บทที่ 320 แค่ไปก็พอใช่ไหม

ระบบแหวนสุดโกงสร้างตำนานในสองโลก

บทที่ 320 แค่ไปก็พอใช่ไหม

บทที่ 320 แค่ไปก็พอใช่ไหม

“อาจารย์อู๋ ไม่คิดอีกสักหน่อยเหรอคะ?” คำถามเดียวกันนี้ดังขึ้นจากปากของถังอวี่เฟย

“กำลังจะบอกว่าชั้นเรียนของคุณก็ไปทัศนศึกษาครั้งนี้ด้วยเหรอครับ?” อู๋ฝานถามกลับ

ไม่นานหลังเริ่มคาบเรียนพละศึกษา ถังอวี่เฟยก็มาพบอู๋ฝานพร้อมพูดคุยถึงเรื่องแผนเที่ยว ที่อู๋ฝานไม่คาดคิดคือในบรรดาชั้นเรียนทั้งหลายที่จะไปร่วมทัศนศึกษา กลับมีชั้นเรียนของถังอวี่เฟยรวมอยู่ด้วย

“ค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบรับ “ไม่ใช่แค่ชั้นเรียนของพวกเรานะคะ แต่ชั้นเรียนของแม่ภูเขาน้ำแข็งคนนั้นก็ด้วย ไม่คิดอีกสักหน่อยเหรอคะ?”

ถังอวี่เฟยมองอู๋ฝานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ก็เหมือนเกิ่งหย่าเฟย ในใจเธอหวังให้ชายหนุ่มร่วมเดินทางไปด้วย แม้จะไม่ใช่การเที่ยวเพียงแค่คนทั้งสองก็ตาม แต่การได้ไปเที่ยวด้วยกันอย่างไรก็ถือเป็นเรื่องดี

“หลิ่วเหยียนเอ๋อร์ก็ด้วยเหรอครับ?” อู๋ฝานต้องประหลาดใจอีกครั้ง เขาไม่คิดว่าการเดินทางครั้งนี้ ดอกไม้ทองคำของสถาบันจะไปกันพร้อมหน้า

ส่วนคำที่ถังอวี่เฟยใช้เรียกหาหลิ่วเหยียนเอ๋อร์นั้น อู๋ฝานไม่ประหลาดใจแต่อย่างใด

“ใช่ค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบรับ “ภูเขาเทียนเหลียงค่อนข้างอยู่ไกลจากที่นี่ ไม่กังวลว่าจะเกิดอุบัติเหตุอะไรกับพวกเราสองคนเหรอคะ?”

“จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันครับ?” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “ที่นั่นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดัง วันนั้นต้องมีคนไปเยอะแน่ ๆ ไม่มีอะไรน่ากังวลหรอกครับ”

“ก็ไม่แน่นะคะ” ถังอวี่เฟยเลิกคิ้วขึ้น “ที่นั่นมีส่วนที่เป็นป่ารกด้วย ด้านในป่าไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ถ้าหลงเข้าไป คงยากที่จะหาทางเดินออกมาได้แน่ค่ะ”

“แล้วจะไปที่แบบนั้นทำไมกันล่ะครับ? อีกอย่างทางสถานที่ต้องมีการแบ่งโซนพื้นที่ไม่ให้คนเข้าไปอยู่แล้ว ต่อให้อยากเข้าไปก็คงเข้าไปไม่ได้หรอกครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

ภูเขาเทียนเหลียงมีพื้นที่ที่ว่าจริง แต่ไม่ได้เปิดให้เข้าชมแบบสาธารณะ ทุกปีมักจะมีคนเข้าไปสำรวจ และทุกปีมักจะมีคนติดอยู่ในป่าไม่อาจออกมาได้ก็เป็นเรื่องจริง

“ฉันพูดเผื่อไว้ค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “แม่ภูเขาน้ำแข็งคนนั้นเองก็คงอยากให้อาจารย์ไปด้วย สาวงามสองคนเชิญจากใจขนาดนี้แล้ว ยังจะปฏิเสธอีกงั้นเหรอคะ?”

“แต่ว่าผมมีเรื่องที่ต้องทำ ไม่สามารถปล่อยไปได้ครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

ที่อู๋ฝานพูดออกมานั้นถือว่าเกินจริงและเป็นข้อแก้ตัว เพราะเขากังวลใจเรื่องการเทเลพอร์ตทุกคืนจะถูกเปิดเผยมากที่สุด

“ก็แค่ไม่กี่วันเองค่ะ ไม่น่าจะทำให้อะไรช้าถึงขนาดนั้น” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “ถ้าไม่ไป ฮึ!… งั้นฉันจะตะโกนตรงนี้บอกว่าอาจารย์ลวนลามฉัน ตอนนั้นคุณจะได้โดนไล่ออกจากมหาวิทยาลัย จะได้ไม่ต้องไปเที่ยวสมใจค่ะ!”

