ตอนที่ 318 เจรจราร่วมมือกัน(2)

ตอนที่ 318 เจรจราร่วมมือกัน(2)

หลังจากรอประมาณหนึ่งชั่วโมง หลิวเสวียข่ายก็มาที่นี่พร้อมกับคนอีกแปดคน มีทั้งชายทั้งหญิง มีทั้งแก่ทั้งยังหนุ่มสาว คนพวกนั้นต่างมองฉินมู่หลานด้วยความสงสัย บางคนก็ประหลาดใจที่เธออายุยังน้อยขนาดนี้แต่ก็ได้เป็นหัวหน้าโรงงานแล้ว

“หัวหน้าหลิวคะ ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเริ่มกันเลยเถอะ”

หลังจากพูด ฉินมู่หลานก็ไปตามซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือมาด้วย เพื่อให้พวกหล่อนได้ทำการสัมภาษณ์ด้วยกัน

ตอนนี้ทั้งสองดูแลโรงงานเครื่องสำอาง จึงเริ่มมีความคุ้นเคยในบางเรื่องบ้างแล้ว พวกหล่อนยังเคยได้ยินมู่หลานพูดถึงเรื่องการสัมภาษณ์งานด้วย พอครั้งนี้ต้องสอบสัมภาษณ์คนพวกนี้ก็ไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเลย

คนพวกนี้ล้วนเป็นคนที่หลิวเสวียข่ายหามา จึงค่อนข้างดีทั้งหมด ฉินมู่หลานจึงให้ทุกคนได้ไปต่อ และให้พวกเขามาเริ่มงานในวันพรุ่งนี้

หลังจากคนพวกนี้ทราบว่าได้งานแล้ว พวกเขาก็รู้สึกดีใจมาก

“หัวหน้าหลิว ขอบคุณมากเลยนะคะ”

หลิวเสวียข่ายได้ยินแบบนี้ก็รีบโบกมือ พลางเอ่ยขึ้น “ควรเป็นผมที่ขอบคุณคุณมากกว่าครับ”

ปัจจุบันประสิทธิภาพของโรงงานบางแห่งยังไม่ดีนัก นอกจากนี้ยัมีจำนวนคนงานในโรงงานมากเกินไป ครั้นจะจัดการคนพวกนั้นก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างปวดหัว ตอนนี้สามารถหางานที่ใหม่ให้ได้แล้ว ทำให้หลายคนมีความสุขกันอย่างถ้วนหน้า

หลังจากหลิวเสวียข่ายพูดคุยกับฉินมู่หลานต่ออีกสองสามคำ เขาก็พาคนงานแปดคนนั้นกลับไปก่อน

ฉินมู่หลานอยู่ต่ออีกสักพักหนึ่ง ก่อนจะคิดถึงลูกทั้งสองคนแล้วรีบกลับบ้าน

ลุงเจี่ยงเห็นฉินมู่หลานกลับมา ก็รีบเอ่ยทันที “คุณหนูน้อย เพื่อนร่วมชั้นของคุณหนูมาขอพบครับ ตอนนี้กำลังรออยู่ในห้องรับแขก”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดแปลกใจไม่ได้ “ใครมาเหรอคะ?” เธอจำได้ว่าไม่เคยบอกที่อยู่ให้ใครได้ทราบทั้งนั้น แล้วเพื่อนร่วมชั้นคนไหนจะมาหาเธอได้

“เป็นคนที่ชื่อเฉินเซี่ยวอวิ๋นครับ”

ขณะที่ลุงเจี่ยงกับฉินมู่หลานกำลังพูดคุยกัน ก็ได้เดินมาถึงบริเวณห้องรับแขกแล้ว และฉินมู่หลานก็มองเห็นเฉินเซี่ยวอวิ๋นได้อย่างรวดเร็ว เธอจึงเอ่ยถามพร้อมกับท่าทางขมวดคิ้ว “เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?” ความประทับใจเดิมที่เธอมีต่อฉฺนเสี่ยวหยุนก็ค่อนข้างดี เพราะอีกฝ่ายก็ร่าเริงและมีน้ำใจ แต่ตอนนี้เหมือนว่าอีกฝ่ายจะรุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอ แอบสืบที่อยู่ของเธอ นั่นทำให้เธอร็สึกไม่พอใจนิดหน่อย

เมื่อเห็นท่าทางของฉินมู่หลานเป็นเช่นนี้ เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็รีบบอกกล่าวทันที “มู่หลาน ฉันมาที่นี่เพราะจะส่งมอบคำเชิญให้เธอ เธออย่าว่ากันเลยนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมารุกล้ำความเป็นส่วนตัวของเธอ”

“เธอยังไม่เห็นบอกเลย ว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่?”

