บทที่ 268 คำแนะนำจากถังหลี่

สองพี่น้องคุยกันจนดึกดื่นก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปนอนหลังจากที่เฉาจีเตือนมันก็เลยเวลาที่จะกลับไปนอนที่สำนักศึกษาหลวงแล้ว จั๋วชูจึงต้องค้างที่บ้านสกุลเว่ย

บ้านใหม่ที่ถังหลี่ซื้อไว้นั้นหลังใหญ่มาก มีห้องมากกว่าสิบห้องทำให้ไม่เป็นปัญหาที่จั๋วชูจะนอนค้างในคืนนี้

เถ้าแก่เนี้ยฮวานอนอยู่ในอ้อมแขนของเฉาจีโดยไม่มีท่าทีง่วงงุน

นางรู้สึกตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ

“นอนไม่หลับหรือ?” เฉาจีถาม

เถ้าแก่เนี้ยฮวาพยักหน้ารับ

“ถ้าเช่นนั้นเรามาทำอะไรที่สนุกกันเถอะ” เฉาจีขยับเข้าไปใกล้ใบหูของนางแกล้งงับเบา ๆ ดวงตาของเขาเป็นประกายวาว

หญิงสาวมีความสุข นางต้องหาวิธีระบายความตื่นเต้นในใจของนางตอนนี้เช่นกัน ฮวาเฟิ่งเซี่ยตอบตกลงอย่างว่าง่าย ทั้งสองคนนอนกอดก่ายกันเกือบทั้งคืน หญิงสาวเหนื่อยมากเกินกว่าจะขยับตัวได้ นางจึงผล็อยหลับไปในที่สุด

เช้าวันถัดมา

เมื่อเถ้าแก่เนี่ยฮวาพยุงตัวเองลุกจากที่นอนก็เห็น จั๋วชูเก็บห้องและอาบน้ำมานั่งอ่านตำราอยู่ที่สนามบ้านแล้ว

“เสี่ยวชู เหตุใดเจ้าถึงได้ตื่นเช้าจริง?” เถ้าแก่เนี้ยฮวาถาม

“ข้าเคยชินเสียแล้วท่านพี่” จั๋วชูยิ้มแย้ม

เถ้าแก่เนี้ยฮวายิ้มให้น้องชายเช่นกัน หากแท้จริงแล้วนางรู้ดีว่าชีวิตที่ผ่านมาของจั๋วชูเต็มไปด้วยความยากลำบากไม่น้อย มือของเขาหยาบกร้านเพราะการทำงานหนัก ไม่รู้เลยว่าเขาต้องทนทุกข์มากสักเพียงใด?

น้องชายของนาง…ตั้งแต่นี้ต่อไปชีวิตย่อมดีขึ้นอย่างแน่นอน นางจะไม่ปล่อยให้เขาต้องลำบากทุกข์ทรมานอีกต่อไป คิดได้แล้วนางจึงเดินไปหาถังหลี่

ตอนนี้ถังหลี่กำลังวางแผนจะเปิดร้านอาหาร เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู นางจึงเดินไปเปิด เถ้าแก่เนี้ยฮวาโถมตัวเข้ากอดนางทันที

“พี่ฮวา?”

“ถังถัง ข้าขอบคุณเจ้ามาก” นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

ถังหลี่เข้าใจในสิ่งที่นางพูดออกมาทันที นี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เป็นสิ่งที่สหายสมควรกระทำให้แก่กัน สำหรับคนที่คู่ควรแก่การคบหาเป็นมิตร นางย่อมพยายามทำอย่างเต็มที่เพื่อช่วยพวกเขา

นางชอบเถ้าแก่เนี้ยฮวามาก เมื่อเห็นนางมีความสุขยิ้มแย้มแจ่มใสเช่นนี้ ถังหลี่ย่อมดีใจไปกับนางด้วย หญิงสาวลูบผมนางอย่างอ่อนโยน

เมื่ออารมณ์คงที่ ฮวาเฟิ่งเซี่ยจึงได้ถามถังหลี่ว่า

“ถังถัง เสี่ยวชูลำบากมากหรือ?”

