ตอนที่ 138.2 ผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่คนที่สองแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน! (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ครู่ต่อมาหลังจากนั้น…

พลังปราณส่งเสียงก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง

“เมื่อครู่นี้ เจ้าไม่ได้ยินเสียงหรือ ข้าคือปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน ในเมื่อเจ้ามาที่นี่เพื่อแสดงความเคารพต่อรูปภาพเหมือนของท่านอาจารย์ของข้า เช่นนั้น เจ้าย่อมต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน ข้าจึงจะแวะมา”

หลี่ฉางโซ่วตื่นตกใจ แต่แล้วเขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย

มีเรื่องดีๆ เช่นนี้ด้วยหรือ

เขาเพิ่งเผาธูปไปเพียงสามดอกต่อหน้ารูปเหมือนของท่านจอมปราชญ์เทพโดยไม่เอ่ยวาจาใดออกมาแม้แต่คำเดียว แต่เขาได้กระตุ้นท่านจอมปราชญ์เทพและทำให้ศิษย์คนเดียวของเขามาปรากฏตัวขึ้นเพื่อพบเขาได้? แม้มันอาจจะจริง แต่ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไร…

‘ข้า เสวียนตู จ่ายศิลาวิญญาณมา’ จะน่าเชื่อถือมากขึ้นกว่านี้!

หลี่ฉางโซ่วพึมพำ “ท่านจะพิสูจน์ตัวตนของท่านได้อย่างไรหรือขอรับ ท่านผู้อาวุโส”

“หือ?”

ทันใดนั้น ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพลันตกตะลึงงันเช่นกัน เขาเพิ่งประสบกับสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่เขาได้ฝึกฝนบำเพ็ญเพียรมา

ข้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่า ข้าคือข้า

เจ้าศิษย์น้อยผู้นี้ช่างน่าสนใจจริงๆ

เสวียนตูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและส่งเสียงไปยังหลี่ฉางโซ่ว คราวนี้ เขาเอ่ยสองสามคำเกี่ยวกับพระสูตรนิรกรรมออกมาโดยตรง

ในขณะนั้น เสวียนตูก็เอ่ยอีกสองสองสามคำออกมากับหลี่ฉางโซ่ว ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระสูตรนิรกรรม ทว่าลึกซึ้งกว่าพระสูตรนิรกรรมด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป

ทันทีที่เห็นว่า หลี่ฉางโซ่วยังคงสงสัย ปรมาจารย์เสวียนตูก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้หรือร้องไห้ไม่ออกทันที แล้วจากนั้นเขาก็เผยเสี้ยวส่วนอักขระเต๋าของเขาเองกับหลี่ฉางโซ่ว…

ครั้นแล้ว ในความสิ้นหวังนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากส่งข้อความเสียงอื่นให้เขาอีกครั้ง

“มังกรกำลังเข้าสู่สวรรค์”

หลังจากได้ยินเช่นนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เข้าใจบางสิ่งและพบเหตุผลในทันที

อันที่จริง หลี่ฉางโซ่วก็แน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายหนึ่งต้องเป็นผู้ดำรงอยู่ที่ครองขอบเขตพลังที่น่าสะพรึงกลัวโดยพิจารณาจากเสี้ยวอักขระเต๋าของเขานี้…

หากพวกเขาต้องการทำร้ายเขา บางทีสำนักตู้เซียนก็คงจะถูกทำลายล้างออกไปจากดินแดนเทวะบูรพาแล้ว

ต่อหน้าผู้สูงส่งเช่นนี้ เขาย่อมไม่อาจใช้ลูกเล่นใดๆ ได้มากนัก

และในที่สุด หลี่ฉางโซ่วก็ลุกขึ้นยืนต่อหน้ารูปเหมือนของท่านจอมปราชญ์เทพ

สีหน้าของเขายังคงเหมือนเดิม เขาไปหาผู้อาวุโสที่เขาคุ้นเคยและขอแผ่นหยกเพื่อออกจากสำนัก จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและออกจากโถงในหอไป่ฝานไป