ถังอวี่เฟยมองอู๋ฝานอย่างไม่ยินยอม กระทั่งรุกคืบเข้าใกล้ข้างกายอู๋ฝาน ราวกับพร้อมจะทำการแสดงแล้ว

“อย่านะครับ” อู๋ฝานหวาดกลัวขึ้นมาจนต้องเร่งถอยหนี จากนั้นจึงเริ่มหันไปมองนักศึกษาคนอื่นในสระว่ายน้ำ “ถ้าคุณตะโกนแบบนั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตัวคุณเองด้วยนะครับ”

“ฉันไม่สนค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “ความรักหวานชื่นของอาจารย์กับนักเรียนในรั้วสถาบัน ก็เป็นอะไรที่ฉันอยากจะลองสักครั้ง น่าตื่นเต้นดีจะตายค่ะ”

อู๋ฝานมองถังอวี่เฟย พร้อมได้รู้ว่าเธอสามารถทำอย่างที่พูดจริง เธอมีความกล้ามากพอ

“ครับ ครับ! ผมไปก็ได้ แค่ผมไปก็พอแล้วใช่ไหมครับ?” อู๋ฝานจนใจ เขาเกรงว่าถังอวี่เฟยจะตะโกนออกมาจริง คนอื่นคงไม่กล้า แต่เธอกล้าทำอย่างแน่นอน

“ยังไม่พอค่ะ” ถังอวี่เฟยเผยยิ้มอย่างผู้มีชัย

“คุณมันนางมารร้ายชัด ๆ ผมจะคิดบัญชีแน่” อู๋ฝานตอบกลับ

“คิดบัญชีฉันเหรอคะ? ได้สิคะ เจอกันที่ไหนดี? โรงแรมดีไหมคะ? จบคาบเรียนนี้พวกเราก็ไปกันได้เลย” คำพูดของอู๋ฝานไม่ได้ทำให้ถังอวี่เฟยหวาดกลัว แต่กลับกทำให้เธอกระหายขึ้นมา

เมื่อเผชิญหน้ากับถังอวี่เฟย อู๋ฝานแทบไม่อาจหาทางเอาชนะได้

แต่ในเมื่อรับปากถังอวี่เฟยไปแล้ว อู๋ฝานจึงเริ่มวางแผนสำหรับการเดินทางอยู่ในใจ ตอนนี้เหลือเวลาอีกไม่กี่วันจะถึงเดือนสิบเอ็ด อู๋ฝานตัดสินใจว่าหากมีโอกาสค่อยเทเลพอร์ตไป ถ้าสภาพแวดล้อมไม่อำนวย เขาก็แค่ไม่ไปยังโลกแห่งเกมในวันนั้น

ช่วงเย็น ขณะอู๋ฝานยุ่งกับงานที่ร้านอาหาร ถังอวี่เฟยก็ขับรถมารอรับเรียบร้อยแล้ว ตอนจบคาบเรียนพละศึกษา ถังอวี่เฟยเตือนชายหนุ่มอีกครั้งว่าคืนนี้จะมีการแข่งขันรถซิ่ง เห็นได้ชัดว่าเธออยากจะไปเข้าร่วมการแข่งนี้พร้อมกัน และกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนใจกะทันหัน ดังนั้นจึงมารอคอยที่ร้านก่อนเวลา

เมื่อเห็นอู๋ฝานขับรถออกมา ถังอวี่เฟยก็ตรงไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ

“รถของคุณล่ะครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถามขณะมองถังอวี่เฟย

“ฝากไว้ที่ลานจอดรถค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “วันนี้ฉันไม่ขับ เพราะจะรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนขับค่ะ”

“คุณไม่เข้าร่วมงานแข่งเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“ไม่ค่ะ ฉันตั้งใจมาเชียร์คุณต่างหาก” ถังอวี่เฟยยิ้มตอบ

“นี่คุณหลอกให้ผมมาเข้าร่วมงานแข่ง แต่ตัวคุณเองไม่เข้าร่วมเหรอครับ?” อู๋ฝานถึงกับพูดไม่ออก