“เด็กคนนี้ฉลาดเฉลียวมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาไม่มีทางเล่าเรื่องไม่ดีให้ข้าฟังเป็นแน่”

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับจั๋วชู ถังหลี่ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนโชคร้ายจริง ๆ เขามีพรสวรรค์แต่กลับถูกคนชั่วทำร้ายกลั่นแกล้งจากคนแซ่ฉีและคนแซ่ฉินจนล้มเหลวในการสอบไปถึงสามปี

โชคดีที่คนเหล่านี้ได้รับผลกรรมของตัวเองไปแล้ว ทำให้ภายหน้าจั๋วชูจะไม่ลำบากเหมือนเช่นเดิมอีก

“พ่อแม่บุญธรรมของจั๋วชูสุขภาพไม่ค่อยดีนัก เด็กคนนี้ทำงานหนักมาก เป็นคนแข็งแรง ยืนหยัดและไม่ยอมใครง่าย ๆ ข้าเองก็เพิ่งรู้จักเขาได้ไม่นานนัก”

ถังหลี่กล่าว สิ่งที่ดีเกี่ยวกับจั๋วชู จนฮวาเฟิ่งเซี่ยรู้สึกดีขึ้น

“ถังถัง ยิ่งเจ้าพูดแบบนั้นข้ายิ่งรู้สึกว่าเขาลำบากมากจริง ๆ” เถ้าแก่เนี้ยฮวาพึมพำ

นางรู้ดีว่าถังหลี่กำลังปลอบใจนาง

“มันเป็นเรื่องในอดีต ต่อไปภายหน้าเมื่อจั๋วชูสอบเข้ารับราชการเป็นขุนนางได้วันใด ก็จะมีความสุขราวกับได้รับพรเลยทีเดียว พี่สาวของเราช่างโชคดีที่มีน้องชายมากพรสวรรค์เช่นเขา” ถังหลี่ยิ้มเช็ดน้ำตาให้นาง เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจก็มลายหายไป

“ใช่แล้ว เจ้าพูดถูกถังถัง การที่ข้าและเสี่ยวชูได้กลับมาเจอกันเป็นเรื่องดี ต่อไปต้องมีวันดี ๆ รอพวกเราสองพี่น้องอยู่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามก่อนอื่นข้าต้องไปขอบคุณพ่อแม่บุญธรรมของเขา ที่เลี้ยงดูน้องชายข้าก่อน”

ถังหลี่พยักหน้า

“หากท่านต้องการจะไป ให้จางเฉียนขับรถม้าให้ เขาเคยไปที่นั่นมาก่อนเขารู้ทางดี”

ฮวาเฟิ่งเซี่ยพยักหน้ารับ ถังหลี่มีสีหน้าลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดบางอย่าง

“พี่ฮวาคือว่า..”

“อะไรหรือ?” ถังหลี่ทำท่าจะเอ่ยปาก แต่สุดท้ายนางกลับพูดออกมาแค่ประโยคเดียว

“บิดาของจั๋วชู ดีกับเขามาก”

เป็นเรื่องบังเอิญที่ตอนนี้อยู่ในช่วงวันหยุด ดังนั้นฮวาเฟิ่งเซี่ยจึงวางแผนที่จะกลับไปที่บ้านของจั๋วชูในวันนี้ นางบอกเรื่องนี้แก่น้องชาย เขาเห็นด้วยกับนาง

“ข้าก็คิดถึงท่านพ่อท่านแม่เหมือนกัน”

ด้านหนึ่งคือพี่สาวแท้ ๆ ส่วนอีกด้านก็คือพ่อแม่บุญธรรม ล้วนเป็นบุคคลที่มีความสำคัญต่อเขามาก จั๋วชูหวังให้ทั้งสองฝ่ายมีความสุข รู้สึกถึงความเป็นครอบครัวเดียวกัน

เถ้าแก่เนี้ยฮวาและเฉาจีทานข้าวเช้าด้วยกัน ก่อนจะออกเดินทางไปที่บ้านพ่อแม่บุญธรรมของเขาที่หมู่บ้าน เมื่อถึงที่หมายทั้งสามลงจากรถม้าโดยมีจั๋วชูเดินนำหน้าและอีกสองคนเดินตามข้างหลัง

“เสี่ยวชูเดินช้า ๆ หน่อยสิ ระวังล้ม”

“ท่านพี่ไม่ต้องห่วงข้า”

จั๋วชูรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ

ก่อนหน้านี้เขาเคยอิจฉาเว่ยจื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยที่มีฮูหยินเว่ยคอยปกป้อง แม้ฮูหยินเว่ยจะใจดีกับเขามากแต่ทว่าย่อมแตกต่างกันออกไป

บิดาบุญธรรมของเขาเป็นคนเก่ง แต่สุขภาพของเขานั้นไม่ค่อยดี ต่อหน้าท่านพ่อเขาต้องทำตัวให้เข้มแข็งเข้าไว้ แต่เมื่ออยู่กับพี่สาวจั๋วชูสามารถออดอ้อนราวกับเด็กเล็ก ๆ ได้

