ตอนที่ 319 บังคับ(1)

ตอนที่ 319 บังคับ(1)

หลังการเจรจาตกลงร่วมมือกับวิลเลียมบรรลุผลเรียบร้อย ฉินมู่หลานก็ดีใจมาก ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องประสิทธิภาพของโรงงานอีกต่อไปแล้ว และเธอก็มีแผนสำหรับโรงงานผลิตเครื่องสำอางด้วย หลังจากที่คุณวิลเลียมไปแล้ว ฉินมู่หลานก็หันไปพูดกับหลิวเสวียข่าย “ผอ.หลิวคะ ถ้าคุณมีคนที่เหมาะสม ก็สามารถแนะนำมาได้นะคะ โรงงานเครื่องสำอางจะต้องขยับขยายตัวต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ”

หลิวเสวียข่ายได้ยินดังนี้ ก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น “ได้ครับ ถึงเวลาเดี๋ยวผมจะพาคนมาให้”

“ผอ.หลิว ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ยังต้องไปจัดการเรื่องที่โรงงานอีกหน่อยน่ะค่ะ”

หลิวเสวียข่ายพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ครับ คุณรีบไปเถอะ”

ฉินมู่หลานตรงไปที่โรงงานทันที หลังจัดการเรื่องในโรงงานเสร็จเรียบร้อย เธอก็รู้สึกโล่งใจ หลังจากนั้นก็กลับบ้านเพื่อใช้เวลากับลูกทั้งสองคน

ลุงเจี่ยงเห็นฉินมู่หลานกลับมา ก็ยิ้มแล้วบอกกล่าว “คุณหนูน้อย ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว เด็กทั้งสองคิดถึงคุณหนูมากเลยครับ”

ขณะที่ลุงเจี่ยงพูด ชิงชิงกับเฉินเฉินก็กวักมือเรียกหาฉินมู่หลาน ใบหน้าเล็ก ๆ เต็มไปด้วยความสุข

ฉินมู่หลานเห็นท่าทางของเด็กทั้งสองเป็นแบบนี้ ก็ยิ้มแล้วเข้าไปอุ้มทั้งสองคนขึ้นมา

ลุงเจี่ยงเห็นแบบนี้ ก็อดพูดไม่ได้ “คุณหนูน้อยครับ ช่วงนี้พวกคุณหนูยุ่งมาก ไม่มีเวลาให้พวกเด็ก ๆ เลย พวกเขาจึงคิดถึงพวกคุณหนูมากครับ”

ล่าสุดเขาก็ได้ช่วยดูแลเด็กทั้งสองคนนี้เหมือนกัน จึงเห็นได้ว่าเด็กทั้งสองต่างคิดถึงแม่และคุณย่าคุณยายของพวกเขามาก

ฉินมู่หลานได้ยินดังนี้ก็หันมองหน้าเด็กทั้งสอง ก่อนจะแนบหน้าผากเข้ากับหน้าผากเล็กของพวกเขา แล้วถูไถอย่างแนบชิด “แม่ก็คิดถึงพวกลูกเหมือนกัน หลังจากช่วงนี้ผ่านไปคุณย่ากับคุณยายก็จะมีเวลาว่างแล้ว ถึงตอนนั้นก็จะมาคอยดูแลพวกลูกนะจ๊ะ”

ไม่ทราบว่าเด็กทั้งสองเข้าใจหรือไม่ พวกเขาเอาแต่ยิ้มแล้วปรบมือน้อย ๆ ของตัวเองอยู่อย่างนั้น

ลุงเจี่ยงเห็นเด็กทั้งสองมีท่าทางเช่นนี้ก็ใจอ่อนระทวยจนแทบทนไม่ไหว “ไอ้หยา ชิงชิงกับเฉินเฉินของเราเข้าใจที่แม่พูดด้วย ถึงได้ดีใจแบบนี้”

ฉินมู่หลานก็รู้สึกเหมือนกันว่าเด็กทั้งสองเข้าใจสิ่งที่เธอพูด ได้แต่คิดว่าลูกของเธอมองอย่างไรก็เป็นเด็กฉลาด

แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเซี่ยเจ๋อหลี่กับเจี่ยงสือเหิงไม่ได้กลับมาบ้านเลย จึงอดถามเพิ่มเติมเสียไม่ได้ “ลุงเจี่ยงคะ พวกพ่อบุญธรรมกำลังงานยุ่งอยู่เหรอคะ?”

