บทที่ 321 จุดเด่น

บทที่ 321 จุดเด่น

ไม่ว่าจะหวังจื่อหมิงหรือถังอวี่เฟย ทั้งสองต่างก็เอ่ยถึงหานเป่าฟาง นอกจากนี้คนทั้งสองยังให้ความสนใจหานเป่าฟางพอสมควรด้วย อย่างน้อยก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าฝีมือการขับรถของอีกฝ่ายดีขนาดไหน

“ถ้าเทียบไช่หงกับหานเป่าฟาง ใครฝีมือดีกว่ากันครับ” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“ทั้งสองคนก่อนเกษียณเคยแข่งมาแล้วหลายครั้ง หานเป่าฟางครองจำนวนรอบที่ชนะมากกว่า แต่ตอนนี้ทั้งคู่ต่างก็เกษียณกันออกมาแล้ว คงตอบไม่ได้หรอกค่ะว่าพวกเขาจะยังรักษาฟอร์มเดิมไว้ได้อยู่หรือเปล่า” ถังอวี่เฟยตอบกลับ “นิสัยตัวตนของหานเป่าฟางก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ไว้ไปถึงแล้วพยายามอย่าเข้าไปใกล้เขาจะดีที่สุดค่ะ”

เห็นได้ชัดว่าทั้งถังอวี่เฟยและหวังจื่อหมิงต่างก็มองหานเป่าฟางไปในทิศทางเดียวกัน

“ไม่ต้องกังวลครับ ต่อให้ฝีมือขับรถของผมไม่ได้ดีอะไร แต่ถ้าอีกฝ่ายคิดทำอะไรขึ้นมาจริง ๆ ละก็ คนที่ต้องเสียใจน่าจะเป็นเขาเองนะครับ” อู๋ฝานยิ้มตอบรับ

“อู๋ฝาน เรื่องนี้ระวังไว้ดีที่สุดค่ะ” ถังอวี่เฟยคิดว่าอู๋ฝานไม่เก็บคำเตือนของเธอไปใส่ใจ จึงอดไม่ได้ที่จะต้องพูดออกมา “ถ้าพวกคุณทั้งสองคนต้องแข่งขันกันขึ้นมา ต่อให้แพ้ก็ไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นค่ะ งานแข่งรถครั้งนี้ ไม่ใช่การต่อสู้เอาเป็นเอาตาย หานเป่าฟางอยู่ในวงการแข่งรถมาเกือบยี่สิบปีแล้ว เขาถือว่าเป็นคนที่ฝีมือดีและมากประสบการณ์ค่ะ”

“ทราบครับ ผมจะระวังแน่นอน” เห็นท่าทีจริงจังของถังอวี่เฟย อู๋ฝานจึงไม่อธิบายอะไรอื่นเพิ่มเติมอีก อย่างไรในสายตาของคนอื่นที่ไม่รู้ เขาก็เป็นเพียงแค่หน้าใหม่เข้าร่วมการแข่ง ขณะที่หานเป่าฟางเป็นคนในวงการมานานหลายปี หากเปรียบกับคนอื่น ก็ถือว่าเป็นฝีมือที่ยากจะเทียบได้

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง ทั้งสองก็จึงมาถึงจุดหมายปลายทาง เป็นถนนร้างผู้คนนอกเมืองหลิว

เมื่ออู๋ฝานมาถึงที่นี่พร้อมถังอวี่เฟย ก็พบว่าหลายคนมาถึงก่อนแล้ว เสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ดังข่มกันไปมา เสียงที่ได้ยินนี้มากพอจะทำให้ผู้คนรู้สึกเลือดร้อน คนหนุ่มสาวบางส่วนตอนนี้กำลังโยกตัวไปมาพร้อมกับเสียงดนตรีภายในรถของตนเอง บางคนก็กำลังแสดงอาการตื่นสนาม

นอกจากบรรดาคนหนุ่มที่กำลังเตรียมเข้าร่วมการแข่งขันแล้ว ก็ยังมีกลุ่มสาวสวยในชุดวาบหวิวรวมอยู่ด้วย พวกเธอกำลังเดินไปมาในฝูงชนอย่างกระตือรือร้น

หากเทียบกับภาพที่อู๋ฝานได้เห็นตอนที่อยู่นอกเมืองเจียงโจวครั้งก่อน ที่นี่คืนนี้ค่อนข้างคึกคักยิ่งกว่า มีคนมากกว่า บรรยากาศสนุกสนานกว่า และมีรถหรูหลากหลายมารวมกันเป็นจำนวนมาก

แต่แม้จะมีสารพัดรถหรูมารวมกัน รถของอู๋ฝานก็ยังโดดเด่นสะดุดตาในหมู่รถทั้งหลาย เมื่อรถของชายหนุ่มปรากฏตัว สายตาของทุกคนจึงพร้อมใจมองรถของอีกฝ่ายอย่างพร้อมเพรียง

ลึกลับ สูงส่ง และหรูหรา!

