ตอนที่ 84-2 ศิลปะการต่อสู้

บรรดาสาวใช้กําลังช่วยกันจัดเก็บข้าวของและสัมภาระทุกอย่างให้เข้าที่ ขณะที่หลี่จางเลอยิ้มอย่างอ่อนโยน พลางกล่าวว่า

“เช่นนั้นข้าจะไปที่ห้อง ส่วนคนอื่นโปรดเลือกห้องที่ตนเองชอบ”

หลังจากกล่าวจบแล้ว คุณหนูใหญ่ก็เลือกห้องที่ดีที่สุดซึ่งมีแสงแดดสาดส่องเข้ามาถึงได้

จากนั้นหลฉางซีก็ได้กล่าวอย่างเย็นชาว่า

“น้องสี่ไปห้องของเรากันเถิด!”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น โดยไม่รอคําตอบจากน้องสาว หลี่ฉางซีก็ดึงร่างของหลี่ฉางเซียวเดินตามพี่ใหญ่ของพวกนางไป

ส่วนซื่อหยินเหนียงทําเพียงแค่ยิ้มและกล่าวอย่างเป็นมิตรว่า

“มีห้องเหลืออยู่ทางทิศเหนือและทางทิศใต้ เชิญเซียนจูเลือกก่อน”

หลี่เว่ยหยางเหลือบมองอย่างเฉยเมยไปที่จิวหยินเหนียงที่ไม่ได้กล่าวอะไรเลยขณะที่ตอบกลับไปว่า

“เชิญหยินเนียงทั้งสองเลือกห้องที่ถูกใจได้เลย ส่วนห้องที่เหลือจะเป็นของข้า” หลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว หญิงสาวก็หันไปหาสาวใช้และสั่งว่า

“โม่งูเจ้าควรรอจนกว่าหยินเหนียงเลือกเสร็จ จากนั้นค่อยไปจัดห้องของข้าให้เรียบร้อย ส่วนไปจื่อตามข้ามา”

หลี่เว่ยหยางเดินนําไปจ่อ

ออกไปจากห้องโถงส่วนกลาง ขณะที่ไปจื่อกล่าวอย่างคับแค้นใจว่า

“ตอนนี้ห้องที่ดีที่สุดถูกยึดไปแล้ว!”

หลี่เว่ยหยางหุบยิ้มของตนเองพลางตําหนิสาวใช้ว่า

“ห้องทั้งหมดก็คงจะมีลักษณะเหมือนกัน และไม่น่าจะมีอะไรที่แตกต่างกันมากนัก ทําไมเจ้าต้องใส่ใจเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ด้วย”

จนถึงตอนนี้เว่ยหยางก็ยังไม่ทราบเหตุผลที่ฮูหยินใหญ่ยืนยันที่จะมาวัดแห่งนี้ และยังค้างคาใจว่าคนผู้นี้มีแรงจูงใจอะไรกันแน่ ดังนั้นนางจึงไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสนใจคนใจคอแคบเหล่านั้น

เมื่อหลี่เว่ยหยางถอดชุดคลุมของตนเองออกแล้วก็จะเห็นว่าการแต่งกายของนางนั้นเป็นไปตามปกติเหมือนกับตอนที่อยู่บ้าน ซึ่งไม่เหมือนกับคุณหนูคนอื่นที่แต่งตัวจัดเต็มราวกับว่ากําลังจะไปเที่ยวงานชื่นชมดอกไม้ประจําปี

โดยวันนี้หญิงสาวมวยผมดําขลับของนางและตรึงไว้ด้วยปิ่นปักผมหยกสีมรกต อีกทั้งยังแต่งหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุดแล้วจึงปัดคิ้วเล็กน้อย ขณะที่สวมชุดสีเขียวอ่อน ซึ่งมันทําให้ดูสง่างามและช่างบอบบางยิ่งนัก

ในขณะที่เดินออกมาหญิงสาวก็ครุ่นคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมด และตอนนี้นางกําลังเดินออกจากลานของที่พักไปตามทางหินที่คดเคี้ยวท่ามกลางอากาศในฤดูใบไม้ผลิจนมาถึงจุดสิ้นสุดทางเดิน จึงได้เห็นดอกไม้ที่ร่วงหล่นเป็นจํานวนมากและในจํานวนนั้นมีดอกท้อร่วงหล่นอยู่บนพื้นด้วยเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่ามันช่างเป็นทิวทัศน์ที่งดงามเหนือคําพรรณนาใด ๆ และขณะนี้ไปจ่อได้กล่าวว่า

“คุณหนู มีสาวใช้เดินตามเรามาด้วย!”

