ตอนที่ 293 ให้สุภาพกับเถาหยาง

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 293 ให้สุภาพกับเถาหยาง

ตอนที่ 293 ให้สุภาพกับเถาหยาง

ซูเถาหัวเราะอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนจะหันไปถามสือจื่อจิ้น “ฉันขอได้ไหม”

เธอหมายความว่าเธอสามารถมีเรื่องกับคนตรงหน้าได้หรือไม่?

สือจื่อจิ้นพอจะมองออก!

ประโยคนี้เธอถามออกมาอย่างจริงจัง มันหมายความว่า ถ้าวันนี้เธอก่อเรื่องทะเลาะวิวาท เขาจะช่วยเธอสะสางเรื่องนี้ได้ไหม?

เพราะว่าที่นี่คือซินตู ไม่ใช่ในดินแดนของเธอที่อยู่ในตงหยางหรือเถาหยาง

สือจื่อจิ้นตกตะลึง

จู่ ๆ เธอก็เป็นคนสู้คนตั้งแต่เมื่อไหร่?

เขากลั้นยิ้มและพยักหน้า พร้อมกับยื่นปืนให้เธอ แล้วพูดเบา ๆ

“ผมมีความสัมพันธ์ที่ดีเล็กน้อยกับกัปตันหลิงแห่งซินตู การฆ่าคนเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ส่งผลกระทบต่อมัน”

ฟางเหยียนเย้ยหยัน เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เชื่อ “นายเป็นใครกัน ฉันบอกไปหรือยังนะว่าฉันเป็นแม่ยายของหัวหน้าจั๋ว”

แน่นอนว่าเติ้งจื่อเสวียนก็ไม่เชื่อ แต่เธอก็โฟกัสไปที่ความหล่อเหลาของชายคนนี้เมื่อเขายื่นปืนให้…

หัวใจของเติ้งจื่อฉิงตกตะลึงเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ และใบหน้าของเธอก็ซีดลงเล็กน้อย

คนอื่นอาจไม่รู้ แต่ในฐานะผู้หญิงที่อยู่กับจั๋วเอ่อร์เฉิงเป็นเวลานานที่สุด และถูกเขาพาไปมีส่วนร่วมในสถานที่สาธารณะต่าง ๆ เติ้งจื่อฉิงฉลาดและระมัดระวังมาก!

เธอไม่เพียงเข้าใจจั๋วเอ่อร์เฉิงเท่านั้น แต่เธอยังทำงานอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจทุกคนรอบตัวเขาเป็นการส่วนตัว

คนที่เป็นหัวหน้าของจั๋วเอ่อร์เฉิงอีกทีก็คือหลิงเทียนจี้ ซึ่งเป็นหัวหน้าฐานซินตู!

แม้ว่าตอนนี้หลิงเทียนจี้จะเป็นหัวหน้าฐานซินตู แต่เมื่อหลายปีก่อนเขาเป็นเพียงกัปตันทีมทหารรับจ้าง

มีเพียงไม่กี่คนที่รู้เกี่ยวกับประวัติในช่วงเวลานี้ของเขา และผู้ที่รู้จักและกล้าเรียกเขาว่ากัปตันหลิงจะต้องคุ้นเคยกับเขา

ชายคนนี้อาจรู้จักหลิงเทียนจี้จริง ๆ

เติ้งจื่อฉิงไม่เพียงแต่ฉลาด แต่ยังสามารถเปลี่ยนสีได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่ซูเถาจะตอบสนอง เธอก็ยอมจำนนทันทีและพูดว่า

“ต้องขอโทษคุณสองคนจริง ๆ พ่อของฉันเพิ่งเสียชีวิตไป น้องสาวและแม่ของฉันอารมณ์ไม่คงที่และพูดอะไรที่มันไม่ทันคิดออกไปมากมาย ฉันขอโทษแทนทั้งคู่ด้วย”

ท่าทางของเธอดูอ่อนน้อมมาก เธอค้อมตัวลงเพื่อแสดงความขอโทษ

ซูเถาประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนสีหน้าอย่างรวดเร็ว ในตอนแรกเธอถามช่างซ่อมด้วยความหยิ่งผยองว่ารู้หรือไม่ว่าเธอเป็นใคร และสามารถทุบรถในลานจอดรถได้มากเท่าที่เธอต้องการ

แต่ผ่านไปไม่เท่าไหร่ เธอก็เปลี่ยนวิธีรุกและเลือกที่จะถอยพร้อมกับกล่าวคำขอโทษอย่างจริงใจ

ซูเถาไตร่ตรองอยู่สามวินาที และรู้สึกว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้า คงพอจะมองออกว่าสือจื่อจิ้นเป็นผู้ที่มีเบื้องลึกเบื้องหลัง

ฟางเหยียนกำลังจะเสียอารมณ์ แต่เติ้งจื่อฉิงรั้งเธอไว้และลากเธอกับเติ้งจื่อเสวียนไปขอโทษ

