ตอนที่ 234 ท่านใช้ฐานะอะไร ?
เจียงโม่หานพูดย้ำอีกครั้ง “ไม่เร็วไปหรอก ปีนี้เสี่ยวเว่ยอายุ 14 รอให้ขั้นตอนตามสามหนังสือหกพิธีการเสร็จสมบูรณ์ก็เกือบอายุ 16 ปีแล้ว นับว่าพอดี ! ในชนบทเด็กจำนวนมากที่อายุน้อยกว่านางก็มีคู่หมั้นกันหมดแล้ว ! ”
หลินเว่ยเว่ยกระตุกชายเสื้ออีกฝ่าย…สามหนังสือหกพิธีการอันใด ? หมั้นหมายก็แค่ให้แม่สื่อพ่อสื่อมาพูดไม่ใช่หรือ วันที่สองตระกูลหมั้นหมายกันก็กินข้าวด้วยกันสักมื้อ สามหนังสือหกพิธีการกว่าจะเสร็จก็ปีกว่าพอดี…ฟังแล้วยุ่งยากจะตายไป !
เจียงโม่หานส่งสายตาให้นาง…เจ้าไม่ต้องพูด แค่ให้ความร่วมมือก็พอ !
สายตาของหนิงตงเซิ่งที่ใช้มองเจียงโม่หานดูเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เขาเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “บัณฑิตเจียง หากวันหน้าท่านสอบติดจอหงวนแล้วได้เป็นขุนนาง ท่านจะรับประกันได้หรือไม่ว่าตนจะไม่เสียใจภายหลังและทอดทิ้งภรรยาผู้ยากไร้เพื่อไปเลือกสตรีสูงศักดิ์แทน ? ”
“ท่านใช้ฐานะอะไรมาถามข้า ? ” เจียงโม่หานมองตอบด้วยสายตาเย็นชา
ท่าทีของหนิงตงเซิ่งดูอ่อนลงทันที แต่น้ำเสียงยังแข็งกระด้าง “ข้า…ข้าเห็นหลินกู่เหนียงเป็นเหมือนน้องสาว จึงเป็นธรรมดาที่จะพิจารณาหลายด้านเพื่อนาง ! ”
น้องสาว ? นางมีวาสนาเป็นน้องสาวของเขาตั้งแต่เมื่อใด ? ก่อนหน้านี้หลีชิงแม้จะดูเหลาะแหละไปบ้าง แต่ก็ดูแลนางเหมือนน้องสาวแท้ ๆ ส่วนคุณชายหนิงคนนี้ก็บอกว่าเห็นนางเป็นน้องสาว หรือว่า…นางจะมีใบหน้าเหมือนน้องสาวเขาจริง ?
มุมปากของเจียงโม่หานโค้งขึ้นเล็กน้อย “คุณชายหนิง เสี่ยวเว่ยไม่ขาดน้องชายที่จะหนุนหลังนาง ! อีกอย่างคือเหตุใดท่านมั่นใจถึงเพียงนั้นว่าข้าจะเป็นคนไร้คุณธรรมที่ทอดทิ้งภรรยาผู้ยากไร้ได้ลงคอ ? ”
เพราะเมื่อก่อนเจ้าเย็นชากับหลินกู่เหนียงมาก เพราะสายตาเจ้ามักเต็มไปด้วยความห่างเหิน เพราะเจ้ามีใบหน้าที่สามารถดึงดูดผีเสื้อ…หนิงตงเซิ่งบ่นในใจแต่มีหลายถ้อยคำที่ไม่อาจพูดออกมาได้
เหตุใดหรือ ? เหตุใดจึงไม่ให้เขาเจอเสี่ยวเว่ยเร็วกว่านี้ ? เหตุใดตอนรู้จักนาง ข้างกายนางถึงได้มีหนุ่มรูปงามอยู่แล้ว ? เหตุใดสวรรค์ถึงสร้างชะตาให้พวกเขาได้พบกันแต่ไร้วาสนาได้ครองคู่ ? แววตาของหนิงตงเซิ่งเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง !
“เอ่อคือ…ชาจะเย็นแล้ว คนป่วยอย่างข้าชงชาให้พวกท่านดื่มด้วยตนเอง พวกท่านไม่ลองสักหน่อยหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยคว้าโอกาสพูดเปลี่ยนบรรยากาศ…สองคนนี้เป็นอันใดไป เหตุใดจึงทำให้บรรยากาศเคร่งเครียด ? พวกเขามีความแค้นกันตั้งแต่เมื่อใด ?