ลุงเจี่ยงเห็นฉินมู่หลานถาม ก็ยิ้มและตอบคำ “คุณหนูน้อยครับ คุณกำลังกังวลใจมากเกินไป ไม่ต้องห่วงนะครับ พรุ่งนี้ผมจะให้คนเอาของไปให้พวกนายน้อยเอง ตอนนี้พวกนายน้อยกำลังทำงาน เหล่าเฉินที่ไปส่งของให้ครั้งก่อนก็เจอนายน้อยกับอาหลี่อยู่ครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็วางใจ

ทันทีที่ฉินมู่หลานมาถึงห้องเรียน เธอก็เห็นเซี่ยปิงหรุ่ยโบกมือให้ จึงเดินไปนั่งลงข้าง ๆ

“ฉินมู่หลาน เธอจะไปร่วมงานฉลองวันเกิดของเฉินเซี่ยวอวิ๋นในวันเสาร์นี้ไหม?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็อดเอ่ยถามไม่ได้ “มีเพื่อนร่วมห้องคนอื่นไปกันไหม?”

เซี่ยปิงหรุ่ยส่ายหัวทันที ก่อนจะบอกกล่าว “เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“เอาไว้ตอนพักเที่ยงพวกเราค่อยไปถามคนอื่นกันเถอะ”

ถึงแม้ว่าเธอกับเซี่ยปิงหรุ่ยจะอยู่คณะเดียวกัน ส่วนคนอื่นล้วนอยู่คณะอื่น แต่ถึงอย่างนั้นพวกเธอก็ต้องกลับไปพักที่หอพักในตอนเที่ยง ยังพอมีเวลาอีกตั้งสี่ปี หากเข้ากันได้ดีก็คงสนิทกันได้ แต่หากว่าไม่ก็เพียงแค่พูดบอก

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า แล้วเอ่ยขึ้น “ได้สิ”

เพราะฉินมู่หลานตั้งใจฟังในชั้นเรียน ดังนั้นเซี่ยปิงหรุ่ยจึงจริงจังไม่แพ้กัน ด้วยวิธีนี้ เจึงได้ทราบว่าการได้เรียนความรู้พื้นฐานใหม่อีกครั้งทำให้ได้รับความรู้ที่แตกต่างออกไปจากเดิม

จนกระทั่งคาบเรียนในตอนเช้าสิ้นสุดลง ฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็ไปกินข้าวที่โรงอาหาร ขณะเดียวกันก็ได้พบว่าคนอื่น ๆ จากหอพักก็มาอยู่ที่โรงอาหารเช่นกัน เหมาชุนเถาจึงรีบโบกมือให้ทั้งสอง แล้วพูดขึ้น “มู่หลาน ปิงหรุ่ย ทางนี้”

ฉินมู่หลานเห็นเช่นนี้ก็รีบเดินไปนั่ง แน่นอนว่าเซี่ยปิงหรุ่ยก็ตามไปด้วยเช่นกัน

หลังจากทั้งหกคนจากห้องพักเดียวกันนั่งลงกันแล้ว เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็พูดถึงงานเลี้ยงฉลองเนื่องในวันเกิดของตัวเองที่กำลังจะจัดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้ขึ้นมา “พวกเธอต้องมากันนะ พ่อกับแม่ฉันจัดงานฉลองวันเกิดให้ฉันไม่บ่อยนัก ครั้งนี้เป็นเพราะฉันสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ พวกท่านจึงอยากจัดงานฉลองดี ๆ ให้ฉัน เพราะฉะนั้นทุกคนต้องมากันนะ”

เหมาชุนเถาอาวุโสที่สุดในห้องพัก จึงเอ่ยปากพูดก่อน “ได้ พวกเราจะไป”