เติ้งจื่อเสวียน ไม่กล้าที่จะขัดใจพี่สาวของเธอ เพราะตอนนี้เธอเป็นที่พึ่งเดียวของพวกเขา แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจ แต่เธอก็ยังกัดฟันและขอโทษซูเถากับช่างซ่อมรถ

ฟางเหยียนกัดฟันและขอโทษเช่นเดียวกัน

ซูเถายอมรับอย่างไม่เต็มใจและพูดกับเติ้งจื่อฉิง

“ฉันต้องขอชี้แจงก่อนว่าแม่ของคุณเข้ามาขวางรถของเราและเกือบทำให้รถเราพลิกคว่ำ ถ้าคนขับรถของเราไม่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว แม่ของคุณจะชดใช้อะไรให้กับชีวิตของเราหลายสิบคน”

“แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ เธอต้องการให้เราช่วยคุณเติ้ง แต่ทัศนคติของเธอมันสามารถดีกว่านี้ได้ไหม? นี่คือทัศนคติของการขอความช่วยเหลือเหรอ? เราพบกันโดยบังเอิญใครจะอยากไปช่วยคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้า? คุณเติ้ง คุณเป็นคนฉลาด ฉันคงไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากกว่านี้”

เติ้งจื่อฉิงได้ยินแล้ว และเธอรับปากว่าเธอจะดูแลแม่และน้องสาวของเธอ ไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก!

ในขณะที่เธอโกรธแม่ที่ปกปิดความจริง เธอรู้สึกว่าคำพูดของซูเถาตรงไปตรงมาซึ่งทำให้เธออับอายมาก

ซูเถาไม่ต้องการเห็นคนตรงหน้าแสดงละครต่อไปแล้ว ดังนั้นก่อนที่เธอจะทันได้พูด ซูเถาก็หยิบขวดน้ำแร่ออกมาสองสามขวดจากกระเป๋าของเธอและยื่นให้ช่างซ่อมรถด้วยความเอื้อเฟื้อและพูดว่า

“ทุกคนทำงานหนัก ดื่มน้ำหน่อยนะคะ ไม่ต้องเกรงใจ ฉันมีธุระต้องไปทำต่อ ฉันขอตัวนะคะ แล้วฉันจะมาตรวจรถอีกครั้ง”

ในซินตู แม้ว่าจะไม่มีปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างรุนแรง แต่น้ำหนึ่งขวดก็ไม่ใช่ราคาถูก

ช่างซ่อมรถรู้สึกยินดีเล็กน้อย

เติ้งจื่อเสวียนมองดูด้วยสายตาที่กระตือรือร้น และจำได้ว่าถังเล่อเคยได้เสบียงจากพวกเขาก่อนหน้านี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีทั้งน้ำและอาหาร

เถาหยางเป็นสถานที่แบบไหน ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม แต่ดูร่ำรวยมาก

เติ้งจื่อฉิงก็เงียบเช่นกัน และจากไปพร้อมกับแม่และน้องสาวของเธอ

“แม่คะ บอกความจริงมาสิ ภูมิหลังของพวกเขาเป็นยังไง”

ฟางเหยียนสับสนมาก “ภูมิหลังคืออะไรเหรอ? คนที่ชื่อเว่ยเสียงไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เหรอ? เธอเพิ่งเปิดโรงแรมอยู่บนภูเขา”

หลังจากเหตุการณ์นี้ เติ้งจื่อฉิงไม่เชื่อคำพูดแม่ของเธออีกต่อไป เธอกล่าวออกมาอย่างไม่พอใจโดยมีน้ำเสียงเย็นชา

“เว่ยเสียงเป็นคนช่างประจบ หาโอกาสกำจัดเขาซะ และอย่าติดต่อกับเขามากเกินไป ส่วนเถาหยาง หนูจะไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง ในนาคตถ้าแม่กับน้องเจอพวกเขาอีกก็ให้เดินเลี่ยงไปก่อน!”

เติ้งจื่อเสวียนพึมพำ “เจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างพี่เขย…”

เติ้งจื่อฉิงจ้องมองเธอ “คนที่มีอำนาจไม่ใช่ฉัน! ถ้าเขาไม่โปรดปรานฉันแล้ว ครอบครัวของเราก็น่าจะกลายเป็นขยะในสายตาของเขา เธอควรจะเชื่อฟังและอย่าสร้างปัญหาให้ฉัน!”

ถ้าชายคนนั้นเป็นเพื่อนเก่าของหลิงเทียนจี้จริง ๆ จั๋วเอ่อร์เฉิงจะต้องหลีกทางให้

เธอเป็นเพียงหนึ่งในผู้หญิงหลายคนของจั๋วเอ่อร์เฉิง เธอจะมีเหตุผลอะไรไปขอให้จั๋วเอ่อร์เฉิงจัดการกับคนที่เป็นเพื่อนกับหัวหน้าฐาน?

