บทที่ 279 จัดฉากฆ่า
บทที่ 279 จัดฉากฆ่า
เมื่อได้ยินคำพูดของโจวอี้ เสี่ยวซีก็ตระหนักได้ทันทีว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาคงเป็นศิษย์ของนิกายเร้นลับ เนื่องจากจุดที่พวกเขาอยู่ตอนนี้มันอยู่ไม่ไกลจากสถานที่ที่ผู้คนของนิกายเร้นลับนัดรับวัตถุดิบยา ดังนั้นคงเป็นเรื่องปกติที่สาวกของนิกายเร้นลับจะปรากฏตัวที่นี่
ความโกรธของเขาเลือนหายไปทันที และท่าทีของเขาก็เปลี่ยนเป็นความเคารพ
“เยี่ยนเสี่ยวซีจากตระกูลเยี่ยนได้เห็นพี่น้องนิกายเร้นลับแต่กลับไม่รู้จักตัวตนของคุณ หากคุณโกรธเคือง ผมหวังว่าคุณจะให้อภัย” เยี่ยนเสี่ยวซีพูดพลางประสานมือ
“นายเป็นสมาชิกของตระกูลเยี่ยน? เข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงรู้จักนิกายของเรา” โจวอี้มองอีกฝ่ายก่อนจะถามกลับด้วยน้ำเสียงเหนือกว่า “งั้นนายส่งวัตถุดิบยาทั้งหมดแล้วหรือยัง?!”
“วัตถุดิบยาอยู่ในรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ด้านหลังครับ” เยี่ยนเสี่ยวซีตอบอย่างนอบน้อม
ขณะนี้เขาไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของโจวอี้แล้ว
เรื่องที่นิกายเร้นลับขอให้ตระกูลเยี่ยนช่วยหาซื้อวัตถุดิบยา หากอีกฝ่ายไม่ใช่สาวกของนิกายเร้นลับก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรู้ความลับของแผนการนี้
โจวอี้พยักหน้าด้วยท่าทางพึงพอใจและพูดว่า “ไม่เลวเลยตระกูลเยี่ยน ว่าแต่นายเป็นคนรับผิดชอบหลักในการขนส่งวัตถุดิบยาครั้งนี้เหรอ?”
“ไม่ใช่ผมหรอกครับ รอสักครู่ ผมจะรีบไปบอกนายท่านรองทันที” เยี่ยนเสี่ยวซีพูดจบก็วิ่งไปทางด้านหลัง
“เกิดอะไรขึ้น?” เยี่ยนเทียนหรูถามขณะยังนั่งรออยู่ในรถ
“นายท่านรอง มีศิษย์นิกายเร้นลับอยู่ข้างหน้า รถของเขาถูกชนท้ายและกำลังแก้ปัญหา” เยี่ยนเสี่ยวซีไม่ได้บอกว่าเขาถูกโจวอี้ซ้อมเพราะกลัวว่าเขาจะถูกลงโทษเพราะเข้าไปหาเรื่องศิษย์นิกายเร้นลับ
“ศิษย์นิกายเร้นลับ?”
สีหน้าของเยี่ยนเทียนหรูเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูรถและเดินลงไป
เยี่ยนเสี่ยวซียื่นร่มให้เขาทันที
“เสี่ยวซี นายแน่ใจนะว่าอีกฝ่ายเป็นศิษย์ของนิกายเร้นลับ?” เยี่ยนเทียนหรูถามขณะเดินไปข้างหน้า
“เขารู้จักตระกูลเยี่ยนของเรา และเขายังรู้ว่าเรากำลังส่งวัตถุดิบยา และเขายังถามว่าใครคือผู้รับผิดชอบการส่งวัตถุดิบยาในครั้งนี้” เยี่ยนเสี่ยวซีตอบ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ความสงสัยส่วนใหญ่ของเยี่ยนเทียนหรูก็หายไป
เยี่ยนเทียนหรูเดินเข้าไปหาโจวอี้ หลังจากแนะนำตัวแล้ว เขาก็ถามอีกฝ่ายว่า “นายเป็นสาวกของนิกายเร้นลับเหรอ นายมีป้ายประจำตัวของนิกายเร้นลับไหม?”
“คราวนี้เราซื้อวัตถุดิบยามาอย่างลับ ๆ ดังนั้นเราไม่สามารถพกป้ายประจำตัวได้ ไม่งั้นถ้าเกิดเรื่องราวไม่คาดฝันขึ้นมา มันจะเป็นการเปิดเผยตัวตนของนิกายเรา” โจวอี้พบว่าอีกฝ่ายขมวดคิ้ว เขาจึงพูดต่อไปว่า “อาจารย์ของผมคือเฮยอู่หยา เขาได้บอกผมว่าถ้าพบกับผู้อาวุโสตระกูลเยี่ยนก็ให้เอ่ยทักทายแทนด้วย”
ครั้นได้ยินคำพูดนี้ แววตาระแวดระวังของเยี่ยนเทียนหรูก็ผ่อนคลายลงทันที
ไม่ผิดแน่!
