บทที่ 239 เย็บเสื้อผ้า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 239 เย็บเสื้อผ้า

บทที่ 239 เย็บเสื้อผ้า

ครั้นเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานใจอ่อน ฉินเย่จือก็ยิ้มอย่างมีความสุข และยื่นมือออกไปเปิดประตูลาน และกู้เสี่ยวหวานก็ตกตะลึงครู่หนึ่ง

คนผู้นี้เคาะประตูเมื่อครู่นี้ มันเป็นเพียงมารยาท เขาเปิดประตูรั้วที่มีความสูงเท่าเอวราวกับเขาไม่ได้สนใจมัน

กู้เสี่ยวหวานกล่าวด้วยความขุ่นเคืองสองสามประโยคแล้วเกลี้ยกล่อมให้กู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้ที่ออกมาดูให้กลับเข้าไป

“ท่านพี่ เหตุใดเขาถึงมาที่นี่อีกแล้ว?” กู้หนิงผิงพึมพำด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย

เมื่อฉินเย่จือได้ยินคำพูดของกู้หนิงผิงก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร เจ้าเด็กผู้นี้ จริง ๆ แล้วตนเองได้รอพวกเขาที่นี่มาทั้งวันแล้ว ฉินเย่จือยิ้มอย่างขมขื่น แต่เพื่อมื้ออาการที่หอมกรุ่น เขาทนได้

เขาเดินตามกู้เสี่ยวหวานไปที่ห้องครัว ซึ่งแต่เดิมเป็นครัวเล็ก ๆ แต่เมื่อมีคนตัวสูงเช่นฉินเย่จือเข้ามา ก็รู้สึกได้ว่ามันเล็กลงกว่าเดิมมาก

เดิมทีกู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะทำอาหารสองจาน แต่เมื่อคิด ๆ ดูแล้ว นางก็ทำเพิ่มอีกจานหนึ่ง กู้เสี่ยวหวานคาดว่าอาหารเหล่านี้ก็เพียงพอแล้ว แต่เมื่อนึกถึงฉินเย่จือที่บอกว่าไม่ได้กินมาหนึ่งวันแล้ว จึงทำอาหารจานที่สามเพิ่มอีก

หลังจากอาหารสามจานถูกตั้งลงบนโต๊ะ ข้าวก็สุกได้ที่ พวกเขาจัดชุดชามและตะเกียบสี่ชุด ฉินเย่จื่อก็เดินตามนางไปที่โต๊ะ

ด้วยท่าทางที่ดูคุ้นเคย ราวกับว่าเขาจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ไปแล้ว เขาไม่รู้สึกอึดอัดและทานอาหารอย่างสบายใจ ในท้ายที่สุด อาหารทั้งสามจานที่กู้เสี่ยวหวานทำส่วนใหญ่ก็ลงไปอยู่ในท้องของเขา

กินเสร็จก็เรอออกมาด้วยความพึงพอใจ

เมื่อกู้เสี่ยวหวานได้ยินสิ่งนี้ นางจึงมองไปทางฉินเย่จืออย่างล้อเลียน แต่เขาไม่สนใจและลูบท้องที่อิ่มอย่างพึงพอใจ

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ กู้เสี่ยวหวานก็จ้องไปที่ฉินเย่จือราวกับว่านางกำลังจะขับไล่แขก ฉินเย่จือจะมองไม่เห็นได้อย่างไร แต่เมื่อได้เข้ามาแล้ว เขาจะออกไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร

เมื่อสักครู่พึงพอใจแล้ว แต่คราวนี้กลับมาทำหน้าขมขื่นอีกครั้ง “เสื้อผ้าของข้าขาดแล้ว เจ้าช่วยซ่อมให้ข้าได้หรือไม่”

เขาคว้านรูโบ๋บริเวณหน้าอกของเขาและหันให้กู้เสี่ยวหวานดู

กู้เสี่ยวหวานรู้มานานแล้วว่าเสื้อผ้าของเขาขาดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง คนผู้นี้ไม่รู้ว่ามาจากไหน เขากลับมาหลังจากที่อาการบาดเจ็บหายดีและไม่มีแม้แต่ชุดที่เรียบร้อย

เมื่อมองดูเพดานอันมืดมิดอย่างน่าเศร้า กู้เสี่ยวหวานจึงกล่าวว่า “ถอดออกแล้วข้าจะซ่อมให้”

ฉินเย่จือประหลาดใจมากและรีบถอดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว จากนั้นกู้เสี่ยวหวานก็เพิ่งรู้ว่าชุดชั้นในบนตัวของเขาเป็นตัวที่ฉือโถวนำมาให้ในครั้งที่แล้ว

กู้เสี่ยวหวานหยิบกล่องเย็บผ้าออกมา สอดเข็มและด้าย โดยอาศัยความสว่างใต้ตะเกียงน้ำมัน และเย็บเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง ทั้งห้องนั้นอบอุ่นและฉินเย่จือก็ตกอยู่ในภวังค์ไปครู่หนึ่ง

ขณะที่กู้เสี่ยวหวานเย็บเสื้อผ้า ก็ได้กลิ่นอะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าเสื้อผ้าของบุคคลนี้ไม่ได้เปลี่ยนมาเป็นเวลานาน ลักษณะที่เลอะเทอะเช่นนี้ไม่สมกับหน้าตาที่งดงามของเขาเลย

“เจ้าไม่ได้ซักมานานเท่าไรแล้ว?”

