ตอนที่ 233 รู้แล้วก็ไม่ต้องพูดออกมา

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 233 รู้แล้วก็ไม่ต้องพูดออกมา

นางหวงส่ายหน้าแล้วพูดกับนางเฝิงว่า “เด็กคนนี้ไม่รู้จักอาย ต่อไปต้องรบกวนให้เจ้าใจกว้างกับนางหน่อยแล้ว ! ”

“ไอหยา ! ข้าชอบเด็กอย่างเสี่ยวเว่ย ไร้เล่ห์เหลี่ยม น่ารักจะตายไป ! ” นางเฝิงพอใจที่สุด ! นางชอบหนุ่มสาวคู่นี้นานแล้ว เวลาทั้งสองคนอยู่ด้วยกันช่างน่ามอง !

ทว่าหานเอ๋อร์ของบ้านนางถ้าไม่เย็นชาก็ถูกเสี่ยวเว่ยยั่วโทสะจนเสียอาการ นอกนั้นก็ไม่มีสิ่งใดน่าสนใจอีก นางยังรู้สึกกลัวอยู่เลย ! แต่ใครจะรู้ว่าบุตรชายเมื่อได้รู้ความก็รู้ขึ้นมาทันที ! เสี่ยวเว่ยเป็นเด็กที่น่าสนใจถึงเพียงนี้ ต่อไปในบ้านจะต้องไม่เงียบเหงาแน่นอน !

นางเฝิงชอบเห็นท่าทางตอนโดนยั่วโทสะของบุตรชายที่สุด !

ตกบ่าย ป้ากุ้ยฮวาเข้ามาทำงานก็ยังนำเห็ดมาอีกหนึ่งตะกร้า “เมื่อวานฝนตก ตอนที่ต้าหยากับพวกพี่น้องเข้าไปเก็บของป่า นางได้เก็บกลับมาไม่น้อย พวกนี้จึงแบ่งไว้ให้พวกเจ้าตุ๋นกับไก่ ! ”

นางหวงกำลังจะพูดบางอย่างออกมาอย่างเกรงใจ แต่หลินเว่ยเว่ยรับมาอย่างง่ายดาย “ไอหยา ! เห็ดหอม เห็ดฟาง เห็ดนางรม…แถมยังมีเห็ดมันไก่ด้วย ! ป้ากุ้ยฮวา ตอนนี้บนเขามีเห็ดเยอะหรือไม่ ? ถ้ามีล่ะก็ให้คนในหมู่บ้านเก็บมาตากแห้ง ข้าจะรับซื้อตามราคาตลาดทั้งหมด ! ”

ป้ากุ้ยฮวาและแม่ซัวถัวได้ยินดังนั้นก็เผยสีหน้าดีใจพลางพยักหน้ารับทันที “เยอะสิ ! เมื่อก่อนไม่มีใครกล้าขึ้นไปเก็บ พอเมื่อวานฝนตกมันก็ผุดขึ้นมาหมด ! ”

หลินเว่ยเว่ยได้วาดสถานที่ปลอดภัยของภูเขาไม่กี่ลูกรอบฉือหลี่โกวไว้แล้ว เมื่อก่อนยังพอมีพวกหมูป่าอยู่บ้าง แต่ตอนนี้สะอาดหมดจน ผลไม้ป่าหรือของป่าด้านในก็ถูกเก็บจนหมด แต่พวกเห็ดหรือเชื้อราต่าง ๆ มีไม่น้อย ! แค่ยามเช้านี้หลิวต้าหยาก็สามารถเก็บได้ตะกร้าใหญ่แล้ว แม้จะตากแห้งก็ยังมีน้ำหนัก 5-6 ชั่ง !

ป้ากุ้ยฮวาฉีกยิ้มจนหน้าบาน “ตอนลุงต้าซวนของเจ้าขึ้นเขาไปเก็บของป่าก็เก็บเห็ดโคนได้จำนวนมากในป่าต้นเจิน เดิมทีจะเก็บไว้ตุ๋นให้เด็ก ๆ กินเย็นนี้ หากได้ยินว่าเจ้ารับซื้อ เขาจะต้องกินไม่ลงแน่นอน ! ”

แม่ซัวถัวก็พยักหน้าแล้วให้คำชี้แนะหลินเว่ยเว่ย “นางหนูรอง เจ้าอย่าเพิ่งใจร้อนรับซื้อเห็ด อย่างไรก็ควรไปถามตลาดในเขตเริ่นอันก่อนว่ารับซื้อหรือไม่…พวกเรารู้ว่าเจ้าอยากหาช่องทางทำเงินให้คนในหมู่บ้าน แต่จะทำให้ตนเองลำบากแทนไม่ได้ ! ”