ทันทีที่รถของอู๋ฝานปรากฏตัว ก็กลายเป็นการดึงแสงไฟที่สาดส่องรถคันอื่นมารวมกันเป็นจุดเดียว รถของคนอื่นกลายเป็นเศษฝุ่นยามต้องจอดเทียบกับรถของชายหนุ่ม ตอนนี้รถของเขา เป็นประหนึ่งหงส์แดงที่มีประกายเพลิงลุกโชนเพียงหนึ่งเดียว

“นายน้อยอู๋? นี่รถของคุณเหรอครับเนี่ย? เท่บาดใจ!”

“ไปหารถแบบนี้มาได้ยังไงครับ ราคาเท่าไหร่เหรอ? ผมอยากได้บ้างสักคัน”

“มันเป็นรถอะไรกันแน่? ทำไมไม่เคยเห็นป้ายโลโก้แบบนี้มาก่อน?”

ขณะอู๋ฝานและถังอวี่เฟยลงจากรถ ทั้งสองก็ถูกฝูงชนเข้ามารายล้อมพร้อมยิงคำถาม ส่วนใหญ่หัวข้อก็ไม่พ้นเรื่องเกี่ยวกับรถของชายหนุ่ม

“สำหรับใครก็ตามที่อยากซื้อ คงต้องขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ เพราะมีแค่คันเดียวในโลก” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “และมันเป็นผลงานแฮนด์เมดหนึ่งเดียว ทำขึ้นเป็นพิเศษ หลังทำรถคันนี้แล้ว สถานที่รับทำก็ปิดตัวลง คนออกแบบรถไปขายน้ำชาแล้วละมั้งครับ”

แม้อู๋ฝานจะพูดเหมือนเรื่องตลก แต่เรื่องหนึ่งที่เป็นความจริง คือรถคันนี้มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก

“เชอะ! มันจะดีสักแค่ไหนกันเชียว อย่างมากก็แค่ดูดีสะดุดตา พอวิ่งจริงคงสู้จักรยานเด็กสามล้อยังไม่ได้ด้วยซ้ำละมั้ง ฮ่า! ฮ่า!” ตอนนี้เองที่ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวเข้ามา แม้สายตามองรถของอู๋ฝานด้วยความริษยา แต่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมากลับเป็นอะไรที่ไม่น่ารับฟัง

“หลังการแข่งเริ่มขึ้น ถ้าเห็นไฟท้ายฉันได้ ถือว่าฉันแพ้เลยก็แล้วกัน”

คนหนุ่มหลายคนเริ่มเยาะเย้ยอู๋ฝานกับรถของเขา

“คนพวกนี้มาจากเมืองหลิวค่ะ” ถังอวี่เฟยเข้ามากระซิบบอกข้างหูของอู๋ฝานบราวนี่ออนไลน์

“ถ้าผมจำไม่ผิด การแข่งครั้งนี้อาศัยมือและเท้า ไม่น่าจะใช้ปากนะครับ” อู๋ฝานเอ่ยขึ้นอย่างเฉยชา “ถ้าชอบใช้ปากในการแข่งขัน ทำไมไม่ไปทำรายการทอร์คโชว์ล่ะครับ?”

“ฝีปากดีไม่เลวเลยนี่!” ตอนนี้เองที่ชายวัยกลางคนที่ดูหิวกระหายเดินเข้ามา พร้อมจ้องรถของอู๋ฝานด้วยสายตาแวววาว กระทั่งยื่นมือไปสัมผัสมันพลางเอ่ย “ขายรถคันนี้ให้ฉันเป็นยังไง? อยากเรียกราคาเท่าไหร่ก็ว่ามา”

“ขายให้? ต่อให้คุณเอาเงินทั้งตระกูลมาทุ่มซื้อ เกรงว่าก็ยังจ่ายไม่ไหวหรอกนะครับ” อู๋ฝานตอบกลับ

“ปากดี! หานเป่าฟางคนนี้มีเหรอจะซื้อรถสักคันไม่ไหว?” อีกฝ่ายตอบกลับด้วยท่าทีถือตัว

อีกฝ่ายคือหานเป่าฟาง?

