจากเจย์ “หยุดเห่าเลย เธอไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลอาเรส”

โจเซฟินเกรงสายตาข่มขู่ของพี่ชายเธอ “นายหมายความว่าไง? เธอเป็นแม่ของเจนสันนะ” เธอเถียง

เจย์มองโจเซฟินเหมือนจะกินเธอเข้าไปได้ โจเซฟินจึงตีแก้มของตัวเองเบา ๆ แล้วยอมรับความพ่ายแพ้ “ก็ได้ ก็ได้ ฉันจะหุบปากไว้ พอใจรึยัง?”

โรส ลอยล์ อุ้ม ‘เจนสัน อาเรส’ ไว้และมองเขาอยู่นาน เจย์ อาเรส ไม่ได้พูดอะไร เขาแย่งเด็กน้อยมาไว้ในอ้อมแขน

“ไปกันเถอะ เจนสัน”

เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำแล้วเดินออกไปเลย

โรสยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น จ้องมองร็อบบี้น้อยของเธอจากไป ร็อบบี้น้อยโบกมือให้เธอแล้วกล่าว “ไม่ต้องห่วงนะครับคุณแม่ ผมจะไม่เป็นไร”

เจย์กัดฟันของเขาแล้วกล่าวอย่างอารมณ์เสีย “ใครบอกให้ลูกเรียกเธอว่าคุณแม่? เธอไม่ใช่แม่ของลูก”

“เธอเป็น!” ร็อบบี้น้อยกล่าวอย่างไม่แยแส “ผมอาจดูเหมือนพ่อ แต่นั่นเพราะพันธุกรรมของพ่อน่ะขี้เกเร พันธุกรรมของคุณแม่น่ะอ่อนโยนและใจดีเกินไป พวกมันจึงหลบซ่อน”

ความโกรธของเจย์ อาเรส กระจายไปทันที ร่องรอยรอยยิ้มปรากฏบนสายตาเย็นชาของเขา

โจเซฟินนั้นทนไม่ไหว เธอระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เธอพูดถูกเผงเลย เจนสัน กรรมพันธุ์พ่อของเธอน่ะข่มพันธุกรรมแม่ไว้ นั่นเลยทำให้เธอเหมือนพ่อมากกว่าไง”

ในขณะเดียวกัน เกรย์สันเองก็พยายามอย่างที่สุดที่จะไม่หลุดหัวเราะออกมา

ร็อบบี้น้อยมองไปที่เจย์อย่างซุกซน “คุณพ่อจะหัวเราะก็ได้ถ้าคุณพ่อต้องการ พ่อจะเก็บอารมณ์ไว้ทำไม? พ่อไม่ใช่นินจาเต่าสักหน่อย”

เกรย์สันเก็บเสียงหัวเราะไม่ได้อีกแล้ว

เจย์มองไปที่ ‘เจนสัน’ เขาไม่ได้สังเกตความเศร้าและความเครียดที่ซ่อนอยู่บนใบหน้าของเด็กน้อยเลย ดวงตาของเขามีเพียงความหุนหันพลันแล่นแบบเด็กไม่รู้จักโต

เขาพยายามปลอบ “ลูกรู้สึกโอเคไหมวันนี้?”

ร็อบบี้น้อยกอดคอเขา เขาจูบใบหน้าของพ่อของเขา จนใบหน้าเขาเปียก แก้มของเจย์เต็มไปด้วยน้ำลาย “อย่าโกรธไปเลยครับคุณพ่อ คราวหลังเวลาจะหนีออกจากบ้านผมจะบอกคุณพ่อก่อน”

“โอ้? จะมีครั้งหน้าด้วย?”

“ตอนแรกผมก็กลัว แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าการหนีออกจากบ้านนั้นสนุกมากเลย”

โจเซฟิน อาเรส แทบเสียสติจากการหัวเราะเพราะคำพูดของหลานชายเธอ

“อาการหลายบุคลิกของเธอน่าตกใจนะ เจนสัน ด้านหนึ่งก็เงียบขรึมและเก็บตัว อีกด้านหนึ่งก็มีเสน่ห์และน่ารัก น้าโจเซฟินของเธอชอบทั้งสองด้านของเธอเลย น้าจะทำอย่างไรดีล่ะ?”

เธอชมหลานของเธอในขณะที่พวกเขานั่งอยู่ในรถ

ใบหน้าของเจย์ดำมืดลงเมื่อได้ยินโจเซฟินพูดถึงอาการหลายบุคลิกของลูกชายเขา “โจเซฟิน อาเรส ไม่พูดก็ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็นใบ้หรอกนะ”

เขาคิดมาตลอดว่าเจนสันนั้นอ่อนไหว และทัศนคติอันเกินความของโจเซฟินอาจทำร้ายความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของลูกชายเขาได้ จิตแพทย์ได้บอกเขาว่าเด็กที่มีอาการทางจิตนั้นได้รับความเจ็บปวดทางจิตใจได้มากกว่าเด็กทั่วไป

‘เจนสัน อาเรส’ ไม่ทนและมองตรงที่ดวงตาของน้าเขา “น้าผิดแล้ว น้าโจเซฟิน ผมไม่ได้มีหลายบุคลิกสักหน่อย” จากนั้น เขาก็ใช้เสียงที่น่าจะได้ยินเพียงในหนังสยองขวัญ “มีใครสิงอยู่ในร่างของฉันต่างหาก”