“โจวเอ้อร์เฉียง? เมื่อคืนเจ้าพูดยังไงกับข้า? เจ้าไม่ใช่บอกว่าให้เจ้าคิดดูหน่อยหรือ? ทำไมวันนี้ก็เปลี่ยนเสียแล้วล่ะ? เจ้ากลัวแม่เจ้าขนาดนี้เชียว?”
เมื่อหวังหยู่ชุนได้ยินเอ้อร์เฉียงกล่าว ก็โมโหตวาดทันที
เมื่อนางกล่าวเช่นนี้ เอ้อร์เฉียงก็ไม่ทราบจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ค้านทันควัน “ข้าแค่บอกว่าจะลองคิดดู ตอนนี้คิดแล้ว ไม่แยกบ้าน ทำไมจะไม่ได้?”
ถึงจะบอกว่าไม่มีความน่าเกรงขามใด แต่ก็ยังพูดอย่างผู้ชาย
หวังหยู่ชุนโมโหจนเต้นผางไปอยู่ข้างหน้าโจวเอ้อร์เฉียง ทั้งเตะทั้งข่วนเขา ร้องไห้ฟูมฟาย “เจ้าเป็นผู้ชายยังไง เจ้ามีเงินสักแดงไหม? ทำไมเจ้าถึงใจร้ายกับข้าและลูกได้? ข้าไม่สน ถ้าเจ้าไม่แยกบ้าน ข้าจะพาลูกชายออกไปอยู่เอง!”
เอ้อร์เฉียงก็ถูกทำจนชินชาไปแล้ว ได้แต่จับมือนางทั้งสองข้าง ไม่ให้นางทำอะไรต่อ
“พี่รอง ทำไมแม้แต่เมียตัวเองก็ยังข่มไม่ลงล่ะ?” ซานเฉียงก็โมโหด้วย ด่าทอหนักประโยคหนึ่ง
โจวต้าซานเห็นภาพนี้ สูบยาเส้นอีกครั้ง ครั้นพรูควันออก ควันยาสูบก็ตลบอบอวล ฉุนกึกจนสำลักไอ
โจวกุ้ยหลานเห็นดังนั้นก็ปล่อยเหล่าไท่ไท่ เดินเข้าไปลูบหลังให้เขา
หวังหยู่ชุนทางนั้นยังอาละวาดต่อ โจวกุ้ยหลานทางนี้จึงได้แต่ปลอบโจวต้าซาน “ท่านลุงใหญ่ ปลงหน่อยเถอะ”
เรื่องนี้ขอเพียงเป็นบ้านที่มีพี่น้องหลายคน การแยกบ้านก็เป็นเรื่องช้าเร็วเท่านั้น
เพียงแต่การมีปากเสียงครั้งแรก อย่างไรก็หักใจไม่ลง
โจวต้าซานก้มหน้า ย้ายยาสูบมาไว้ที่ริมฝีปาก แต่เขาไม่ได้สูบ จากนั้นก็เอาออกไปอีก
เขาช้อนตา น้ำเสียงเต็มไปด้วยความร่วงโรย แต่กลับพกพาความเด็ดเดี่ยว “เรียกผู้ใหญ่บ้านกับกํานันมา แยกบ้าน!”
เมื่อเปล่งเสียงนี้ ทุกคนก็เงียบสงบ จากนั้นก็เป็นเสียงหวังหยู่ชุน “ข้าจะไปเรียกเดี๋ยวนี้!”
กล่าวจบ ก็กระวีกระวาดวิ่งออกไป
เอ้อร์เฉียงก้มหน้า ไม่กล้ามองโจวต้าซาน กระทั่งหวังหยู่ชุนวิ่งออกไปแล้วถึงถามบิดาตนขึ้นอย่างไม่เชื่อ “ท่านพ่อ ทำไมท่านตกลงเล่า?”
หากบิดาเขาเอ่ยปาก ก็คือคำไหนคำนั้น!