เมื่อเห็นท่าทางการแสดงออกของฉินมู่หลานแข็งกระด้างขึ้น เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็รู้สึกเป็นครั้งแรกว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้ดูเข้าหาได้ยาก หล่อนจึงรีบเอ่ยอธิบาย “เซี่ยอวี่หรงที่พักอยู่หอข้าง ๆ บอกมาน่ะ หล่อนรู้ว่าฉันต้องการจะเอาคำเชิญมาส่งให้ แต่ก็ไม่รู้ที่อยู่บ้านของเธอ ก็เลยบอกฉัน เพราะฉะนั้นฉันก็เลยตรงมาที่นี่เลย”

อันที่จริงแล้วหล่อนอยากทราบเหลือเกินว่าฉินมู่หลานพักอาศัยอยู่ที่ไหน

เห็นได้ชัดว่าเป็นคนซานตง แต่กลับมีบ้านที่อยู่อาศัยในเมืองหลวง หล่อนจึงอยากรู้อยากเห็นมาก หลังจากที่ได้มาในวันนี้จึงแทบตกใจ บ้านหลังใหญ่โตอะไรขนาดนี้ แถมมีลานบ้านที่ใหญ่ขนาดนี้ด้วย อีกทั้งยังตั้งอยู่ในย่านนี้ บ้านหลังนี้ไม่เหมาะสำหรับคนธรรมดาที่จะอยู่อาศัย และที่นี่ก็ยังมีพ่อบ้านอะไรนี่อยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่าฉินมู่หลานเพื่อนร่วมชั้นคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาเลย

“เซี่ยอวี่หรง…”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ ใบหน้าก็มืดลง เมื่อเร็ว ๆ นี้เธอยุ่งมากจนเกือบลืมเรื่องของเซี่ยอวี่หรงไป แต่อีกฝ่ายก็เข้ามาปรากฏตัวอีกครั้ง

“คำเชิญล่ะ?”

เฉินเซี่ยวอวิ๋นได้ยินสิ่งนี้ ก็รีบส่งคำเชิญไปให้ทันที “ฉันจะอายุยี่สิบเร็ว ๆ นี้ ครอบครัวก็เลยวางแผนที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองให้ ฉันก็เลยอยากมาส่งคำเชิญให้เธอ”

ในตอนนั้นฉินมู่หลานเหลือบมอง ก่อนจะหันไปมองเฉินเซี่ยวอวิ๋นด้วยรอยยิ้มไม่เต็มปาก ก่อนจะเอ่ยขึ้น “รอฉันไปเรียนวันจันทร์ค่อยเอามาให้ก็ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็ฝืนยิ้มเจื่อน แล้วพูดขึ้น “ฉันแค่ใจร้อนเกินไปน่ะ”

เมื่อเห็นสีหน้าของฉินมู่หลานยังไม่สู้ดีอยู่ เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็รีบจะกลับไปให้เร็วที่สุด แต่ยังไม่ทันจะได้กลับก็มีหญิงวัยกลางคนสองคนเดินออกมาพร้อมกับเด็กน้อยทั้งสองในอ้อมแขน “คุณหนูน้อย เด็กทั้งสองคนกำลังร้องหาคุณหนูอยู่ค่ะ” แต่หลังจากพวกเธอเข้ามาก็พบว่ามีคนอยู่ที่นั่น ทำให้ไม่รู้ว่าควรก้าวเดินต่อไปข้างหน้าดีหรือไม่

และเมื่อฉินมู่หลานเห็นเด็กสองคนมาหา ในที่สุดรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

เฉินเซี่ยวอวิ๋นมองฉินมู๋หลานด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ ก่อนจะเอ่ยพูดอย่างตะกุกตะกัก “เธอ…เธอมีลูกแล้วเหรอ?”

ฉินมู่หลานไม่ได้เอ่ยตอบ ได้แต่มองไปที่เฉินเซี่ยวอวิ๋นอยู่อย่างนั้น

เฉินเซี่ยวอวิ๋นรีบหุบปากลงทันที ก่อนจะเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “มู่หลาน ฉ…ฉันขอตัวกลับก่อนนะ”

หลังจากพูดจบหล่อนก็จากไปทันที แต่ในใจรู้สึกว่าคิดถูกแล้วที่มาในวันนี้ ไม่เพียงแค่ได้รู้ว่าครอบครัวของฉินมู่หลานนั้นไม่ธรรมดา แต่ยังทราบด้วยว่าเพื่อนร่วมห้องคนนี้มีลูกแล้ว ไม่คาดคิดเลยจริง ๆ หล่อนคิดว่าเหมาชุนเถาที่พักอยู่หอเดียวกันเป็นเพียงคนเดียวที่แต่งงานมีลูกแล้วเสียอีก

หลังจากเฉินเซี่ยวอวิ๋นไปแล้ว ฉินมู่หลานก็อารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย ก่อนจะเล่นกับลูกทั้งสองคนสักพัก จากนั้นก็ออกไปข้างนอกอีกครั้ง

ตอนนี้ทางโรงงานมีการจ้างคนเพิ่มอีก เธอจึงตัดสินใจซื้ออุปกรณ์เพิ่ม หากทำตามที่ว่านี้ โรงงานจะต้องขยับขยายตัวได้อย่างแน่นอน

“คุณหนูน้อย เย็นขนาดนี้แล้วจะออกไปข้างนอกอีกเหรอครับ?”

