บทที่ 257 ความหยิ่งผยองของม้าเหงื่อโลหิต
นางคาดว่า!
เย่แจ๋หยิ่งต้องหลับอยู่เป็นแน่ และคนขับรถม้าที่บังคับรถก็ไม่ได้รับอนุญาตจากเขา ก็ปัญญาอ่อนไม่กล้าที่จะหยุดรถม้า เมื่อเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น
มองไปที่ล้อรถของรถม้า ที่วนเวียนอยู่ข้าวหน้าผา หลานเยาเยาก็อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่อ
ทันใดนั้น!
“อ้า…….”
เสียงกรีดร้องแหลมด้วยความกลัวดังออกมาจากรถม้าของเย่แจ๋หยิ่ง เสียงนั่นกลับเป็นเสียงของผู้หญิง
เพราะว่าเสียงแหลมนั่นร้องจนแตก ดังนั้นหลานเยาเยาฟังไม่ออกเลยสักนิดว่าเป็นเสียงของใครที่ดังออกมา
นี่ทำให้นางอดไม่ได้ที่มุมปากจะกระตุกขึ้น!
ร้ายกาจมาก!
พาผู้หญิงมาด้วยยังกล้าที่จะขับรถม้าเช่นนี้ อยู่คนเดียวเพราะว่าศักยภาพจริงๆ
แต่ต่อจากนั้น ทำให้หลานเยาเยายิ่งเกิดความขัดใจมากขึ้น
รถม้าของเย่แจ๋หยิ่งชะลอความเร็วลง และยังช้ามากด้วย ช้าจนคนที่เดินทางเท้ายังเร็วกว่ารถม้าของเขา
บ้าเอ้ย!
ความเร็วเหมือนเต่านี่…….
ขนาดสวนหยู่ของนางก็ยังทนดูไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
สวนหยู่ที่ได้หยุดความเร็วลง ร้อนรนจะใช้กีบขุดไปที่พื้นอยู่ตลอด เพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจของมัน
หลานเยาเยาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
นางคิดว่าเป็นเพียงเพราะผู้หญิงที่อยู่ในรถม้าได้รับความตกใจ ดังนั้น รถม้าจึงได้วิ่งช้าลงเช่นนี้ รอผ่านไปสักครู่หนึ่ง
คาดว่าก็คงจะเพิ่มความเร็วขึ้น
ใครจะรู้……
เวลาผ่านไปตั้งนานแล้ว
รถม้ายังคงไปอย่างช้าๆเหมือนเดิม
หลานเยาเยา “……”
โธ่เว้ย!
คนรีบร้อนจะตายอยู่แล้ว
นางบ่นพึมพำด้วยเสียงต่ำหนึ่งประโยค มือค้ำอยู่ที่คางตั้งนานแล้ว มองไปยังรถม้าสีดำด้วยสีหน้าที่จนปัญญา
“ตึกตึกตึก……”
“ตึกตึกตึก……”
“ตึกตึกตึก……”
“……”
ทางด้านหลังมีเสียงกีบม้าควบดังขึ้น และไม่ใช้ม้าเพียงแค่ตัวเดียว
หลานเยาเยารู้สึกอารมณ์เสียถึงขีดสุด ไม่มีอารมณ์จะไปสนใจว่าคนด้านหลังพวกนั้นเป็นใครเลนสักนิด
กล่าวโดยสรุป!
ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้ว่าจะเป็นเง็กเซียนฮ่องเต้มา ก็ยังต้องตามนางเช่นกัน ต้องหยุดม้าลงอยู่ดีรอให้รถม้าคันข้างหน้าผ่านทางหน้าผานี่ไปซะก่อน
เป็นไปดังคาด!
“ยู่……”
มีคนดึงบังเหียนม้าไว้แน่น บังคับม้าให้หยุดลง จากนั้นคนด้านหลังที่ควบม้ามาก็ล้วนหยุดม้าลง
“ด้านหน้าเป็นรถม้าของอ๋องเย่ ยังมีผู้หญิงขี่ม้าที่อยู่ด้านหน้านี่เป็นผู้ใด? มองจากเงาด้านหลังน่าจะเป็นผู้ที่งดงามมากที่สุด”
“อ๋องเย่เก่งกาจจริงๆเลย คิดไม่ถึงว่าจะกล้านั่งรถม้าผ่านไปจากทางนี้ ที่นี่ก็บรรจุรถม้าได้เพียงแค่หนึ่งคันเท่านั้น หากว่าไม่ระวัง……”
“หุบปาก เจ้าไม่เอาชีวิตแล้ว?”
มีคนพูดตัดบทคนที่กำลังพูดนั่นทันที
และเสียงคนที่พูดตัดบทนั่น ทำให้หลานเยาเยาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
น้ำเสียงนี้ไม่ใช่เสียงเย่หลีเฉินหรอ?
ด้วยเหตุนี้!