โจวกุ้ยหลานกลับกดไลก์ให้ลุงใหญ่ของตัวเองคนนี้ สามารถมองสถานการณ์ชัดเจนได้ในยามนี้ ลุงใหญ่ของนางก็ใช่ย่อย
เมื่อออกปากว่าจะแยกบ้าน นั่นคือใจไม่อยู่แล้ว ถึงจะฝืนให้อยู่ต่อก็ไม่มีความสงบในชีวิต
โดยเฉพาะเวลานี้หลี่ซิ่วยิงยังเป็นอัมพฤกษ์อัมพาต ต่อไปหวังหยู่ชุนจะไม่ทำตัวใหญ่โตเทียมฟ้าหรือ? เช่นนี้ก็แยกบ้านเสียเดี๋ยวนี้ ยังจะสงบสุขเสียกว่า
“ไอ้หยา สวรรค์! ทำไมครอบครัวถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ จะอยู่ต่อไปยังไง!” หลี่ซิ่วยิงที่อยู่ในห้องหลังร้องไห้ตะโกน คนในเรือนได้ยินต่างรู้สึกไม่ดี
เหล่าไท่ไท่ตะโกนไปในห้อง “ไอ้หยาพี่สะใภ้ ท่านก็ต้องระวังหน่อย!”
กล่าวจบนางก็ย่างเท้าเข้าข้างใน
โจวชิวเซียงที่อยู่ข้างในก็โมโหโพล่งด่า “นังแพศยา! ไสหัวไปสิดี!”
โจวต้าซานเบี่ยงหน้า ตวาดด้วยความโมโหทางห้องโจวชิวเซียง “เป็นสาวเป็นนางโหวกเหวกอะไร?”
โจวชิวเซียงที่อยู่ในห้องถูกบิดาตนตวาดจนตกใจ ในใจมีอารมณ์ แต่ก็น้อยใจด้วย ดังนั้นจึงปิดปากตาแดง
โจวต้าซานสำลักควันยาสูบของตัวเอง จากนั้นจึงเอ่ยกับพวกเขา “แยกบ้านก็ดี ต่างคนต่างอยู่เอง แต่เอ้อร์เฉียงเจ้าเป็นผู้ชาย จะปล่อยให้เมียอาละวาดไม่พูดจาไม่ได้”
เมื่อถูกบิดาตนเองตำหนิ เอ้อร์เฉียงก็ก้มหน้า อัดอั้นตันใจ “ท่านพ่อ ข้าไม่อยากแยกบ้าน”
“บ้านนี้ก็แยกเสียวันนี้ ต่อไปเจ้าไปใช้ชีวิตของตัวเองเถอะ”
โจวต้าซานคิดถึงจุดนี้แล้วก็หักใจแยกบ้าน
โจวกุ้ยหลานเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว จึงสาวเท้าเดินไปทางหลี่ซิ่วยิง
เมื่อเข้าห้องก็เห็นหลี่ซิ่วยิงกำลังร้องไห้ด่าทออยู่ “เจ้าคนขาดคุณธรรม ข้าเพิ่งล้มลงนางก็อาละวาดจะแยกบ้าน ทำไมไม่ไปตายเสียล่ะ!”
“ไอ้หยาพี่สะใภ้ พี่พักก่อน ร่างกายยังไม่แข็งแรงเลย แยกบ้านก็ดี ต่อไปพี่ก็อยู่กับซานเฉียงอย่างมีความสุข”
เหล่าไท่ไท่รีบปลอบ
โจวกุ้ยหลานเดินเข้าไป ทักทางหลี่ซิ่วยิงแล้วจึงถามเหล่าไท่ไท่ “ท่านแม่ พี่ชายข้าไปแล้วหรือ?”
“ไปแล้ว ไปตั้งแต่เช้าแล้ว ยังใส่ชุดใหม่ด้วยแน่ะ” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เหล่าไท่ไท่ก็ยินดีนัก
เพียงแต่ตอนนี้พี่สะใภ้ของนางกำลังทุกข์ใจ จะแสดงออกไม่ได้ ดังนั้นจึงใช้สายตาบอดโจวกุ้ยหลานว่าอย่าพูดเรื่องนี้
หลี่ซิ่วยิงเช็ดน้ำตา แล้วกล่าวกับเหล่าไท่ไท่ “เจ้าต้องให้ต้าไห่ดูดีๆ ล่ะ อย่าไปคว้าผู้หญิงอย่างนี้มาเชียว! เฮ้อ ชีวิตข้าช่างรันทดจริงแท้ ยากจนทั้งชีวิตยังไม่ว่า ทำไมต้องเจอคนแบบนี้ด้วย?”