“อืม สิบกว่าวันแล้ว” ฉินเย่จือเอียงหัวแสร้งทำเป็นครุ่นคิดอย่างจริงจังแล้วกล่าว

กู้เสี่ยวหวานรีบโยนเสื้อผ้าที่เย็บเสร็จแล้วให้ฉินเย่จือ “เย็บเสร็จแล้ว ที่นี้เจ้าไปได้แล้ว”

เมื่อเห็นความรังเกียจของกู้เสี่ยวหวาน ฉินเย่จือก็รู้สึกภาคภูมิใจ

ไม่คิดว่าการหยอกล้อกับเด็กหญิงจะมีความสุขเช่นนี้

“อย่างนั้นก็ขอบคุณแม่นางกู้” ฉินเย่จือสวมเสื้อผ้าแล้วเดินออกไปอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายของวันนี้ได้สำเร็จแล้ว หากยังวุ่นวายต่อไปเช่นนี้ คาดว่ากู้เสี่ยวหวานคงจะแผลงฤทธิ์ออกมา ฉินเย่จือเดินออกจากประตูอย่างระมัดระวัง และเมื่อเขามาถึงสถานที่ที่ไม่มีผู้ใดอยู่ อาโม่ก็ปรากฏตัวขึ้นจากที่ไหนสักแห่ง เขามองไปที่เสื้อผ้าของนายท่านอย่างไม่เข้าใจ

เสื้อผ้าของนายท่านจะไม่สามารถใส่ได้อีกเป็นครั้งที่สอง นับประสาอะไรกับเสื้อผ้าที่มีรูขาดขนาดใหญ่สองรู แต่คราวนี้ได้รับการซ่อมแซมแล้ว

ฉินเย่จือมองลงมาจากภูเขา กลางคืนนั้นมืดสนิท มองเห็นเพียงแสงเทียนรำไรเท่านั้น ใบหน้าของฉินเย่จือก็ดูอบอุ่นขึ้นครู่หนึ่ง แต่เมื่อเขามองย้อนกลับมา ใบหน้านั้นกลับดูเย็นชา

อาโม่ลูบจมูกของเขาพลางมองไปที่ท่าทีของนายท่านและคิดอย่างขุ่นเคือง นี่คือสิ่งที่นายของเขาควรจะเป็น!

ภายในร้านซุ่นซินที่แสงไฟสว่างไสว

เมื่อเร็ว ๆ นี้ อาจกล่าวได้ว่ากู้ฉวนลู่มีความสุขกับทุกสิ่ง

ความสัมพันธ์ระหว่างกู้ซินเถาและเจียงหย่วนนั้นดีขึ้นทุกวัน เจียงหย่วนจะส่งสิ่งของต่าง ๆ มาให้กู้ซินเถาเพื่อทำให้นางมีความสุข เมื่อเห็นเจียงหย่วนที่รักลูกสาวของกู้ฉวนลู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเขาภูมิใจแค่ไหน

เขากำลังคิดบัญชีของวันนี้อยู่หลังโต๊ะ เมื่อเขาเห็นแขกมาที่ชั้นล่างและเดินเข้ามาด้วยท่าทางโซซัดโซเซ กู้ฉวนลู่จึงมองไปซ้ายขวา แต่ไม่มีลูกจ้างในร้านอยู่แถวนั้นเลย เขากลัวว่าคนผู้นี้จะตกบันได เขาจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยพยุง “นายท่านหวัง ได้โปรดช้าลงหน่อย ได้โปรดช้าลงหน่อย!”

ผู้ที่ถูกเรียกว่านายท่านหวังมีกลิ่นเหล้าโชยออกมาจากตัว เขาโบกมือและกล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความมึนเมาว่า “วันนี้ข้ามีความสุข!”

กู้ฉวนลู่ส่งคนผู้นั้นให้กับลูกจ้างในร้านที่อยู่ถัดจากเขา และโบกมือให้ช่วยพยุงเพื่อไม่ให้เขาล้มลงในร้านอาหาร

ลูกค้าที่คุ้นเคยกับนายท่านหวังเดินเข้ามาทักทาย “อ้าว นายท่านหวัง เหตุใดวันนี้ท่านดื่มเยอะเช่นนี้?”

ญาติคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างนายท่านหวังกล่าวว่า “นายท่านหวังเกษียณอายุ และกำลังจะไปหาลูกชายที่ทางใต้ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ครั้งนี้จึงเชิญทุกคนมาทานอาหารเย็นด้วยกัน”

“อ๋อ” คนข้าง ๆ ยกยอ “นายท่านหวังคงจะมีความสุขน่าดู”

นายท่านหวังหัวเราะ “ลูกชายของข้าเป็นคนกตัญญู ต้องการให้ข้าได้พักผ่อนและมีความสุข ข้าแก่แล้วไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเมื่อไร จึงขายอสังหาริมทรัพย์และที่ดินทั้งหมดเพื่อแลกเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อใช้ในชีวิตบั้นปลาย”

“ลูกชายของท่านทำกิจการใหญ่อยู่ตอนนี้ ท่านจะไม่มีเงินใช้ได้อย่างไรกัน” หนึ่งในนั้นกล่าวยกย่อง “นายท่านหวัง ในอนาคตหากท่านไปหาลูกชายที่นั่น ถ้ามีกิจการดี ๆ ก็อย่าลืมพวกเราล่ะ!”

“ข้าจะไม่ลืม ข้าจะไม่ลืม” นายท่านหวังไม่ดื่มมาก แต่เพราะอายุมาก ใบหน้าของเขาจึงแดงระเรื่อ “ข้าอาศัยอยู่ในเมืองหลิวเจียนี้มาเกือบทั้งชีวิต ถ้าไม่ใช่เพื่อลูกชายของข้า ข้าคงไม่อยากออกจากบ้านเกิดของข้าเช่นนี้หรอก!”

“ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมาอีก!”

“ใช่แล้ว ๆ พวกเราจะรอต้อนรับท่านกลับมา”