เมื่อหลี่เว่ยหยางมองย้อนกลับไปก็เห็นจ้าวหยูในชุดสาวใช้ปกติที่ยืนอยู่ไม่ไกลพร้อมกับทําหน้านิ่วคิ้วขมวด

หลี่เว่ยหยางยิ้มที่มุมปากพลางคิดว่า สาวใช้ของหลี่หมินเดือผู้นี้น่าสนใจมาก เพราะนางทําตามคําสั่งของคุณชายสามทุกอย่าง และเฝ้าติดตามเพื่อดูแลตนเองทุกฝีก้าวโดยไม่ให้คลาดสายตาทุกวัน เพราะเกรงว่าจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นกับเว่ยหยาง

อย่างไรก็ตามนางเคยยกน้ําชามาให้หลี่เว่ยหยาง โดยที่ตอนนั้นสังเกตเห็นว่าที่ฝ่ามือของนางเต็มไปด้วยร่องรอยของแผลเป็น ซึ่งเห็นได้ชัดว่าสาวใช้ผู้นี้รู้วิธีการใช้อาวุธ แต่ยังไม่ชัดเจนว่าศิลปะการต่อสู้ของนางจะสูงส่งมากเพียงใด

หลี่เว่ยหยางกําลังคิดที่จะหาโอกาสทดสอบศิลปะการต่อสู้ของสาวใช้ผู้นี้อยู่พอดี แต่ทันใดนั้นนางก็ได้ยิน จ้าวหยูตะโกนขึ้นมาว่า

“ผู้ใดอยู่ที่นั่น?!”

จากนั้นเพียงชั่วอึดใจเดียวจ้าวหยูก็ได้ดึงดาบออกมาจากเอวของตนเองแล้ว

ซึ่งโดยปกติดาบของนางจะถูกเหน็บเอาไว้ที่เอวของนางรากับว่ามันไม่ต่างจากเข็มขัด และเมื่อชักดาบออกมาตอนนี้มันเหมือนกับมีประกายเย็นวาบปรากฎขึ้นในทันที

จากนั้นโดยไม่ต้องรอคําสั่งของหลี่เว่ยหยาง นางก็รีบร้อนพุ่งตัวออกไปหาคนที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้า

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มที่ปรากฏตัวอยู่บริเวณทางเดินนั้นคาดไม่ถึงว่าสาวใช้ผู้นี้จะรู้จักศิลปะการต่อสู้ แม้กระนั้นการเคลื่อนไหวของเขาก็ช่างมีความรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งการใช้พัดพับสามาถหลบหลีกดาบที่ว่องไวนั้นได้ ซึ่งมันดูแล้วช่างทรงพลังเสียเหลือเกิน

ไปจ่อกําลังจะร้องโวยวายขึ้นมา แต่หลี่เว่ยหยางทําท่าทางเพื่อส่งสัญญาณให้นางหุบปากเสีย เพราะต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ตรวจสอบศิลปะการต่อสู้ของจ้าวหยู

เมื่อหลี่เว่ยหยางมองจากระยะไกล จึงเห็นได้แค่เพียงแสงสะท้อนที่เกิดจากการตวัดดาบไปมาในท่วงท่าวิทยายุทธอันสง่างามท่ามกลางเสียงเหวี่ยงที่ดังเป็นจังหวะของดาบนั้น

จ้าวหยได้ทําการโจมตีไปแล้วเจ็ดครั้ง ซึ่งการโจมตีทั้งเจ็ดครั้งนี้มีความรวดเร็วและเด็ดขาดโดยที่จุดของการโจมตีแต่ละครั้งเป็นจุดสําคัญที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน

ดาบที่สะบัดพลิ้วไหวไปมาตามกระบวนเพลงยุทธนั้นมีความรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดก็ไม่ปาน แต่กลับไม่ได้ยินเสียงของการปะทะกันเลย โดยเป็นการต่อสู้ที่เงียบเชียบแต่ช่างดุเดือดเสียเหลือเกิน

และหากร่างกายของชายหนุ่มผู้นี้เคลื่อนไหวช้าลงเพียงแค่ครึ่งก้าวเท่านั้น เขาก็คงจะโดนโจมตีอย่างหนัก แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าการหลบหลีกของเขานั้นช่างรวดเร็วอย่างน่าประหลาดใจ แต่ทันใดนั้นเขาได้กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า

“ผู้คนข้างกายเซียนจมีความแข็งแกร่งมาก!

ไปจ่อที่เฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนที่มีความรุนแรงได้กล่าวว่า

“คุณหนู! ท่านจะมิห้ามพวกเขาจริงหรือ?”

หลี่เว่ยหยางยิ้มเล็กน้อย

“ข้าต้องการดู”

จ้าวหยูเป็นเด็กสาวที่มีรูปร่างผอมบางราวกับว่านางเป็นผู้ที่อ่อนแอ แต่ทว่าความรวดเร็วในยามที่นางใช้ดาบนั้นคิดว่าคงจะไม่มีผู้ใดคาดถึง ซึ่งเพียงแค่การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวก็นับว่าเพียงพอแล้วที่จะตัดสินสาวใช้ผู้

การฟาดดาบอย่างรวดเร็วที่แสนจะว่องไวนี้สามารถเห็นได้ชัด โดยเมื่อดาบเริ่มเคลื่อนไหวจะมีความว่องไวดุจสายลมและดุร้ายเหมือนฟ้าผ่า ซึ่งการโจมตีแต่ละครั้งเป็นเหมือนกับพายุที่ไม่สนใจชีวิตและมันเป็นแรงผลักดันที่ช่างรุนแรง

แต่ภายใต้คลื่นแห่งการรุกของนาง ฝ่ายตรงข้ามกลับแสดงความสงบโดยสามารถรับมือกับการโจมตีของสาวใช้ผู้นี้ได้อย่างง่ายดาย

ตอนนี้ด้วยดวงตาที่จ้องเขม็งหลี่เว่ยหยางสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ดาบของนางกําลังเล็งไปยังจุดที่เปราะบางของชายหนุ่มซ้ําแล้วซ้ําเล่า โดยที่แต่ละครั้งถูกหักเหโดยพัดที่อยู่ในมือของชายผู้นั้น ทันใดนั้นการโจมตีและการป้องกันของคนทั้งสองก็ตกอยู่ในภาวะชะงักงัน!

“เซียนจ! ท่านตอบแทนความเมตตาด้วยการแสดงความกตัญญเช่นนี้หรือ?!”

ชายหนุ่มยิ้มที่มุมปากพลางโบกแขนเสื้อด้วยท่าทางสง่างามและเผยให้เห็นรูปร่างของเขาซึ่งเป็นเหมือนเมฆลอยและน้ําที่ไหล

บุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้สามารถหลบหลีกการโจมตีที่รุนแรงและรวดเร็วของจ้าวหยูด้วยการใช้ทักษะการหลบอย่างรวดเร็ว และเมื่อทั้งสองตกอยู่ในภาวะชะงักงัน ทันใดนั้นเขาก็ได้มายืนอยู่ข้างหลังจ้าวหยูแล้ว

ตอนนี้ไม่มีการแสดงออกบนใบหน้าของจ้าวหยูขณะที่รีบหันกลับไปโจมตีฝั่งตรงข้ามต่อไป โดยที่ชายหนุ่มไม่ได้มีอาการตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย ขณะที่การขยับฝีเท้าของเขายังคงสง่างามเช่นเดิม

แต่ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็ได้ถอยไปสองสามก้าว โดยที่จังหวะนั้นได้มีเสียงดังที่เกิดจากการฟาดดาบลงไปด้วยความรุนแรงดังขึ้น