นางจึงหันกลับไปดู ก็ได้เห็นฉากที่เจริญตามากฉากหนึ่ง
คุณชายทั้งเจ็ดแห่งเมืองหลวง ทั้งหกคนล้วนอยู่ข้างหลังนางทั้งหมด แต่ละคนล้วนองอาจผ่าเผย รูปงามเป็นที่สุด
ที่โดดเด่นที่สุดในบรรดานั้นนับว่าเป็นองค์ชายรัชทายาทเย่หลีเฉินและเซียวซื่อจื่อเซียวจิ่นหยู
หากว่าจำเป็นต้องเปรียบเทียบกับให้ได้ หลานเยาเยาคิดว่าเซียวจิ่นหยูที่สุภาพอ่อนโยนเหนือกว่าเล็กน้อย
แต่ทว่า!
เมื่อนางหันกลับไปครั้งนี้ ทำให้คุณชายทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังนั้นแทบจะกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
สวย…..
ชั่งสวยงามยิ่งนัก!
ในโลกใบนี้มีหญิงที่งามหยาดเยิ้มจนต้องตะลึงได้ถึงเพียงนี้เชียว แค่หันมาเพียงแวบเดียว ก็สามารถยั่วยวนให้พวกเขาหลงใหลได้แล้ว
ถึงขั้นที่คุณชายอีกสองสามคนที่ไม่ทันได้เห็นนาง อดไม่ได้ที่จะต้องอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“ว้าว……”
“หญิงรูปงามขนาดนี้ งามสุดในเมืองหลวงและโลกหล้า”
เย่หลีเฉินและเซียวจิ่นหยูที่เคยพบเจอนางมาก่อนแล้ว แววตาเคลือบไปด้วยความตะลึงงันไปพร้อมกัน
“เทพธิดา!”
เย่หลีเฉินอุทานออกมาเบาเบา
เขาคิดว่าคนอื่นยังไม่เคยได้เจอเทพธิดามาก่อน จึงได้แนะนำพวกเขาสักหน่อย
ไหนจะรู้เลยว่า……
เพียงแค่ได้ยินเขาร้องออกมาว่าเทพธิดาเพียงหนึ่งคำ คนที่เหลือไม่กี่คนนั้นยังจำเป็นจะต้องให้เขาแนะนำอีกที่ไหนกัน?
สำหรับข่าวลือของเทพธิดา ใครที่ไหนบ้างจะไม่เคยได้ยินจนชินหู?
แต่มีองค์ชายรัชทายาทมาแนะนำ เช่นนั้นพวกเขาก็นับว่าได้เป็นเพื่อนของเทพธิดาแล้ว ดังนั้นแต่ละคนก็ได้คงไว้ซึ่งรอยยิ้มอันสมบูรณ์แบบในการทักทายเทพธิดา
แต่เซียวจิ่นหยูกลับดูเคร่งขรึมและสงบมาก
หลังจากที่เย่หลีเฉินได้แนะนำแล้ว เขาก็เพียงแต่พยักหน้าเล็กน้อย ทั้งเคารพและไม่ได้เกินเลย
ในจุดนี้!
หลานเยาเยาก็เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย
ในฐานะเทพธิดาที่ประชาชนเปรียบเป็นดั่งเทพเซียน ในเวลานี้นางทำเช่นนี้ก็ไม่ได้เกินไป
หลังจากที่ทักทายกันพอเป็นพิธีเสร็จสรรพ หลานเยาเยาก็หันกลับมา
แต่ว่า เมื่อเห็นรถม้าที่ช้าดั่งหอยทาก
นางก็มีสีหน้าที่แสดงความรู้สึกเบื่อหน่ายทันที ไม่มีทางอื่นด้านหลังนางยังมีคนอยู่ นางจำเป็นต้องรักษาท่าทางที่เทพธิดาควรจะมี
ในใจก็แอบอธิษฐาน
สวรรค์ ทำให้รถม้าเกิดอุบัติเหตุเถอะ! ตกลงไปเลยก็ยิ่งดี
“ตึก……ตึก……ตึก……”
ด้านหลังมีม้าตัวหนึ่งที่ค่อยๆเดินมาด้านหน้า หลานเยาเยาไม่ต้องมองก็รู้ว่าเขาเป็นใคร
ในคุณชายทั้งหกคนนี้ คาดว่ามีเพียงเย่หลีเฉินที่จะขึ้นมาด้านหน้า
เพียงแต่……
เมื่อม้าพันธุ์ดีของเย่หลีเฉินและสวนหยู่ของนางยืนอยู่เป็นระนาบเดียวกัน สวนหยู่ก็ร้องคำรามใส่ม้าของเย่หลีเฉินทันที และม้าพันธุ์ดีของเย่หลีเฉินก็ถอยหลังไปสองสามก้าวโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นก็ทำให้เย่หลีเฉินรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง
จากนั้นไม่ว่าเขาจะตีม้าของเขาเช่นไร ม้าตัวนั้นก็ไม่กล้าเดินไปขึ้นไปด้านหน้า
เห็นดังนั้น!