โจวกุ้ยหลานนั่งอยู่ข้างๆ ละอายใจ
ใครจะคิดว่าครอบครัวพวกเขาจะแยกบ้านเอาเวลานี้ นางอยากให้เหล่าไท่ไท่กลับไปกับนาง แต่เวลานี้กลับกระดากที่จะเอ่ย
แต่พอนึกถึงสวีฉางหลินกับเจ้าก้อนน้อยที่กำลังรออยู่หน้าประตูแล้ว นางก็ร้อนรน
“พี่สะใภ้ พี่ก็ทำใจให้กว้างหน่อยเถอะ ต่อไปให้ซานเฉียงตบแต่งผู้หญิงดีๆ กลับมา” เหล่าไท่ไท่ปลุกปลอบนางทีละคำ
โจวกุ้ยหลานร้อนใจ นี่หากให้นางค่อยพูดค่อยปลอบ ใครจะทราบว่าจะเสร็จเมื่อไร?
“ท่านป้า เอาไว้ตอนเย็นข้าให้ท่านแม่ข้าทำบะหมี่ส่งมาให้ท่านป้าสักชามนะ กินของอร่อยสักมื้อ” โจวกุ้ยหลานต้องการเปลี่ยนประเด็น
เมื่อหลี่ซิ่วยิงได้ยิน ดวงตาก็เป็นประกาย เอ่ยขึ้นทันควัน “นั่นต้องเพิ่มอีกสองชาม น้องสาวเจ้าร่างกายก็ไม่แข็งแรง แล้วยังท่านลุงใหญ่กับพี่ซานเฉียงเจ้าอีก”
รูปแบบการเปลี่ยนประเด็นได้ผลจริงแท้ แต่ทำไมหลี่ซิ่วยิงถึงคล้อยตามอย่างนี้ได้?
โจวกุ้ยหลานแอบพึมพำในใจ รู้สึกว่าไม้นี้ของตัวเองมีประสิทธิภาพมาก ดูสินี่ก็พูดอะไรแล้วหรือ?
“พี่สะใภ้ เมื่อวานกุ้ยหลานส่งแป้งมาให้แล้วนี่? พวกท่านไม่ได้กินหรือ?”
เหล่าไท่ไท่ได้ยินน้ำเสียงของหลี่ซิ่วยิงก็รู้สึกชอบกล จึงรีบถาม
“อะไรนะ? มีแป้งด้วย?” หลี่ซิ่วยิงได้ยินก็เบิกตาโต
“ยังมีไข่ไก่หลายสิบฟอง ล้วนแต่ให้ท่านบำรุงร่างกาย หวังหยู่ชุนไม่ได้ทำให้ท่านกินหรือ?”
เหล่าไท่ไท่ก็ตกใจด้วยเหมือนกัน เมื่อคิดว่าหลี่ซิ่วยิงยังไม่ทราบว่าบุตรสาวตนส่งของมาให้ จึงรีบกล่าวออกมา
นี่เป็นของดีทั้งนั้น ทำไมถึงหมกเม็ดน้ำใจของบุตรสาวตนได้
“ยัยขี้เกียจคนนี้นี่! ต้องเป็นนางขโมยกินแล้วแน่!” หลี่ซิ่วยิงทุบเตียงอย่างจัง คับอกคับใจ
“บางทีเมื่อคืนนางอาจยังไม่ทันได้ทำ? พี่สะใภ้ พี่ก็อย่าคิดมากเลย” เหล่าไท่ไท่ปลอบ
หลี่ซิ่วยิงหงุดหงิด น้ำเสียงไม่ดี “ต้องเป็นยัยนั่น มีของดีนางไม่เก็บไว้กินเอง? ยังจะเก็บไว้ให้พวกเราหรือ? เฮ้อ นี่ข้าสร้างกรรมอะไรไว้ ทำไมถึงได้แต่งเจ้าคนหาเรื่องกลับมา”
ว่าแล้วก็หันไปมองโจวกุ้ยหลาน เมื่อคิดว่านางส่งของมากมายมาที่บ้าน หลี่ซิ่วยิงจึงรู้สึกเห็นหลานสาวคนนี้รื่นตาขึ้นมาก
เหล่าไท่ไท่ที่อยู่ข้างๆ จึงปลุกปลอกอีกหน่อย หลี่ซิ่วยิงจึงอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง
โจวกุ้ยหลานครุ่นคิดเวลา สองพ่อลูกนั่นคงรออยู่ข้างนอกครึ่งชั่วยามแล้ว
ไม่ได้ ถ้าเหล่าไท่ไท่ยังไม่กลับไป นางต้องพาสองพ่อลูกกลับไปแล้ว
บทที่ 103 แยกบ้าน (ต้น)
บทที่ 105 กุ้ยหลานดีมาก