ตอนแรกหล่อนไม่อยากไป เพราะสุดท้ายแล้วก็คงต้องใช้เงินจำนวนมาก แต่เป็นเพราะเฉินเซี่ยวอวิ๋นเคยช่วยเหลือตนมาก่อน ดังนั้นหล่อนจึงต้องไป

เมื่อเห็นเหมาชุนเถาพูดแบบนี้ เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็หันมองทุกคนอีกครั้ง

ทั้งห้องพักนี้ นอกจากเหมาชุนเถาที่มาจากชนบทและไม่มีภูมิหลังโดดเด่นแล้ว คนอื่นถือว่าฐานะมั่นคงมาก หล่อนจึงอยากให้คนอื่นไปงานวันเกิดของตน

ในตอนนั้นเอง สือหยวนฝูก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ถึงเวลาแล้วพวกเราจะไปที่นั่นกัน” ครั้งล่าสุดที่หล่อนได้บ้านใหม่ เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็ไปด้วย แถมยังนำชุดจานชามมาให้เป็นของขวัญ ดังนั้นหล่อนจึงต้องไปงานฉลองวันเกิดของอีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เพราะมีมาก็ต้องมีไป

เมื่อเห็นว่าสือหยวนฝูตอบตกลงเช่นกัน เฉินเซี่ยวอวิ๋นก็หันไปหาเกาสุนชิวอีกครั้ง

“สุนชิว เธอก็ต้องไปนะ เราอยู่ห้องพักเดียวกันและเรียนคณะเดียวกัน อีกทั้งยังมาจากบ้านเกิดเดียวกันด้วย”

เกาสุนชิวได้ยินแบบนี้ ก็พยักหน้าแล้วพูดว่า “ได้สิ ฉันไปอยู่แล้ว วันนี้เธอก็มาส่งคำเชิญให้ฉันในห้องเรียนอยู่ไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วแล้วหันมองเกาสุนชิว เฉินเซี่ยวอวิ๋นคนนี้รีบร้อนไปส่งคำเชิญให้เธอกับเซี่ยปิงหรุ่ยถึงที่บ้าน แล้วทำไมถึงเอามาให้เกาสุนชิวในห้องเรียนวันนี้แทน เฉินเซี่ยวอวิ๋นไม่ได้ไปที่บ้านตระกูลเกาจริงด้วย เธอคิดว่าเฉินเซี่ยวอวิ๋นจะไปที่บ้านของทุกคนกันหมดแล้ว

แต่เมื่อเห็นว่าทุกคนในห้องพักยอมตอบตกลง ฉินมู่หลานก็พยักหน้าแล้วพูดเช่นกัน “ฉันกับปิงหรุ่ยก็จะไปเหมือนกัน”

เฉินเซี่ยวอวิ๋นเห็นว่าทุกคนในห้องพักตอบตกลงที่จะไป สีหน้าก็มีรอยยิ้ม “ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอพวกเธอนะ”

ทั้งกลุ่มกินข้าวเสร็จก็กลับหอพักไปเพื่อพักผ่อน

เมื่อถึงเวลาเริ่มเรียนช่วงบ่าย เซี่ยปิงหรุ่ยก็หันไปถามฉินมู่หลาน “วันเกิดเฉินเซี่ยวอวิ๋น เธอจะให้อะไรเหรอ บอกใบ้ให้ฉันรู้หน่อยสิ”

“วันเกิดของเพื่อนนักศึกษา ส่วนใหญ่แล้วก็ให้แค่ของขวัญล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น ผ้าพันคอ ถ้วยแก้ว อะไรประมาณนี้ เพราะฉะนั้นพวกเราก็ซื้ออะไรที่ซื้อได้ก็พอแล้ว”

“ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้ถ้วยใบหนึ่ง”

เซี่ยปิงหรุ่ยตัดสินใจเลือกไว้หนึ่งอย่าง

ฉินมู่หลานเห็นดังนี้ก็พูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นฉันให้ผ้าพันคอแล้วกัน”