หลานเยาเยาก็รีบลูบๆที่หัวของสวนหยู่ พูดเบาๆว่า : “สวนหยู่ จะบุ่มบ่ามไม่ได้!”
เมื่อเสียงของนางหลุดออกไป
สวนหยู่ก็หันหัวไปทางอื่นแบบไม่เต็มใจทันที เหมือนเด็กที่กำลังโมโห
ทำให้หลานเยาเยารู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
เป็นลาที่หัวดื้อจริงๆ อ่อไม่ เป็นม้าที่หัวดื้อ
ม้าของคนอื่นเขาก็เป็นถึงม้าพันธุ์ดีมีชาติตระกูล มันจะมีอะไรที่ไม่พอใจอีก?
“คิดไม่ถึงว่าม้าของเทพธิดาจะมีไหวพริบดีถึงเพียงนี้!”
เพื่อคลายความอับอาย เย่หลีเฉินก็เปล่งเสียงอีกครั้ง ครั้งนี้ม้าพันธุ์ดีของเขาก็กล้าที่จะเดินถึงไปสองสามก้าวแล้ว แต่ที่สุดแล้วก็ยังไม่กล้าไปยืนในระนาบเดียวกับสวนหยู่
“อืม มีไหวพริบดีจริงๆ เพียงแต่นิสัยไม่ดี ขอองค์ชายรัชทายาทอย่าได้ถือโทษ”
“ไม่เป็นไร! ม้าเหงื่อโลหิตนี้เป็นม้าวิเศษ ย่อมไม่ยอมที่จะเดินเคียงบ่าเคียงไหล่ไปพร้อมกับม้าพันธุ์ดีปกติเป็นธรรมดา
ม้าวิเศษต้องคู่กับคนที่มีพลังที่วิเศษเป็นธรรมชาติ เทพธิดาสามารถทำให้ม้าวิเศษเชื่องได้ ย่อมเป็นผู้วิเศษ ข้ามีอะไรจะต้องถือโทษกัน?”
เย่หลีเฉินต้องรู้จักม้าของเทพธิดาอยู่แล้ว นั่นเป็นม้าเหงื่อโลหิตที่สุดแสนจะหายาก
และแม้ว่าม้าของเขาก็หายากมากเช่นกัน แต่กลับไม่ได้ล้ำค่าเท่าม้าเหงื่อโลหิตพันธุ์นี้
ดังนั้น ม้าของเขาจึงได้กลัวสวนหยู่ของเทพธิดา และก็เป็นธรรมดา
เพราะว่าม้าเหงื่อโลหิตพันธุ์แท้นี้นิสัยโอหังหยิ่งผยอง และคนธรรมดาก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ ผู้ที่สามารถทำให้ม้าเหงื่อโลหิตพันธุ์นี้เชื่องได้นั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
ดังนั้นม้าเหงื่อโลหิตเลือกเทพธิดา ก็เป็นธรรมดา
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ เขาก็ยังรู้สึกอับอาย
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม!
ม้าของเขาก็เข้มแข็งและซื่อตรง คิดไม่ถึงว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าม้าเหงื่อโลหิตจะเกิดความหวาดกลัว
“องค์ชายรัชทายาทเป็นคนใจกว้าง เป็นโชคดีของประชาชน”
เย่หลีเฉินที่เป็นเช่นนี้กลับทำให้หลานเยาเยาเกิดความสงสัย
แตกต่างกับเย่หลีเฉินในความทรงจำของนางนิดหน่อย หรือว่าเขาก็เป็นคนที่ปิดบังตัวตนอีกผู้หนึ่ง?
ด้วยเหตุนี้!
นางจึงได้ยิ้มอ่อนแล้วก็สื่อสารกับเย่หลีเฉิน ยังไงซะก็ว่างอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น เข้าใกล้เย่หลีเฉินก็เท่ากับได้เข้าใกล้ฮ่องเต้แล้ว
เรื่องดีเช่นนี้จะไม่ทำได้เช่นไรล่ะ?
และพวกเขาก็สนทนากันอย่างเป็นธรรมชาติมาก แต่ทว่าทำให้องค์ชายที่อยู่ด้านหลังไม่กี่คนอิจฉาเป็นที่สุด
แววตาของเซียวจิ่นหยูแสดงความครุ่นคิด ในดวงตาเคลือบไปด้วยการเจาะลึก
แล้วในเวลานี้……
“อ้า……”
ในรถม้าของเย่แจ๋หยิ่ง ก็มีเสียงผู้หญิงร้องแหลมดังออกมาอีกครั้ง
ขัดจังหวะการสนทนาของหลานเยาเยาและเย่หลีเฉิน
หลานเยาเยาขมวดคิ้วเล็กน้อย
จากนั้นก็มองไปทางด้านหน้า ก็เห็นรถม้าสีดำคันนั้นของเย่แจ๋หยิ่ง เวลานี้ล้อรถข้างหนึ่งได้แขวนอยู่ตรงข้างหน้าผาแล้ว รถม้าก็เอนเอียงไปทางหน้าผา สามารถที่จะตกลงไปได้ทุกเมื่อ…