ฟางเหยียนรู้สึกกระวนกระวายใจคว้ามือลูกสาวคนโตของเธอแล้วพูดว่า

“ฉิงฉิง เมื่อไหร่ลูกกับเอ่อร์เฉิงจะแต่งงานกันสักที…”

ดวงตาของเติ้งจื่อฉิงมืดมนเล็กน้อย แต่ก็มีความทะเยอทะยานที่จะชนะ “อย่างช้าที่สุดก็ในปีนี้…”

เจียงจิ่นเวยซึ่งต้องการแต่งงานกับจั๋วเอ่อร์เฉิงก็ยังรู้สึกหดหู่ใจเพราะเห็นซูเถา

เมื่อเธออารมณ์ไม่ดี เธอต้องการโทรหาจั๋วเอ่อร์เฉิง

เมื่อถึงจุดหนึ่ง ชายคนนี้ดูเหมือนจะเป็นกระดูกซี่โครงในร่างกายของเธอ และมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะสามารถประคับประคองชีวิตที่เหลือของเธอไปได้ และสนับสนุนเธอโดยที่เธอไม่ต้องกังวลเรื่องการกินอยู่

หากไม่มีเขา เธอก็เหมือนตกลงสู่โคลนตมในวันสิ้นโลก

เธอไม่ต้องการกลับไปที่บ้านครอบครัวซูที่มีผู้คนพลุกพล่าน! ทั้งยังต้องกังวลเรื่องค่าอาหารและเครื่องดื่ม! ไม่ต้องการได้ยินเสียงบ่นของแม่และเสียงร้องไห้ของถังโต้ว!

ชีวิตนี้เป็นของเธอแล้ว

และเมื่อเห็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของเธอ จั่วเอ่อร์เฉิงก็แสดงสีหน้าลำบากใจ

“เกิดอะไรขึ้นที่รัก? คุณไม่มีเงินหรืออยากกินอะไร คุณสามารถขอให้เลขาซ่งทำให้ได้”

เขาหมายความว่าอย่ารบกวนเขา!

การประชุมสุดยอดพันธมิตรกำลังจะมาถึง และเขายุ่งทั้งวันโดยที่ขาไม่ได้แตะพื้นเลย

น่าเสียดายที่เจียงจิ่นเวยไม่ได้ยินเสียงถอนหายใจของเขา ที่แสดงอารมณ์ฉุนเฉียวออกมา

“ฉันไม่ได้ต้องการอะไร ฉันแค่คิดถึงคุณและอยากคุยกับคุณ ฉันมาที่ซินตูหลายวันแล้ว ทำไมคุณไม่คิดจะมาหาฉันเลย”

จั๋วเอ่อร์เฉิงขมวดคิ้ว “ช่วงนี้ผมไม่มีเวลาจริง ๆ”

ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าเติ้งจื่อฉิงนั้นค่อนข้างรู้งานกว่า เธอเป็นคนที่ฉลาดและไม่เคยสร้างปัญหาอะไรให้เขา

เธออยู่กับเขามานานและไม่เคยขัดจังหวะเขาเมื่อเขายุ่ง หรือโทรมาพูดเรื่องไร้สาระ

เจียงจิ่นเวยรู้สึกเศร้าใจ และรู้สึกเสียใจมากยิ่งขึ้น “เพราะว่าคุณยุ่งก็เลยไม่คิดจะมาหาฉันแล้วเหรอ? ฉันรอคุณอย่างใจจดใจจ่อ คุณไม่เห็นใจฉันบ้างเหรอ?”

จั๋วเอ่อร์เฉิงหมดความอดทน จากนั้นเขาก็พูดออกมาว่า “ผมกำลังจะไปประชุม มีเวลาแล้วจะไปหาคุณ”

และเขาก็วางสายโทรศัพท์ไป

เป็นเรื่องยากที่หลิงเทียนจี้จะเห็นเขาปวดหัว ดังนั้นเขาจึงพูดติดตลกว่า “อะไรนะ หญิงงามทำให้นายไม่มีความสุขเหรอ”

จั๋วเอ่อร์เฉิงนวดตรงกลางคิ้วของเขา “ตอนแรกมันก็สดชื่นมาก แต่ตอนนี้เริ่มหมดสนุกกับมันแล้วล่ะ”

หลิงเทียนจี้เลิกคิ้วเพราะเขาพูดเหมือนต้องการเลิกกับหญิงงามคนนั้น

แต่หลิงเทียนจี้ก็ไม่ถามอะไรมากแล้วหันไปพูดเรื่องเข้าเมืองต่อ

“หัวหน้าสวี่มาถึงที่นี่ได้วันหรือสองวันแล้ว หาเวลาจัดงานเลี้ยงรับรองให้เขา ผู้ชายคนนี้เป็นแขกคนพิเศษของเรา ฐานซินตูจะสามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปอีกระดับหนึ่งในปีนี้หรือไม่ มันขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเขา”

จั๋วเอ่อร์เฉิงพยักหน้า

“ว่าแต่ คนจากเถาหยางเข้าเมืองหรือยัง พวกเขาก็เป็นจุดที่น่าสนใจ หากนายหาเวลานัดหมายกับเถ้าแก่ของพวกเขาได้ ก็ทำตัวให้สุภาพเข้าไว้”