“ไม่ได้เหรอคะ? ฮ่า ฮ่า” ถังอวี่เฟยหัวเราะอย่างภูมิใจ “ไปกันค่ะ ถ้าไม่ออกเดินทางตอนนี้คงสายแน่”

“คุณนี่จริง ๆ เลย” อู๋ฝานพึมพำ ก่อนจะเริ่มออกรถมุ่งหน้าเดินทางสู่เมืองหลิว

เมืองหลิวเป็นเมืองเพื่อนบ้านใกล้ ๆ กับเจียงโจว ทั้งสองเมืองอยู่ติดกัน แต่หากเทียบเปรียบกับเจียงโจวแล้ว เมืองหลิวค่อนข้างเงียบเหงากว่า ทว่าภูมิประเทศของเมืองหลิวค่อนข้างดี อยู่ในทำเลที่ดีกว่าเจียงโจว เพราะเรื่องทำเลจึงพอทำคนในเมืองหลิวใจชื้นขึ้นได้บ้าง รวมกับคิดว่าหากเมื่อก่อนเจียงโจวไม่ได้มีโชคดี ก็คงไม่มีทางพัฒนาล้ำหน้าเมืองหลิวไปได้

เมืองทั้งสองแห่งพยายามแข่งขันกันทั้งในที่แจ้งและที่ลับ บ่อยครั้งเจียงโจวจะเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า แต่เมืองหลิวก็เคยชนะเจียงโจวบางด้านเช่นเดียวกัน

ดังนั้นแม้การแข่งในคืนนี้จะไม่ใช่การแข่งอย่างเป็นทางการ แต่ผู้เข้าร่วมต่างก็ต้องการคว้าเอาชัยชนะมาครอบครอง เพื่อที่จะได้เหนือกว่าคู่แข่งจากอีกเมือง

ถังอวี่เฟยรู้ฝีมือการขับรถของตัวเองดี หากเป็นถนนตามปกติก็ถือว่าดีอยู่บ้าง แต่ถ้าการแข่งขันเธอยังดีไม่มากพอ ดังนั้นจึงไม่เข้าร่วมโดยตรง แต่รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยคนขับให้กับอู๋ฝานแทน

“ฝีมือการขับรถของคุณเป็นยังไงคะ?” ถังอวี่เฟยอดไม่ได้ที่จะถามขณะรถกำลังโลดแล่นอยู่บนท้องถนน เพราะเธอเห็นว่าอู๋ฝานขับรถได้นิ่งและเงียบ

“ผม? ก็พอได้ครับ” อู๋ฝานตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

ฝีมือการขับรถของอู๋ฝานนั้นขึ้นอยู่กับระดับวิชาขับขี่ เพียงแต่ในโลกแห่งเกม เขาไม่ค่อยได้มีโอกาสฝึกใช้วิชาขับขี่มานานแล้ว ตอนนี้จึงสำเร็จแค่ระดับกลาง แต่ไม่นานก็ควรจะสำเร็จเป็นระดับสูง ดังนั้นวิชาขับขี่จึงถือว่าดีพอประมาณ ทว่าหากถามเทียบกับคนของโลกความเป็นจริง ชายหนุ่มก็ไม่แน่ใจมากนัก

อย่างไรเขาก็ไม่เคยไปเทียบกับคนอื่น

ทว่าฝีมือการขับรถมันไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ระดับวิชา ศักยภาพของรถก็มีบทบาทสำคัญ อู๋ฝานยังไม่รู้แน่ชัดว่าวิชาขับขี่ของตนเองจะเทียบกับคนอื่นได้อย่างไร แต่เรื่องศักยภาพรถนั้นตัวเขามั่นใจว่าดีล้ำหน้าเกินใครอย่างแน่นอน

“พอได้เหรอคะ?” ถังอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าวันนี้ไช่หงจะมาด้วยไหมนะคะ”

เห็นได้ชัดว่าถังวี่เฟยที่ได้ยินคำว่าพอได้จากอู๋ฝานก็เกิดไม่วางใจขึ้นมา ดังนั้นจึงหันไปฝากความหวังเอาไว้กับคนอื่น

“ไช่หงคือใครเหรอครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถามขึ้น

“หนึ่งในนักแข่งรถที่เกษียณตัวเองแล้วค่ะ” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “คืนนี้ที่เมืองหลิวก็มีนักแข่งเกษียณคนอื่นมาเข้าร่วมด้วย ชื่อว่าหานเป่าฟาง พวกเราเลยจำเป็นต้องเชิญคนระดับเดียวกันมาด้วย ถ้าไม่งั้นคงยากจะเอาชนะพวกเขา”