อู๋ฝานมองสำรวจอีกฝ่าย อายุน่าจะสามสิบ คิ้วขมวดมุ่นแสดงชัดถึงความเป็นปฏิปักษ์และความถือตัว ตอนที่ใช้สายตามองคนอื่น จมูกแทบจะเชิดสูงขึ้นเสียดฟ้า

“หานเป่าฟาง ถ้าอยากจะอวดรวยก็ขอดูสถานที่หน่อย แต่ละคนที่มาที่นี่วันนี้ มีใครบ้างที่สถานะด้อยไปกว่ากัน? นายคงไม่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เพราะแค่เคยแข่งรถซิ่งหรอกใช่ไหม?” ถังอวี่เฟยเอ่ยคำค่อนแคะอย่างไม่ไว้หน้าบราวนี่ออนไลน์

แม้ทั้งถังอวี่เฟยและหวังจื่อหมิงต่างก็บอกให้ระวังหานเป่าฟาง แต่ก็เพียงแค่ฝีมือการขับรถของอีกฝ่ายเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นนอกเหนือจากนั้น หานเป่าฟางแทบไม่มีค่าอะไรในสายตาของพวกเขาเลย

หลังถูกถังอวี่เฟยเหยียดซึ่งหน้า หานเป่าฟางก็แสดงสีหน้าอับอายออกมา ก่อนหน้านี้เขาอวดดีวางท่า เพราะสมัยยังเป็นนักแข่งรถมืออาชีพ เขาไม่เคยมองคนอื่นในสายตาแม้แต่น้อย มันจึงทำให้เขาลืมตัวว่าคนที่มาที่นี่ในคืนนี้ไม่มีใครธรรมดา เงินส่วนตัวอันน้อยนิดของเขา มันอาจมากกว่าบางคนในที่นี้ แต่ถ้าเทียบกับตระกูลที่อยู่เบื้องหลังอีกฝ่าย ย่อมไม่อาจทำได้แม้แต่น้อย

แต่เพราะเป็นคนถือดีโอ้อวด เมื่อถูกหยามกันซึ่งหน้า ใจหานเป่าฟางก็ย่อมเคืองแค้น กระทั่งเอ่ยขึ้น “ถ้าจะพูดแบบนั้น ก็มาวางเดิมพันกัน ใช้รถของแต่ละคนเดิมพัน ใครแพ้เสียรถให้อีกฝ่าย คิดว่าไง กล้าหรือเปล่า?”

“แล้วทำไมผมถึงต้องไปเดิมพันอะไรนั่นกับคุณล่ะ?” อู๋ฝานเผยยิ้มบางตอบกลับ

“เป็นอะไร กลัวงั้นเหรอ?” หานเป่าฟางได้โอกาสเย้ยหยัน

“ไม่ใช่ว่าผมกลัว แต่ไม่มีความจำเป็นต้องแข่งขันกับคุณเลยสักนิด” อู๋ฝานตอบกลับ “อีกอย่างรถขยะของคุณมีดีอะไร? เทียบอะไรได้กับรถของผม? มูลค่าก็เทียบไม่ได้แล้ว เห็นได้ชัดว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบในการเดิมพันที่คุณอ้างขึ้นมา”

“รถของฉันเป็นขยะ?” ได้ยินอู๋ฝานดูหมิ่นรถของตนเอง หานเป่าฟางก็เดือดดาล “รถของฉัน ลำพังแค่มูลค่าตัวรถก็เกินกว่าห้าล้านเข้าไปแล้ว หลังฉันปรับแต่งด้วยตัวเองเข้าไป มูลค่าย่อมเกินกว่าสิบล้าน! แกกล้าดียังไงบอกว่ารถของฉันเป็นรถขยะ!?”

“ก็แค่สิบล้าน เทียบกับรถของผม ก็ไม่เห็นต่างอะไรกับรถขยะ” อู๋ฝานตอบกลับอย่างเฉยชา

หานเป่าฟางคิดโต้แย้ง แต่เมื่อมองรถของอู๋ฝานที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย แฟชั่นดีไซน์ที่โดดเด่น อีกทั้งภาพรวมที่เท่เกินเทียบเปรียบ เขาก็รู้สึกว่าต่อให้โต้แย้งอะไรออกไป เขาก็ไม่มีฐานที่แข็งแกร่งมากพอ

“หานเป่าฟาง ไม่เจอกันนาน” ตอนนี้เองที่ชายคนหนึ่งวัยใกล้เคียงกับหานเป่าฟางเดินเข้ามาพร้อมเอ่ยขึ้น

หานเป่าฟางหันมองต้นเสียง จากนั้นสีหน้าก็แสดงชัดถึงความหยามเหยียดและค่อนแคะ “ก็นึกว่าใคร ที่แท้ก็เป็นขุนพลผู้พ่ายศึกนี่เอง!”

*******************