ขณะที่ผ่านโจวต้าซานได้ยินเสียงด่าทออยู่ข้างใน นางไม่ได้หยุดท้า แต่พาทั้งสองไปที่บ้านของเหล่าไท่ไท่ แต่กลับพบว่าประตูถูกลงกลอน
พอคิดก็กระจ่างว่าเหล่าไท่ไท่น่าจะไปบ้านโจวต้าซานแล้ว
โจวกุ้ยหลานบอกให้สวีฉางหลินกับเจ้าก้อนน้อยรออยู่ที่หน้าประตู แล้วนางก็เข้าไปในบ้านของโจวต้าซาน
แต่เพิ่งเข้าเรือนก็ได้ยินเสียงร้องไห้โหวกเหวกของหวังหยู่ชุน “นี่จะไม่ให้มีชีวิตแล้วใช่ไหม! พวกเจ้าตระกูลโจวรังแกคน!”
จากนั้นก็มีภาชนะสานปลิวออกมาจากข้างในประตู
โจวกุ้ยหลานหลบได้อย่างหวุดหวิด ย่างเท้าเข้าในเรือน จากนั้นก็เห็นหวังหยู่ชุนสยายผมกลิ้งเกลือกอยู่กับพื้น เอ้อร์เฉียงที่อยู่ข้างๆ หน้าขมึงตึง โจวต้าซานนั่งสูบยาเส้นอยู่บนม้านั่ง ส่วนซานเฉียงขมวดคิ้วมุ่น
เมื่อมองโดยรอบก็เห็นเหล่าไท่ไท่ยืนอยู่ตรงข้างประตู
โจวกุ้ยหลานเดินเข้าไปสองสามก้าว ฉุดเหล่าไท่ไท่ทีหนึ่ง เมื่ออีกฝ่ายหันมาก็เห็นบุตรสาวคนเล็กของตัวเอง เหล่าไท่ไท่ปรบมือของนางให้นางห้ามพูด
“ถ้ายังอาละวาดอีก ก็กลับบ้านแม่เจ้าไปเลย!” เอ้อร์เฉียงเอ่ยเสียงเย็น ปกปิดความโมโหโกรธาของตัวเองไม่อยู่
เมื่อได้ยินดังนั้น หวังหยู่ชุนก็ตบหน้าขาตัวเอง ร้องไห้ฟูมฟายหนักกว่าเดิม “โจวเอ้อร์เฉียง เจ้ามันไอ้คนไม่มีมโนธรรม! ข้าแต่งมาอยู่บ้านเจ้า มีลูกชายให้เจ้าสามคน แล้วนี่เจ้าจะให้ข้ากลับบ้านแม่? เจ้ายังมีมโนธรรมอยู่ไหม?”
ครั้นนางโวยวายเอะอะมะเทิ่ง เอ้อร์เฉียงก็โกรธจนปราศจากคำพูด
เขาเป็นผู้ชายซื่อๆ คนหนึ่ง ไหนเลยจะรับกับการโวยวายของหวังหยู่ชุนได้?
โจวกุ้ยหลานเห็นพวกเขาทะเลาะวิวาท ก็ขยับเข้าใกล้ข้างหูเหล่าไท่ไท่ กระซิบถาม “ท่านแม่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เหล่าไท่ไท่กระซิบตอบ “พี่สะใภ้หยู่ชุนของเจ้าหาเรื่องจะแยกบ้าน”
แยกบ้าน?
ตอนนี้มีนางดูแลบ้านอยู่คนเดียว ถ้าแยกบ้านจริง ใครจะดูแลครอบครัวลุงใหญ่?
“โจวเอ้อร์เฉียง เจ้ายังเป็นผู้ชายอยู่ไหม? เจ้านึกถึงลูกชายเราบ้างสิ เอาแต่คิดถึงพ่อแม่ของเจ้า? ต้องรับใช้ครอบครัวใหญ่ขนาดนี้ เจ้าอยากให้ข้าเหนื่อยตายใช่ไหม?”
หวังหยู่ชุนกล่าวพลางบีบน้ำมูกสะบัดลงพื้น
โจวกุ้ยหลานเห็นแล้วรู้สึกคลื่นเหียน สกปรกเกินไปแล้ว…
“เจ้าลุกขึ้นมาก่อน!” เอ้อร์เฉียงมองบิดาตน แล้วกล่าวกับหวังหยู่ชุนด้วยความระอาใจ
ด้านหนึ่งเป็นลูกและภรรยาตน ด้านหนึ่งก็เป็นบุพการี จะทางไหนเขาก็ลำบากใจ
“ข้าไม่ลุกขึ้น! จะใช้ชีวิตอย่างนี้ไม่ได้ ทำไมข้าต้องทำทุกอย่าง พวกเจ้ารอแต่กินของที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว? ข้าไม่สน วันนี้ข้าจะแยกบ้านให้ได้ ไม่อย่างนั้นข้าจะพาลูกไปฟ้องร้องกับทางผู้ใหญ่บ้าน!”