ทั้งสามคนเดินไปยังบ้านที่ทรุดโทรมหลังหนึ่ง

“ท่านพี่ นี่คือบ้านข้า”

เถ้าแก่เนี้ยฮวามองไปยังบ้านทรุดโทรมด้วยความเศร้าใจ ช่วงเวลาเจ็ดแปดปีที่ผ่านมาน้องชายของนางต้องลำบากยากเข็ญเพียงใด

“ท่านพ่อท่านแม่ข้ากลับมาแล้ว!” จั๋วชูตะโกน

ไม่นานบิดาบุญธรรมของจั๋วชูก็เดินขากะเผลกออกมาจากบ้าน ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข

“เสี่ยวชู เหตุใดเจ้าถึงกลับมาล่ะ?”

เมื่อพ่อของเขาเหลือบไปเห็นเถ้าแก่เนี้ยฮวาและเฉาจีอยู่ข้าง ๆ บุตรชายก็ผงะไปเล็กน้อย

“เสี่ยวชู ทั้งสองคนนี้คือใครหรือ?”

“ท่านพ่อ เข้าไปคุยข้างในเถอะ” จั๋วชูกล่าว ก่อนจะหันไปมองทั้งสองคนด้านหลัง

“ท่านพี่ พี่เขยนั่งลงก่อน”

เถ้าแก่เนี้ยฮวาและเฉาจีเดินเข้าไปด้านใน เมื่อบิดาของจั๋วชูเห็นว่ามีแขกมาเขาจึงหยิบชามดื่มน้ำสองใบเทน้ำใส่และมอบให้แก่พวกเขา ทั้งสองคนรับมันไปทันที

“ขอบคุณ”

ฮวาเฟิ่งเซี่ยมองไปรอบ ๆ อย่างไม่สบายใจ บ้านหลังนี้ลมพัดโกรกแม้แต่ที่บังลมบังฝนยังไม่ดีเลย

“ท่านพ่อ ท่านแม่อยู่ไหนหรือ?” จั๋วชูถาม

“แม่ของเจ้ากำลังนอนอยู่ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” บิดาของจั๋วชูตอบ

“พวกท่านทั้งสองอยู่ทานข้าวกับเราคืนนี้เถอะ”

ลูกชายของเขาพาสองคนนี้มาถึงบ้าน ไม่ว่าครอบครัวจะยากจนมากเพียงใดก็ควรปฏิบัติต้อนรับพวกเขาอย่างดี โชคดีที่ในถังข้าวมีข้าวอยู่บ้าง เขาจะไปที่นาเพื่อเก็บผัก และไข่ไก่สองใบที่เตรียมไว้ให้ลูกชายก็ใช้ได้

บิดาของจั๋วชูวางแผนเงียบ ๆ ในใจ

“ท่านพ่อ ท่านนั่งลงก่อนเถอะ ข้ามีเรื่องจะบอกท่าน” จั๋วชูกล่าว

บิดาของจั๋วชูนั่งลง ท่าทางเขาเงอะงะเมื่อเห็นเถ้าแก่เนี้ยฮวาและเฉาจี

“ท่านพ่อ ท่านจำได้หรือไม่ว่าข้าเคยบอกว่ามีพี่สาวอยู่หนึ่งคน? คนผู้นี้คือพี่สาวและพี่เขยของข้าเอง!” จั๋วชูกล่าว บิดาของเขาชะงักพูดไม่ออก

พี่สาว? พี่เขย?

หลังจากที่บิดาของจั๋วชูได้ยิน เขารู้สึกหม่นหมอง ท่าทีดูไม่กระตือรือร้นเหมือนเดิม ทว่าเขายังพูดคุยกับทั้งสองอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะขอตัวไปธุระข้างนอก ทิ้งให้คนทั้งสามคนอยู่ในบ้าน

จั๋วชูรู้สึกไม่ค่อยดี

“ท่านพ่อเขา..”

เถ้าแก่เนี้ยฮวาเข้าใจ รู้สึกเห็นอกเห็นใจบิดาของจั๋วชูไม่น้อย หากเด็กที่ตนเองเลี้ยงดูมาถึงเจ็ดแปดปี วันหนึ่งบิดามารดาผู้ให้กำเนิดมาหาถึงประตูบ้าน คงมีความรู้สึกว่าโดนพรากลูกออกไปจากอก

สิ่งที่ถังถังต้องการจะเตือนน่าจะเป็นเรื่องนี้ ถังหลี่ย่อมเข้าใจถึงหัวอกของบิดาจั๋วชูยามที่ฟางเจี๋ยและนางถังไปหาถึงประตูบ้านสกุลเว่ยในครั้งก่อน