“ท่านวางใจได้ ! ข้าไปสืบข่าวมาแล้วว่าเห็ดจากภูเขาต้าชิงของพวกเรามีคุณภาพเป็นเลิศ มีพ่อค้าต่างถิ่นเข้ามารับซื้อทุกปี เพียงแต่ปีนี้ค่อนข้างพิเศษหน่อยเท่านั้น ! ข้าได้ยินว่าเห็ดราจากภูเขาต้าชิงเป็นที่นิยมมาก ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ออก ! ” หลินเว่ยเว่ยครุ่นคิด รอให้ลู่เหวินจวินมารับเมล็ดสนปากอ้าไป แล้วค่อยถามเขาว่าจะเอาเห็ดกลับไปเมืองหลวงบ้างหรือเปล่า

เมื่อเอ่ยถึงโจโฉ โจวโฉก็มา ! เพราะเที่ยงของวันถัดไปขณะที่หลินเว่ยเว่ยกำลังใช้ไม้เท้าเขียนอักษรอยู่ในลานบ้านกับเด็กทั้งสองด้วยความเบื่อหน่าย นางก็ได้ยินเสียงเคาะประตูหน้าบ้าน

“ข้าไปเปิดประตูเอง ! ” หลินเว่ยเว่ยดีดกายลุกขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูอย่างมีความสุข นางทำงานจนชินแล้ว ดังนั้นการนั่งอยู่ในบ้านเฉย ๆ จึงเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นชิน…หืม นี่นางเกิดมาเพื่อทำงานหนักสินะ !

เมื่อประตูเปิดออก นางก็เห็นลู่เหวินจวินในรูปลักษณ์หล่อเหลาองอาจและหนิงตงเซิ่งที่ยืนยิ้มอบอุ่นรออยู่หน้าบ้าน

“หืม ? เหตุใดท่านทั้งสองจึงมาด้วยกัน ? ” หลินเว่ยเว่ยเบี่ยงตัวแล้วเชิญทั้งสองคนเข้าบ้าน “คุณชายลู่ ทางท่านยังราบรื่นดีหรือไม่ ? ”

เหตุผลที่นางถามเช่นนี้ก็เพราะลู่เหวินจวินมาช้ากว่ากำหนดไป 2-3 วัน

ลู่เหวินจวินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ยังพอไหว ! มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย ทว่าประเดี๋ยวก็แก้ไขได้แล้ว ! ช้าไปสองสามวัน ข้าจึงมาเพื่อขออภัยโดยเฉพาะ หลินกู่เหนียงคงไม่ถือสาใช่หรือไม่ ? ”

ขณะที่พูดเขาก็ยื่นของขวัญให้…ขนมหนึ่งกล่องแถมยังเป็นของร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ ! ชุดพู่กันและแท่นฝนหมึก 2 ชุด ยังมีพวกเครื่องประดับของสาวน้อยและผ้าฝ้ายเนื้อละเอียดอีกสองม้วน…เจ้าหมอนี่รอบคอบใช้ได้ ของที่มอบให้ล้วนเป็นของที่บ้านตระกูลหลินได้ใช้ !

หลินเว่ยเว่ยจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณชายลู่เกรงใจเกินไปแล้ว ! ซื้อของมาตั้งมากมายเช่นนี้ ! ”

“แม้ไม่ได้ทำเพื่อขออภัยแต่ก็เก็บไว้เป็นของขวัญที่มาเยือน หากมามือเปล่าจะไม่เสียมารยาทเกินไปหรือ…” เมื่อเห็นแขนที่โดนพันผ้าไว้ของหลินเว่ยเว่ย เขาก็รีบออกคำสั่งกับบ่าวของตน “หมิงเยว่ ชิงเฟิง นำของขวัญเข้าไปให้หลินกู่เหนียง ! ”

หนิงตงเซิ่งสำรวจบ้านชาวบ้านธรรมดาหลังนี้ กำแพงทางทิศตะวันตกมีเตาอบที่ก่อด้วยอิฐหลายเตา พวกหญิงสูงวัยและเด็กสาวที่อยู่แถวนั้นกำลังยุ่งอยู่กับงาน เนื้อแผ่นที่เพิ่งอบเสร็จส่งกลิ่นหอมเข้มข้นอบอวลในอากาศ

บนพื้นและหลังคาบ้านปูด้วยเสื่อกกและเสื่อฟางผืนสะอาด ด้านบนเป็นผลไม้อบแห้งและเชื่อมชนิดต่าง ๆ…แอปเปิลอบแห้ง สาลี่อบแห้ง บลูเบอร์รี่และองุ่น…

เมื่อเดินเข้าสู่กำแพงทางทิศใต้มีเพิงไม้ตั้งสะดุดตา ด้านในมีเตาสองสามหลุมกำลังมีไฟลุกไหม้ ผู้หญิงหลายคนกำลังกวนแยมอยู่ที่เตา…บ้านทั้งหลังเต็มไปด้วยความหวังและชีวิตชีวา !