หวังหยู่ชุนไม่ธรรมดา พอเอาเรื่องขึ้นมาก็อารมณ์ร้ายมาก
ทว่าถ้อยคำนี้ทำให้ซานเฉียงโกรธแล้ว แย้งกลับทันควัน “เมื่อก่อนท่านแม่ข้าเป็นคนซักเสื้อผ้าในบ้านทั้งหมด กับข้าวแม่ข้าก็เป็นคนทำ เจ้าก็ไม่ได้ทำอะไรไม่ใช่หรือ? พวกเรายังต้องทำไร่ทำนา แล้วเจ้าทำอะไร?”
เขาไม่ชอบพี่สะใภ้รองคนนี้จากใจจริง
แต่ละวันสกปรกยิ่งกว่าเขาที่เป็นน้องชาย แถมยังไม่อบรมสั่งสอนลูกทั้งสาม วันๆ เอาแต่คิดเรื่องของอร่อย ไม่ช่วยท่านแม่ของเขาเลย
นี่เพิ่งทำกับข้าววันเดียวก็ไม่ไหวแล้ว โวยวายตั้งแต่มื้อกลางวันจนตอนนี้!
“ข้าไม่ทำงานยังไง? ลูกสามคนเจ้าคลอดหรือ? เจ้าเลี้ยงลูกโตหรือยังไง? แน่จริงเจ้าก็ทำกับข้าวเองสิ!” หวังหยู่ชุนเบิกดวงตากว้าง ตะคอกใส่ซานเฉียงเป็นชุด
ซานเฉียงโกรธจนจะเปิดปากอีก แต่โจวต้าซานที่อยู่ข้างจอกสุราตวาด
“ซานเฉียง เจ้าถอยออกไป!”
มีอย่างที่ไหนน้องชายทะเลาะกับพี่สะใภ้ หากแพร่ออกไปจะไม่เป็นที่หัวเราะของคนอื่นตายหรือ?
โจวชิวเซียงที่อยู่ในห้องอดโพล่งปากออกมาไม่ได้ “เจ้าอยากไสหัวก็ไสหัวไป ยัยคนไร้ค่าพูดมากอะไร!”
นางกำลังหงุดหงิดอยู่ เนื้อตัวร้อนรุ่มแล้วหวังหยู่ชุนยังจะเอะอะอีก รำคาญจะตายอยู่แล้ว!
“ข้าเป็นเมียที่พี่รองเจ้าใช้เกี้ยวหามเข้ามา เจ้าถือดีอะไรให้ข้าไสหัว? โจวชิวเซียง เจ้าก็เป็นนางสาวอายุสิบห้าแล้ว ควรแต่งงานไปตั้งนานแล้ว ยังหลบอยู่บ้านทำอะไรอีก? อยากเป็นสาวทึนทึกตลอดชีวิตหรืออย่างไร?”
หวังหยู่ชุนไม่กลัวโจวชิวเซียงสักนิด คลานขึ้นมาจากพื้นทันที ยืนเท้าเอวอยู่ตรงกลางแล้วด่าทอกับคนในห้อง
นางทนแม่นางน้อยผู้นี้มานานแล้ว ตัวสิ้นเปลืองเงินทองวันๆ เอาแต่วางกล้ามใหญ่โตเสพสุขอยู่ในบ้าน ไม่เห็นนางที่เป็นพี่สะใภ้รองอยู่ในสายตา ถุย! ยังนึกว่าตัวเองมีดีอะไร!
โจวกุ้ยหลานลูบจมูก ชาติก่อนนางอายุยี่สิบห้ายังไม่ได้แต่งงานเลย นี่โจวชิวเซียงเพิ่งจะอายุสิบห้า…
โจวชิวเซียงกับหวังหยู่ชุนทะเลาะกันขึ้นมา นางสนุกครึกครื้นที่จะดูละครเด็ด แต่ไม่ทราบว่าผู้ใดจะชนะสิน่า
หลี่ซิ่วยิงที่อยู่ในห้องหลังโกรธจัด “นังหญิงชั่ว เจ้าพูดอะไร? มีแต่หยาบคายอยู่เต็มปาก ข้าจะให้เอ้อร์เฉียงบ้านข้าหย่ากับเจ้า!”
ชิวเซียงเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของนาง ไหนเลยจะให้นังหญิงชั่วคนนี้รังแกได้?
นี่แทบจะเป็นละครฉากใหญ่เลยนะเนี่ย!
โจวกุ้ยหลานแอบสะท้อนใจ
นี่เป็นมหาสงครามที่คั่นด้วยหลายห้องเชียวนะ!
แต่หวังหยู่ชุนก็เก่งจริง ต่อหน้าคนตั้งเยอะ ยังกลับไม่ยอมอ่อนข้อให้สักนิด!
หวังหยู่ชุนหันตัว พูดกับทางนั้นแบบเหน็บแนม “แหม ท่านจะให้เอ้อร์เฉียงหย่ากับข้า เขาก็จะหย่ากับข้าหรือ? เขาเชื่อฟังแม่? แม่นึกว่าเขายังกินน้ำนมแม่อยู่หรือ? ยัยแก่ ชาตินี้เจ้าต้องนอนอยู่บนเตียงแล้ว ยังกล้าเอาเรื่องข้าอีก ดูสิว่าข้าจะรับใช้เจ้าหรือไม่!”
เมื่อก่อนนางกลัวยัยแก่คนนี้ เพราะแม่สามีเป็นผู้ดูแลบ้านทั้งหมด
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว แม่สามีคนนั้นของนางอยู่บนเตียงรอให้นางรับใช้อยู่ มิเช่นนี้นางจะอดทนรอจนถึงตอนนี้ถึงจะเอ่ยปากหรือ?
หมอบอกแล้ว ต่อไปถึงนางจะหายดีเดินได้ แต่ก็ทำงานหนักอะไรไม่ได้ เช่นนั้นหวังหยู่ชุนยังจะกลับคนพิกลพิการนี่อีกหรือ?
ภายในห้อง หลี่ซิ่วยิงเดือดดาลจนแทบอยากบดเขี้ยวเคี้ยวฟัน
สู่ขอลูกสะใภ้แบบไหนมากัน!
น่าโมโหจะตายอยู่แล้ว!
“หวังหยู่ชุน มีอะไรก็ค่อยพูดค่อยจากัน พูดแบบนี้กับแม่สามีเจ้าได้อย่างไร? ถ้าคนอื่นรู้เข้าต้องชี้หน้าว่าเจ้าแน่” เหล่าไท่ไท่ทนดูไม่ไหว จึงเตือนหวังหยู่ชุน
หวังหยู่ชุนมองเหล่าไท่ไท่อย่างระแวดระวัง แต่ก็ยังไม่รับคำ
สวีเหมยฮวาคนนี้ร้ายกาจมาก นางจะหาเรื่องไม่ได้…
หลี่ซิ่วยิงที่อยู่ในห้องได้ยินคำพูดของเหล่าไท่ไท่ จึงตะโกนตาม “น้องสะใภ้ เจ้าช่วยข้าจัดการนังหญิงชั่วคนนั่นหน่อย! ตบให้นางกลัวไปเลย!”
ว่าแล้วก็มีเสียงร่ำไห้ปนน้ำเสียง
นางอยู่มาจนถึงตอนนี้ ทำไมกลับถูกลูกสะใภ้ของตัวเองบีนจนถึงขั้นนี้ได้?
เหล่าไท่ไท่ขมวดคิ้ว นางที่เป็นคนนอกจะยุ่งเรื่องนี้ไม่ได้ นางได้แต่พูดสองประโยคกับเรื่องที่หวังหยู่ชุนไม่เคารพผู้ใหญ่
โจวกุ้ยหลานเห็นท่านแม่ของตัวเองเข้าไป จึงบีบมือของเหล่าไท่ไท่ทันที บอกนางว่าอย่าเข้าไปยุ่ง แล้วจึงเอ่ย “เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับลุงใหญ่กับพี่เอ้อร์เฉียง”
ถึงนางจะไม่ชอบหวังหยู่ชุน แต่เรื่องนี้พวกนางไม่มีสิทธิ์พูด
โจวต้าซานเหลือบมองนางทีหนึ่ง แล้วสูบยาเส้นอีก แล้วหันไปมอวเอ้อร์เฉียงถามว่า“นี่ความหมายของเจ้าหรือ”
เอ้อร์เฉียงก้มหน้า ได้แต่พูดเบาๆ ว่า “ข้าไม่อยากแยกบ้าน”
เขาอยู่กับบิดามารดามาแต่เล็กจนโต ไหนเลยจะทำใจแบ่งเป็นสองครอบครัวได้?