“ใช่ ใช่ ! ชิมฝีมือของหลินกู่เหนียงเถิด ! ” ลู่เหวินจวินรีบยกชาขึ้นจิบเบาๆ พอชาไหลเข้าปากแล้ว ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายทันที “ชาดี ! ”
หลินเว่ยเว่ยยิ้มและกล่าวว่า “ใบชาเป็นชาธรรมดา แต่สิ่งสำคัญคือคนชง…แล้วก็มีน้ำที่ดีในการชง ! น้ำจากภูเขาต้าชิงของพวกเราแม้แต่ในปีแห่งภัยแล้งเช่นนี้ก็ไม่แห้งเหือด น่าอัศจรรย์มากใช่หรือไม่ ? ประเดี๋ยวท่านกลับเมืองหลวงแล้วก็เอากลับไปสักสองสามถังสิ เอาไว้ชงชาหรือต้มโจ๊กระหว่างทางก็จะได้อีกรสชาติหนึ่ง ! ”
นางหวงที่ยกผลไม้อบแห้งและเนื้อแผ่นเข้ามาก็ได้ยินเช่นนั้นแล้วดุบุตรีทันที “เด็กคนนี้ เขาให้ของขวัญมาตั้งเยอะเพียงนั้น เจ้ากล้ามอบน้ำภูเขาเป็นสิ่งตอบแทนเองหรือ ? ”
“ใช่ที่ไหนล่ะเจ้าคะ ? ข้าคิดก่อน…อ้อ ในห้องใต้ดินยังมีกวางอีกครึ่งตัว ประเดี๋ยวตัดขากวางให้ท่านกลับไปแล้วก็ยังมีหมูป่าให้อีก 2 ชั่ง…น้องสี่ กระต่ายที่เจ้าเลี้ยงก็นำออกมาอีกคู่หนึ่ง เป็นเช่นไรบ้าง ? ” หลินเว่ยเว่ยเห็นเด็กสองคนถือตะกร้าใส่หญ้ากระต่ายกลับมาจึงตะโกนเรียก
เจ้าหนูน้อยรีบทุบอกรับคำอย่างใจกว้าง “แน่นอน ! พี่รองจะให้เท่าไหร่ ข้าจะไปจับให้เอง ! ”
ลู่เหวินจวินได้ยินเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้วเข้าไปรับตะกร้าหญ้ามาจากมือเจ้าหนูน้อย จากนั้นจับมืออีกฝ่ายไว้ “ไป ไปดูกระต่ายที่เจ้าเลี้ยงกันเถิด ได้ยินว่ากระต่ายของเจ้ามีหลายครอกเลยนี่ ! ”
ลู่เหวินจวินไม่อยากอยู่กับผู้ชายสองคนนี้แล้ว โชคดีที่คู่หมั้นของนางยังไม่รู้ว่าตนเคยบอกจะตอบแทนด้วยร่างกายแก่หลินเว่ยเว่ยมาก่อน ไม่อย่างนั้น…คนที่โดนปฏิบัติอย่างเย็นชาก็คงเปลี่ยนเป็นเขาแทน รีบออกไปดีกว่า…ถ้ารักชีวิตก็หนีให้ไกลจากชายขี้หึง !
ลู่เหวินจวินเข้าใจผิดว่าอย่างมากเจ้าตัวน้อยก็เลี้ยงแค่กระต่าย 8-10 ตัวไว้ดูเล่น คาดไม่ถึงว่าลานหลังบ้านกว่าครึ่งจะกลายเป็นคอกกระต่ายไปแล้ว บ้านกระต่าย 3 ชั้นถูกสร้างด้วยอิฐ มีลานบ้านสุดหรูหราปูด้วยอิฐอีกชนิดหนึ่ง….ในปีแห่งภัยพิบัติเช่นนี้ กระต่ายยังมีชีวิตดีกว่ามนุษย์ ชาวบ้านส่วนใหญ่ในฉือหลี่โกวยังอาศัยอยู่ในบ้านมุงหญ้าคาด้วยซ้ำ !
คอกกระต่ายสะอาดมาก มีเจ้าหนูที่อายุไล่เลี่ยกับเจ้าหนูน้อยกำลังล้างพื้นอยู่ ! น้ำไหลออกไปตามรางน้ำของกำแพง พื้นเปล่งประกายจนแทบสะท้อนเงาร่างมนุษย์ได้
ต่อจากนั้นเจ้าถั่วงอกน้อยก็วางหญ้าแห้งและหญ้าสดบนพื้นแล้วปล่อยกระต่ายจากอีกรั้วหนึ่งออกมา สวรรค์ ! กระต่ายตัวอ้วนกลมมีทั้งสีดำ สีเทาแล้วก็ขาว กระโดดออกมาตัวแล้วตัวเล่า พอมาถึงกองหญ้าแล้วพวกมันก็เริ่มเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย !
เจ้าหนูน้อยดึงตัวลู่เหวินจวินเข้ามาในคอกกระต่าย จากนั้นก็พูดอย่างมีลับลมคมใน “พี่ชาย ข้าจะพาท่านไปดูลูกกระต่ายที่เพิ่งเกิดใหม่ น่ารักมากเลย ! ”
เจ้าหนูน้อยมายังพื้นที่หนึ่งของบ้านกระต่าย แม่กระต่ายที่เพิ่งคลอดลูกได้ไม่ถึงสองวันกำลังซ่อนลูกน้อยตัวแดงเถือกไว้ในนั้น ลู่เหวินจวินตาโตทันที “สวรรค์ ! นี่คือลูกกระต่ายหรือ ? เหตุใดจึงไม่มีขน ? ”
“ตอนที่ลูกกระต่ายเพิ่งคลอด พวกมันจะไม่มีขน ! ” ท่าทางของเจ้าหนูน้อยทำให้ลู่เหวินจวินรู้สึกว่าตนมีความรู้เพียงน้อยนิด “ลูกกระต่ายฝั่งนี้มีอายุจะหนึ่งเดือนแล้ว พวกมันจึงมีขน กระต่ายขาวครอกนี้มีขนสีขาวดุจหิมะ ดูดีมากเลย ! ”
เจ้าหนูน้อยอุ้มลูกกระต่ายออกมาจากอีกครอก ขนนุ่มฟู ตัวอ้วนกลมถือว่าน่ารักเป็นพิเศษ เจ้ากระต่ายน้อยเชื่องมาก แม้จะถูกอุ้มออกมาจากครอกก็ไม่ตื่นตกใจแม้แต่น้อย มันหมอบอยู่บนมือเจ้าหนูน้อยอย่างเชื่อฟัง
เสี่ยวร่างหยิบหญ้าสดขึ้นมาจากพื้นหนึ่งเส้น จากนั้นก็นำไปวางข้างปากของมัน ก้อนขนน้อยน่ารักตั้งใจกินหญ้าสดอย่างเอร็ดอร่อย ท่าทางของมันดูน่าทนุถนอมยิ่งนัก
ลู่เหวินจวินนึกถึงหลานชายและหลานสาวสองคนที่บ้านทันที เขายิ้มและพูดกับเจ้าหนูน้อยว่า “กระต่ายตัวใหญ่เจ้าเลี้ยงมาด้วยความยากลำบาก ข้าไม่อาจรับไว้ได้ เจ้ามอบกระต่ายน้อยให้ข้าสักคู่ได้หรือไม่ ? หลานสาวของข้ามีอายุไล่เลี่ยกับเจ้า นางจะต้องชอบมากแน่นอน ! ”
เจ้าหนูน้อยลังเลครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดก็พยักหน้า “ตกลง ! ถ้าเช่นนั้น…ท่านต้องให้หลานสาวดูแลมันอย่างดี ! ”
ตรงลานหน้าบ้าน หนิงตงเซิ่งและหลินเว่ยเว่ยกำลังสนทนาหัวข้อใหม่ “ได้ยินว่าพอตระกูลอู๋โดนคุณชายรองฉิงปฏิเสธก็ไปทำการค้ากับพ่อค้าผ้าชาวเจียงหนานคนหนึ่งโดยทำการสั่งจองผ้าไปหลายหมื่นตำลึง แต่ใครจะรู้ว่าพ่อค้าคนนั้นจะเป็นนักต้มตุ๋นที่รับเงินแล้วก็หนีหายทันที ! ตอนนี้ร้านขายผ้าตระกูลอู๋ไม่มีสินค้าให้ขาย เงินก็ไม่เหลือ ตระกูลอู๋จึงตกอยู่ในเมฆหมอกอันน่าเวทนา ! ”
“เช่นนั้นหรือ ? ฟังแล้วรู้สึกสะใจเหลือเกิน ! ” หลินเว่ยเว่ยมองเจียงโม่หานปราดหนึ่ง นางเห็นเพียงเขาทำสีหน้าไร้ความรู้สึก…เสแสร้ง ยังกล้าเสแสร้ง ! ในเมื่อเกี่ยวข้องกับเจ้าอยู่แล้ว !
หนิงตงเซิ่งอดไม่ได้ที่จะถามว่า “หลินกู่เหนียง เขาทำอันใดให้ท่านขุ่นเคืองหรือ ? ”
“เขา…” หลินเว่ยเว่ยมองรอยแผลจาง ๆ บนหน้าผากของบัณฑิตหนุ่มแล้วนึกถึงสภาพแทบสิ้นลมและเลือดไหลอาบหน้าในวันนั้นของเขา นางก็โมโหขึ้นมาทันที “เขาเคยลวนลามข้า…”
‘กร๊อบ ! ’ พัดในมือของบัณฑิตหนุ่นโดนหักเป็นสองท่อนอย่างน่าตกใจ