ผู้รับผิดชอบในการประสานงานระหว่างตระกูลเยี่ยนและนิกายเร้นลับคือเฮยอู่หยา
นอกจากกลุ่มผู้อาวุโสเจ็ดแปดคนของตระกูลเยี่ยนแล้ว มีเพียงไม่กี่คนในตระกูลที่รู้เรื่องนี้
“แล้วน้องชายชื่ออะไร?” เยี่ยนเทียนหรูถามด้วยรอยยิ้ม
“เฮยเฉา” โจวอี้สร้างชื่อปลอมขึ้นมา
ใช้เฮยเป็นนามสกุล?
เยี่ยนเทียนหรูตระหนักได้ทันทีว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาคงเป็นลูกหลานของตระกูลเฮย
เขาหันไปหาเฉิงฮ่าว และจิตสังหารก็เผยขึ้นในแววตาของเขา
“ผู้อาวุโสเยี่ยน คุณสามารถคุยกับผมเป็นการส่วนตัวได้ไหม?” โจวอี้รีบถามขึ้นมาทันที
“ได้!” เยี่ยนเทียนหรูพยักหน้า
พวกเขาทั้งสองพากันเดินห่างออกไปอีกหลายสิบเมตรก่อนจะหยุดเพื่อสนทนากัน
“ผู้อาวุโสเยี่ยน ตามกฎของนิกายเร้นลับของเรา สาวกทุกคนไม่สามารถฆ่าใครได้ตามอำเภอใจหากไม่ได้รับอนุญาต แต่คราวนี้ผู้นำนิกายสั่งมาโดยตรงว่าให้เรารับผิดชอบการซื้อวัตถุดิบยาอย่างลับ ๆ ดังนั้นเราจะต้องทำทุกอย่างไม่ให้เกิดปัญหาตามมาภายหลัง เพื่อไม่ให้กระทบกับแผนจัดซื้อวัตถุดิบยา ผมไม่สามารถฆ่าคนได้ตามใจชอบ ดังนั้นหลังจากที่ผมไปแล้ว คุณช่วยส่งคนตามฆ่าไอ้คนที่ขับชนรถผมได้ไหม เพื่อไม่ให้มีคนที่อาจเป็นพยานหลงเหลือ อ้อ และอย่าลืมทำลายศพให้หมดด้วย” โจวอี้แสร้งทำเป็นเย็นชา
“ไม่มีปัญหา ฆ่าคนธรรมดาพวกนี้ง่ายเหมือนฆ่าไก่เลย” เยี่ยนเทียนหรูพยักหน้า แต่หัวใจของเขารู้สึกเย็นวาบ
เขาได้ยินคำว่า “แผน” จากอีกฝ่าย
เกรงว่าการซื้อวัตถุดิบยาครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับความลับที่ยิ่งใหญ่ในแผนการที่ผู้นำของนิกายเร้นลับสร้างขึ้น
“น้องชาย ตระกูลเยี่ยนของเรามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนิกายของนายมากที่สุด ช่วยบอกฉันได้ไหมว่าทำไมจู่ ๆ พวกเราถึงต้องซื้อวัตถุดิบยามากมายขนาดนี้” เยี่ยนเทียนหรูถาม
“คือ..” โจวอี้แสร้งทำเป็นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กวักมือให้เยี่ยนเทียนหรูให้เข้ามาใกล้ ๆ หลังจากที่อีกฝ่ายแนบหูเข้ามา โจวอี้ก็พูดเสียงต่ำว่า “นี่คือแผนยุทธศาสตร์ใหญ่ของเราสำหรับอนาคตอันใกล้นี้ ถ้าผมบอกคุณแล้ว คุณต้องเก็บเป็นความลับ”
ยุทธศาสตร์…แผนใหญ่?
เยี่ยนเทียนหรูตกตะลึง เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง “ฉันสาบาน ฉันจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร”
“นิกายเร้นลับของเรา…จะถูกกำจัดในไม่ช้า!”
ขณะพูด โจวอี้ก็ใช้แขนโอบคอของเยี่ยนเทียนหรูที่ยืนอยู่ในระยะประชิด ก่อนจะชักมีดแทงเข้าไปยังหัวใจของอีกฝ่ายอย่างเงียบเชียบและเลือดเย็น! ทว่าเยี่ยนเทียนหรูคือผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ เขายังไม่ตายในทันที
พริบตาต่อมา โจวอี้ก็ใช้เข็มเงินสองเล่มแทงเข้าที่คิ้วและขมับของเยี่ยนเทียนหรูอีกครั้งอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!
“นี่นาย…” เมื่อครู่นี้เยี่ยนเทียนหรูกำลังจดจ่อกับการฟังความลับที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเขาจึงไม่ระวังตัวใด ๆ เลย ซึ่งเป็นเหตุให้เขาถูกโจมตีตามจุดสำคัญอย่างไม่อาจตอบโต้ได้
ดวงตาของเขาเผยแววเหลือเชื่อ
ริมฝีปากของเขาบิดเบี้ยวแต่เขาไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
เขาไม่เข้าใจว่าทำไมอีกฝ่ายถึงลงมือกับเขา
ทำไม?