แม่ซัวถัวเห็นชายหนุ่มสองคนที่สวมชุดสง่างามเดินตามหลังเข้ามากับหลินเว่ยเว่ยจึงยับยั้งชั่งใจในความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว “นางหนูรอง คุณชายทั้งสองท่านคือ…”

“พวกเขาน่ะหรือ ! เป็นแขกสูงศักดิ์ที่สุดของเรา ! ท่านนี้คือคุณชายลู่ มาจากเมืองหลวง แค่ชั่วอึดใจก็สั่งเมล็ดสนของเรา 20,000 ชั่ง ส่วนท่านนี้คือนายน้อยแห่งร้านขายขนมและผลไม้อบหนิงจี้ ผลไม้อบแห้ง เนื้อแผ่นที่พวกเราทำแล้วก็ยังมีแยมผลไม้…ล้วนส่งให้ร้านของเขา ! ” หลินเว่ยเว่ยแนะนำด้วยรอยยิ้ม

เจียงโม่หานเดินเข้ามาพร้อมท่าทางของเจ้าบ้าน “คุณชายทั้งสองเชิญด้านใน ! เชิญนั่งก่อน น้องสี่ไปยกชาให้แขก ! ”

มุมทิศตะวันตกเฉียงเหนือของลานบ้าน ใต้ร่มไม้ใหญ่ของต้นพลับมีศาลาโดดเด่นตั้งอยู่ มีไผ่เขียวตั้งเป็นเสา มุงหญ้าเป็นหลังคา ทว่าไม่เรียบง่ายแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามยังดูมีความน่าเกรงขามพอสมควร

ศาลานี้เป็นความต้องการของบัณฑิตหนุ่มโดยมีหลินเว่ยเว่ยเป็นคนสร้าง มันทั้งกันแดดกันฝน มีโต๊ะหินอยู่กลางศาลา เวลากินข้าวก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีมูลนกหรือแมลงตกลงมา !

บนศาลามีป้ายคำว่า ‘ศาลาเถาหราน’ ซึ่งเจียงโม่หานสลักขึ้นมากับมือ มันค่อนข้างทรงพลังโดยมีความหมายว่า ‘สุขใจลืมกังวล ! ’ หลินเว่ยเว่ยล้อเขาว่า “เพราะของอร่อยจึงทำให้เจ้าลืมเรื่องกังวลใช่หรือไม่ ? ” เขาจึงตอบกลับสั้น ๆ “รู้แล้วก็ไม่ต้องพูดออกมา ! ”

ขณะมองเจียงโม่หานแล้ว หนิงตงเซิ่งก็ค่อย ๆ ขมวดคิ้วพลางถามว่า “เหตุใดท่านมาอยู่ที่นี่ ? ” เหตุใดทุกที่ที่มีหลินกู่เหนียงอยู่จะต้องเจอท่านตลอด ? ท่านคอยเดินตามก้นนางหรือ ?

เจียงโม่หานเลิกคิ้วแล้วฉีกยิ้มดั่งไม่ได้ยิ้ม “บ้านของว่าที่คู่หมั้น เหตุใดข้าจะอยู่ไม่ได้ ? ”

“ว่าที่คู่หมั้น ? ” สีหน้าของหนิงตงเซิ่งเปลี่ยนไปทันที เขาหันไปมองหลินเว่ยเว่ย “กู่เหนียงหมั้นแล้วหรือ ? ”

หลินเว่ยเว่ยหยิบชุดชงชาสำหรับรับแขกออกมา จากนั้นก็ใส่ใบชาลงไป พอน้ำบนเตาดินเดือดแล้วนางก็เทลงในถ้วยชา “ยังหรอก ! ทว่าก็อีกไม่นานแล้ว ! ”

หลังได้ยินนางกล่าวเช่นนั้น สีหน้าของหนิงตงเซิ่งก็ดูผ่อนคลายขึ้นทันที แต่แล้วมันก็กลับมาเคร่งเครียดในชั่วอึดใจเดียว “อีกไม่นานแล้ว…หมายความว่าอย่างไร ? ”

เจียงโม่หานกวาดตามองอีกฝ่าย “ความหมายก็คือทั้งสองครอบครัวตกลงกันเรียบร้อยแล้ว รอเพียงฤกษ์ดีอีกเก้าวันข้างหน้าก็เริ่มสามหนังสือหกพิธีการ1ได้ ! ” เจ้าหนุ่มเอ๋ย เจ้าหมดโอกาสแล้ว !

หนิงตงเซิ่งไม่สนใจเขาทว่าหันไปพูดกับหลินเว่ยเว่ยแทน “ท่านเพิ่งอายุได้เท่าไรเอง หมั้นตอนนี้จะไม่เร็วไปหน่อยหรือ ? ”

1 สามหนังสือหกพิธีการ คือขั้นตอนการสู่ขอเจ้าสาวแบบจีนโบราณโดยการแลกเปลี่ยนหนังสือสามฉบับระหว่างตระกูลและการดำเนินตามพิธีการ 6 ขั้นตอน