“ค่ะ ฉันจะไปหาเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง”

แน่นอนว่าคนที่ฉินมู่หลานกำลังจะไปหาคือเซี่ยปิงหรุ่ย โชคดีที่เธอเคยถามที่อยู่ของเซี่ยปิงหรุ่ยไว้แล้วเมื่อก่อนหน้านี้ เมื่อไปพบหล่อน ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังรับประทานอาหารเย็นอยู่

“เธอมาได้ไงเนี่ย?”

เมื่อเห็นฉินมู่หลาน เซี่ยปิงหรุ่ยก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ก่อนจะรีบเอ่ยทักทาย “กินข้าวมาหรือยัง จะกินด้วยกันไหม?”

“เอาสิ”

ฉินมู่หลานไม่เกรงใจ แล้วพยักหน้าทันที หลังจากนั้นทั้งสองก็กินข้าวเย็นด้วยกัน และฉินมู่หลานก็ได้เอ่ยถึงจุดประสงค์ของการมาที่นี่

“เธอต้องการอุปกรณ์เครื่องมือพวกนั้นเพิ่มอีก แสดงว่าเครื่องสำอางของเธอเป็นที่นิยมมากอย่างนั้นเหรอ?”

“เรื่องนั้นมันแน่นอนอยู่แล้ว”

ฉินมู่หลานยิ้มแล้วพยักหน้า

เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้ลังเลเลย ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดขึ้นทันที “ได้ เธออยากได้เท่าไหร่ล่ะ บอกจำนวนมาให้ฉันเลย”

ฉินมู่หลานคำนวณ แล้วบอกจำนวนที่แน่ชัดไป

“ได้ รอฟังข่าวจากฉันนะ”

ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน แววตาเฉียบคมของฉินมู่หลานก็ได้เห็นคำเชิญที่แสนคุ้นตา “เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็มาส่งคำเชิญให้เธอด้วยเหรอ?”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินสิ่งนี้ก็หันมองไป จากนั้นก็พยักหน้า ก่อนจะพูดขึ้น “ใช่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหล่อนรู้ได้ยังไงว่าฉันอยู่ที่นี่ มาถึงก็รีบส่งคำเชิญให้ฉันเลย” หลังจากพูดก็หันมองแล้วเอ่ยถามฉินมู่หลาน “เธอก็ได้เหมือนกันเหรอ?”

“เหอะ..ใช่สิ ไปหามาจนได้ว่าที่อยู่ฉันคือที่ไหน แล้วก็ส่งมาให้ฉันด้วย”

หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างยากลำบาก “ดูเหมือนว่า เพื่อนร่วมห้องของเราจะมีความสามารถสองอย่างนะ ถึงหาที่อยู่ของพวกเราเจอได้”

“เอาเถอะ อย่าพูดถึงหล่อนเลย”

เซี่ยปิงหรุ่ยไม่สนใจใครเลยนอกจากฉินมู่หลาน หล่อนจึงไม่อยากใส่ใจเรื่องเฉินเซี่ยวอวิ๋นเช่นกัน หลังจากพูดคุยกับฉินมู่หลานอีกสองสามคำก็บอกให้เธอรีบกลับไป “นี่ก็มืดแล้ว เธอรีบกลับบ้านเถอะ”

“ได้”

ฉินมู่หลานพูดคุยธุระที่ต้องการจบแล้ว จึงยอมกลับไปตามปกติ

เมื่อถึงวันรุ่งขึ้น หลิวเสวียข่ายก็มาหาฉินมู่หลานแต่เช้า “สหายฉิน คุณวิลเลียมอยากพบคุณ อยากจะปรึกษาเรื่องการร่วมมือทำธุรกิจครับ”

เมื่อเห็นใบหน้าของหลิวเสวียข่ายเต็มไปด้วยรอยยิ้มแสนสุข ฉินมู่หลานก็ยิ้มเช่นกัน ก่อนจะบอกกล่าว “ดูเหมือนว่าคุณวิลเลียมจะอยากร่วมมือกับเราจริง ๆ ไปค่ะ พวกเราไปที่นั่นกัน”

เมื่อฉินมู่หลานได้พบคุณวิลเลียม ก็ยิ้มแล้วเอ่ยทักทายเขา

คุณวิลเลียมเคยพบฉินมู่หลานมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็จับมือแล้วเอ่ยทักทายเธอด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม เมื่อทราบแล้วว่าเธอไม่ใช่คนที่จะหลอกกันได้ง่าย ๆ เพราะฉะนั้นครั้งนี้เขาจึงมีความจริงใจอยู่ไม่น้อย และพูดคุยกับเธออยู่นานกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็บรรลุฉันทามติ

“คุณฉิน ยินดีที่ได้ร่วมมือกันครับ”

“ยินดีที่ได้ร่วมมือกันค่ะ คุณวิลเลียม”

………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

เซี่ยวอวิ๋นนี่เป็นลูกมือของยัยอวี่หรงหรือเปล่าเนี่ย สืบที่อยู่เก่งเหลือเกิน

สัญญาผนึกแล้ว เตรียมโปรเจคส่งออกเครื่องสำอางหรือยังคะ

ไหหม่า(海馬)