หลังจากออกจากหอไป่ฝานแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็พึมพำอีกครั้ง “ท่านผู้อาวุโส ข้าควรเรียกท่านเจ้าสำนักของข้ามาด้วยหรือไม่ขอรับ” “ไม่จำเป็น เจ้ามาได้เอง หากข้าอยากจะทำร้ายเจ้า แล้วเหตุใดข้าต้องบอกอะไรเจ้ามากมายเพียงนั้น”

“ท่านผู้อาวุโส โปรดอย่าตำหนิข้าเลยขอรับ” หลี่ฉางโซ่วพึมพำ “ศิษย์ไม่อาจตอบสนองได้ทันเวลา แต่จะรีบไปหาท่านเดี๋ยวนี้” หลังจากนั้น เขาก็ขับเคลื่อนเมฆไปทางประตูสำนัก เมื่อใช้แผ่นหยกออกจากประตูสำนักได้สำเร็จอย่างราบรื่นแล้ว เขาก็ใช้เส้นทางตะวันตกเฉียงใต้และบินช้าๆ ไปเป็นระยะทางหลายร้อยลี้

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูไม่ได้เร่งเร้าเขาต่อไป

หลี่ฉางโซ่วมองไปที่หินสัมผัสครู่หนึ่งก่อนที่จะร่อนลงไปในป่า ก่อนจะใช้หลีกลี้ปฐพีซ่อนกาย และเดินทางไปสองพันลี้ได้อย่างรวดเร็ว

ข้าควรใช้ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์เพื่อทดสอบก่อนหรือไม่

หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ปัดความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าเขาจะเป็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูหรือไม่ก็ตาม เขาก็ย่อมไม่สามารถเล่นเล่ห์กลกับเขาได้…

บัดนี้ เขาตัดสินใจใช้ความจริงใจแลกกับโอกาส

และไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ใช้พลังสัมผัสเซียนรับรู้เพื่อค้นหาสถานที่นี้ แต่ก็เขาไม่พบผู้ใดเลย

แต่ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็กระโดดขึ้นจากดินและขับเคลื่อนเมฆไปยังสถานที่ที่อยู่ห่างออกไปสามพันลี้ จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึงบางอย่างก่อนจะมองลงไปแล้วเห็นนักพรตเต๋าหนุ่มในชุดคลุมเต๋าสีดำในหุบเขาแห่งหนึ่ง

คนผู้นี้นั่งข้างลำธารโดยพับแขนเสื้อขึ้นในขณะที่มีไฟลุกโชนอยู่ข้างหน้าเขา ในขณะนั้นเขากำลังย่างปลาอยู่ด้วยท่าทีดูผ่อนคลาย

ในขณะนั้น หัวใจของหลี่ฉางโซ่วพลันสงบลงขณะที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวลงจากเมฆมาอยู่ห่างออกไปสิบฉื่อจากชายผู้นั้น แล้วโค้งคำนับให้อย่างสุดซึ้ง

“ศิษย์นาม หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ของสำนักตู้เซียน ขอน้อมพบท่านผู้อาวุโสขอรับ!”

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูพลันส่ายศีรษะและถอนหายใจ เขาถือปลาย่างและกล่าวว่า “ข้าฝึกฝนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่เคยเห็นศิษย์น้อยที่ดื้อรั้นเช่นเจ้ามาก่อน…หือ?”