โจวอี้ไม่สนใจเยี่ยนเทียนหรูที่ร่างแข็งค้างอีกต่อไป เขาเดินเข้าไปหาเยี่ยนเสี่ยวซีและคนอื่น ๆ และเมื่อเขาอยู่ห่างจากเยี่ยนเสี่ยวซีแค่สองสามก้าว เยี่ยนเทียนหรูก็ล้มลงกับพื้นดังตุบ!
“ฆ่า!” โจวอี้ตะโกนเสียงดัง และมีดที่ยังเต็มไปด้วยคราบเลือดก็ปักเข้าที่คอของเยี่ยนเสี่ยวซีทันที
ในเวลาเดียวกัน เฉิงฮ่าวและลูกน้องอีกสองคนของเขาที่อยู่ข้างหลังก็โจมตีผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลเยี่ยนอีกหลายคนที่ไม่ทันได้ระวังตัว ปืนพกสามกระบอกเล็งไปที่ผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลเยี่ยนในระยะประชิดและยิงออกมาหลายนัด
“ฉิบหายแล้ว!”
ชายวัยกลางคนจากตระกูลเยี่ยนรีบเปิดประตูรถและพุ่งตัวออกจากรถออฟโรดที่อยู่ข้างหลังทันที อีกทั้งชายฉกรรจ์อีกแปดคนก็รีบออกมาจากรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั้งสี่คัน แม้ว่าพวกเขาจะกลัวปืนพกในมือของเฉิงฮ่าวและลูกน้อง แต่พวกเขาก็ยังเข้ามาต่อสู้เพื่อหวังว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้
“โง่ฉิบหาย!” โจวอี้หัวเราะเยาะ
จากนั้นแค่เพียงพริบตา ร่างของโจวอี้ก็ไปปรากฏขึ้นต่อหน้าชายวัยกลางคนจากตระกูลเยี่ยน และส่งหมัดอันรุนแรงระเบิดหัวของอีกฝ่าย!
ฆ่า!
อย่าให้เหลือ!
โจวอี้ไม่มีความเมตตาต่อผู้ฝึกยุทธ์ของตระกูลเยี่ยนแม้แต่น้อย เขาเป็นเหมือนเสือที่กระโจนเข้าไปในฝูงแกะ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ไม่เกินสิบวินาที ชายฉกรรจ์ที่หวาดกลัวจนแทบฉี่ราดอีกแปดคนก็ถูกเขาฆ่าตายท่ามกลางสายฝน
เฉิงฮ่าวจ้องมองมาที่ร่างของโจวอี้
เขาพบว่ากลิ่นอายของโจวอี้แข็งแกร่งกว่าครั้งล่าสุดที่เจอกัน
ก่อนหน้านี้โจวอี้เพิ่งอยู่ระดับกึ่งปรมาจารย์ แต่ตอนนี้กลับมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว นี่หมายความว่าอย่างไร?
“พี่เฉิง คุณควรกำจัดศพและรถพวกนี้อย่างเงียบ ๆ และย้ายวัตถุดิบยาในรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ไปไว้ในที่ลับเพื่อไม่ให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น” โจวอี้ออกคำสั่ง
“ไม่มีปัญหา ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะ” เฉิงฮ่าวพยักหน้าอย่างจริงจัง
พวกเขาฆ่าคนและขโมยสินค้า ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาได้เตรียมการมาล่วงหน้า ตอนนี้ลูกน้องของเฉิงฮ่าวมากกว่าหนึ่งโหลมาถึงที่นี่แล้ว
โจวอี้เข้าไปในที่นั่งคนขับของรถคันหนึ่งและขับออกไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางการจ้องมองของเฉิงฮ่าว
เขากำลังจะไปที่ท่าเรือโกลเด้นเกท เขาต้องการดูว่าคนในสำนักโอสถของเขาจะโจมตีสาวกของนิกายเร้นลับที่ท่าเรือจริงไหม?
ถ้าคนของสำนักโอสถลงมือ เขาก็จะเข้าร่วมด้วย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
โจวอี้มาถึงท่าเรือโกลเดินเกท
ขณะที่เขากำลังขับรถไปที่โกดัง เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากอาจารย์ของเขา
“กลับไปซะ” สองคำนี้ดังมาจากปลายสาย
โจวอี้หยุดรถและมองหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาหลังจากที่อีกฝ่ายวางสายไป เขายิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว
เขาคิดว่าต้องมีสาวกสำนักโอสถอยู่ใกล้ ๆ นี้แน่
และคนคนนั้นได้แจ้งการมาถึงของเขาให้อาจารย์ทราบ
เขาหมุนพวงมาลัยรถเพื่อที่จะกลับรถออกจากที่นี่ด้วยความสิ้นหวัง
ทันใดนั้น ประตูฝั่งผู้โดยสารข้างคนขับก็เปิดออก และร่างหนึ่งก็ก้าวขึ้นมานั่ง