หลังจากที่ทั้งสองคุยกันเรื่องนี้แล้วก็ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป แต่พวกเธอก็ไม่ได้ลืมสิ่งของที่จะมอบให้ พลางย้ำเตือนเอาไว้ล่วงหน้าเรียบร้อย เมื่อถึงวันเกิดของเฉินเซี่ยวอวิ๋น พวกเธอก็นำของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ติดมือไปด้วย

ตอนแรกเฉินเซี่ยวอวิ๋นตั้งตารอดูของขวัญวันเกิดจากพวกเขา แต่หลังจากได้เห็นถ้วยแก้วกับผ้าพันคอแล้ว ก็รู้สึกผิดหวังจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดแทบไม่ออก บ้านของสองคนนี้มีเงินตั้งมากมาย แต่กลับมอบของพวกนี้ให้เป็นของขวัญ กระนั้นเฉินเซี่ยวอวิ๋นกลับไม่พูดอะไรแบบนี้ออกมา หล่อนยกยิ้มแล้วเชิญฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ยเข้าไปข้างใน

เหมาชุนเถากับสือหยวนฝูก็มากันแล้ว เมื่อพวกเขาเห็นฉินมู่หลานกับเซี่ยปิงหรุ่ย ก็รีบกวักมือเรียกพวกเธอทันที

“มู่หลาน ปิงหรุ่ย พวกเธอมาแล้วเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็เหลือแค่เกาสุนชิวแล้ว”

เพิ่งพูดถึงไปหยกๆ เกาสุนชิวก็เข้ามาพอดี หล่อนเห็นฉินมู่หลานและคนอื่นแล้ว จึงรีบเดินตรงมาทางนี้ทันที “พวกเธอมากันตั้งแต่เมื่อไหร่”

“พวกเราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”

ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วตอบกลับ แต่ไม่นานนักรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็จางหายไป เธอขมวดคิ้วแล้วจ้องมองเซี่ยอวี่หรงที่เพิ่งเดินก้าวเข้าประตูมา จากนั้นก็หันมองเหมาชุนเถาแล้วเอ่ยถาม “คนนี้อยู่ห้องพักข้างเราไม่ใช่เหรอ?”

เหมาชุนเถาได้ยินสิ่งนี้ก็พยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่ หล่อนเรียนอยู่ที่คณะวรรณกรรมของเราเหมือนกัน พักอยู่ห้องข้าง ๆ ดูเหมือนจะพูดคุยกับเซี่ยวอวิ๋นค่อนข้างเยอะ”

“พวกเขาสองคนสนิทกันเหรอ?” เซี่ยปิงหรุ่ยอดถามไม่ได้ ปกติหล่อนไม่ค่อยสนใจอะไรนัก แต่ไม่รู้เลยว่าเซี่ยอวี่หรงพักอยู่ห้องข้าง ๆ พวกเธอ ส่วนใหญ่หล่อนจะกลับไปที่ห้องพักแค่ตอนพักเที่ยงเท่านั้น จึงใช้เวลาอยู่ที่ห้องค่อนข้างน้อย

“ก็ค่อนข้างสนิทเลย”

เหมาชุนเถาพยักหน้าแล้วเอ่ยพูดอะไรบางอย่าง ก่อนจะเอ่ยถาม “พวกเธอไม่รู้จักเซี่ยอวี่หรงกันเหรอ หล่อนค่อนข้างมีชื่อเสียงในคณะวรรณกรรมของพวกเราเลยนะ”

“ไม่รู้จัก”

ฉินมู่หลานเพิ่งพูดจบ เซี่ยอวี่หรงก็ก้าวเดินมาตรงหน้า ก่อนจะมองเธอพร้อมรอยยิ้มแล้วพูดขึ้น “มู่หลาน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”

หลังจากนั้นหล่อนก็หันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วกล่าวว่า “พี่…นักศึกษาเซี่ยปิงหรุ่ย ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

มีแขกที่ไม่ได้คาดคิดมา งานเลี้ยงจะกร่อยหรือเปล่าเนี่ย

ไหหม่า(海馬)