ฉับพลันนั้น ดูเหมือนว่าปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูจะค้นพบบางอย่างในทันใด จึงหันศีรษะไปมอง หลี่ฉางโซ่วแล้วหัวเราะพลางกล่าวว่า “วิธีการซ่อนฐานพลังของเจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ หากข้าไม่สังเกตให้ดี ย่อมจะเข้าใจฐานพลังของเจ้าผิดไป…แล้วเหตุใดเจ้าจึงยังเป็นศิษย์น้อย เหตุใดสำนักตู้เซียนจึงไม่ให้ตำแหน่งผู้อาวุโสแก่เจ้า”

หลี่ฉางโซ่วพึมพำกับตัวเองและก้มศีรษะลงแล้วกล่าวว่า

“เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้วที่ศิษย์ได้ข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ข้าเพียงโชคดีที่ได้ทะยานขึ้นสู่เซียนในระหว่างข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์จนได้รับขอบเขตพลังการฝึกฝนเช่นนี้…

แต่ก่อนที่ศิษย์จะข้ามผ่านทัณฑ์สวรรค์ ศิษย์ก็เป็นเพียงศิษย์ธรรมดาในสำนัก หากศิษย์เปิดเผยขอบเขตพลังการฝึกฝนเช่นนี้อย่างกะทันหัน ก็เกรงว่าสหายศิษย์ร่วมสำนักจะมองว่าศิษย์เป็นตัววิปริตขอรับ

ดังนั้นศิษย์จึงใช้วิธีปกปิดเช่นนี้

…ศิษย์ไม่ได้มีเจตนาปกปิด และไม่มีเจตนามุ่งร้ายต่อสำนักของของตนเองอย่างเด็ดขาดขอรับ”

เสวียนตูพยักหน้าช้าๆและกล่าวว่า “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น มานั่งนี่ เจ้ายิ่งสุภาพมากเท่าใด ข้ายิ่งไม่ชอบมากเท่านั้น สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินของเราไม่มีกฎเกณฑ์มากมายนัก…แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่าเหตุใดท่านอาจารย์ถึงปล่อยให้ข้ามาคุยกับเจ้า มีน้อยคนนักที่ทะยานขึ้นสู่เซียนไปแล้วจะเป็นเช่นนี้ ซึ่งหาได้ยากยิ่งนับตั้งแต่สมัยโบราณ เจ้าเป็นอัจฉริยะ”

หลี่ฉางโซ่วเงยหน้าขึ้นและยิ้ม จากนั้นจึงเข้าไปใกล้ๆ นักพรตเต๋าหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาอย่างระมัดระวัง

ความประทับใจแรกที่เขามีก็คือ ความรู้สึกว่านักพรตเต๋าหนุ่มนั้นเรียบง่ายธรรมดาอย่างยิ่ง

ครั้นเมื่อได้สัมผัสอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นเหมือนขุนเขาสูงตระหง่าน โดยที่ไม่ได้ให้ผู้คนรู้สึกถึงพลังสะกดข่มใดๆ และไม่อาจมองทะลุผ่านเขาได้เลย

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เพียงนั่งอยู่ที่นั่นอย่างสบายๆ ขณะถือกิ่งไม้และยังมีปลาย่างกึ่งสุกอยู่ในมือของเขาแต่ดูเหมือนว่าเขาจะผสานกลมกลืนเข้ากับธรรมชาติแล้วสะท้อนสวรรค์และปฐพีอย่างสอดคล้องกันยิ่งนัก

ในขณะนั้น ในที่สุดหลี่ฉางโซ่วก็ยืนยันได้แล้วว่านี่คือผู้ที่ทรงพลังอำนาจสูงสุดเป็นอันดับสองในเผ่าพันธุ์มนุษย์

ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูแห่งอารามเสวียนตู! ช่างน่าตื่นตกใจจริงๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นปรมาจารย์เช่นท่าน ข้ารู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่จริงๆ

ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วก็สูดลมหายใจเข้าลึก และก้าวไปข้างหน้าสองก้าวก่อนจะนั่งลงต่อหน้าเสวียนตูและยื่นมือออกมาและกล่าวว่า “ศิษย์ย่างให้ดีกว่าขอรับ”

“เจ้าเฉลียวฉลาดยิ่ง”

“แน่นอนว่า นี่คือสิ่งที่ควรจะเป็น หากท่านผู้อาวุโสมีประสงค์ใด ศิษย์ย่อมควรทำให้ดีที่สุดขอรับ”

เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น เสวียนตูก็ยิ้มและหรี่ตาพลางยื่นฟืนให้ และแล้วยืดเหยียดหลังของเขาออกไป

แล้วจู่ๆ ก็ดูเหมือนว่า เสวียนตูจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และเอ่ยอย่างเป็นกันเองว่า “อย่างไรเสีย ข้าก็ยังทำให้รูปปั้นดินเหนียวครองคู่ของเจ้าเสียหายมาก่อนจนสร้างชะตากรรมสัมพันธ์เล็กน้อยกับเจ้า แล้วเจ้าได้กินโอสถวิญญาณที่ข้าขอให้สหายเต๋าตู้เอ้อร์มอบให้เจ้าเมื่อก่อนหน้านี้หรือไม่ เป็นอย่างไรบ้าง”

“ศิษย์ไม่ได้กินขอรับ” หลี่ฉางโซ่วกล่าวพลางยิ้ม “ร่างของศิษย์ไม่มีอะไรผิดปกติ ศิษย์จึงอยากมอบโอสถวิญญาณเอาไว้ให้กับท่านอาจารย์ของศิษย์ที่กำลังฝึกฝนเต๋าเซียนจั๋วขอรับ”

“ก่อนอื่น…ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ศิษย์ขอบังอาจถามสักหน่อยได้หรือไม่ว่า เซียนจั๋วสามารถฝึกฝนได้ถึงเพียงเซียนเสิ่นเท่านั้นหรือขอรับ”

“ใช่ เซียนจั๋วเป็นเพียงเซียนพิภพ เขาสามารถฝึกฝนได้ถึงแค่เซียนเสิ่นเท่านั้น” เสวียนตูพยักหน้าช้าๆ ขณะกล่าว “ข้าต้องขอโทษกับการสูญเสียของเจ้าด้วย”

หลี่ฉางโซ่วถึงกับเงียบกริบ

ช่างเป็นอัจฉริยะในการสนทนาจริงๆ

“มาคุยกันเถิดว่าเจ้ากำลังเผชิญปัญหาใด” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูมองไปที่หลี่ฉางโซ่ว “ในเมื่อท่านอาจารย์ขอให้ข้าลงมาหาเจ้า ข้าก็จะช่วยเจ้าให้พ้นจากภยันตรายของเจ้า แล้วเจ้ามีความเกี่ยวข้องใดกับเผ่าพันธุ์มังกร”

หลี่ฉางโซ่วยิ้มขื่นและกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านรู้จักสำนักเทพทะเลทักษิณหรือไม่ขอรับ” เสวียนตูจึงทำการบีบนิ้วคาดการณ์คำนวณบางอย่างก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ยินมาว่าศาลสวรรค์กำลังแพร่แพร่กระจายข่าวว่า ท่านอาจารย์อาน้อย องค์เง็กเซียนชื่นชมสำนักเทพทะเลอย่างมาก จึงต้องการเลือกเทพนอกรีตจากสำนักเทพทะเลให้มาเป็นเทพที่ชอบธรรม”

หลี่ฉางโซวพลันถอนหายใจและกล่าวว่า “ศิษย์คือ เจ้าสำนัก…ของสำนักเทพทะเลทักษิณ” “โอ้?” ดวงตาของเสวียนตูเปล่งประกายกล้าฉับพลัน “หากเจ้าพูดเช่นนั้น ข้าก็ยิ่งมีพลังกระตือรือร้นมากขึ้น! เจ้ามีวันวัยยังไม่ถึงสองร้อยปี แต่เจ้าเป็นเจ้าสำนักของสำนักเทพทะเลทักษิณได้อย่างไร ย้อนกลับไปในตอนนั้น ข้ายังแอบส่งคนมาจัดการกับสำนักเช่นนี้ มันถูกทำลายไปในเวลาไม่กี่ร้อยปี…แค่กๆ! บอกข้ามาเถิดว่าเกิดอันใดขึ้น”