บทที่ 267 น้องชายที่หายไป

ในยามที่ฮวาเฟิ่งเซี่ยพลัดพรากจากน้องชายของนาง เด็กคนนั้นอายุเพียงหกขวบเท่านั้น แม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว แต่ ฮวาเฟิ่งเซี่ยก็ยังคงจำใบหน้าน้องชายของตัวเองได้ นางจินตนาการใบหน้าของเขาไว้หลายครั้งจนนับไม่ถ้วน แม้จะอยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมาย นางก็ยังคงจดจำเขาได้ ครั้งก่อนที่นางเห็นย่อมเป็นน้องชายของนางอย่างแน่นอน

เถ้าแก่เนี้ยฮวาตื่นเต้นมาก นางอยากจะกรีดร้องวิ่งเข้าไปหาเขา แต่ทว่าเท้าของนางราวกับถูกตรึงไว้ที่พื้น นางเอาแต่จ้องไปข้างหน้า จู่ ๆ น้ำตาของนางก็ไหลออกมาอย่างไม่ตั้งใจ

จั๋วชูรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมอง เขาหันหน้ากลับไปเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยในความทรงจำ

จั๋วชูแทบจะไม่เชื่อสายตาตนเอง เขาตกใจก่อนจะรู้สึกยินดี

จั๋วชูเม้มปากแน่นเรียกเสียงเบา

“ท่านพี่…ท่านพี่..”

นี่เขาไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?

“จั๋วชู…” สวี่เจวี๋ยรู้สึกถึงทีท่าที่ผิดปกติของจั๋วชู เขาผลักสหายเบา ๆ ส่วนเฉาจีก็เห็นว่าภรรยาดูผิดแผกไปเช่นกัน

เขาบีบแก้มนางเบา ๆ

ทั้งจั๋วชูและเถ้าแก่เนี้ยฮวาได้สติ ทั้งสองคนต่างวิ่งเข้าหากันและกอดกันแน่น ทุกอย่างดูเงียบสงัดยกเว้นเสียงสะอื้นเบา ๆ ของสองพี่น้องที่จากนั้นก็ค่อย ๆ ดังขึ้น เมื่อเห็นฉากนี้ ตอนแรกถังหลี่ตกใจมาก แต่แล้ว ก็ฉุกคิดได้อย่างรวดเร็ว หรือว่า…

“ท่านพี่!”

เสียงตะโกนของจั๋วชูทำให้การคาดเดาของถังหลี่ได้รับการยืนยัน จั๋วชูเป็นน้องชายของพี่ฮวา! น้องชายที่นางกำลังตามหาอยู่!

นี่เป็นเรื่องบังเอิญเกินไปหรือไม่?

ในแผ่นดินผืนฟ้าที่กว้างใหญ่นี้เหตุใดจึงมีเรื่องบังเอิญเช่นนี้เกิดขึ้นได้!

แต่เมื่อพิจารณาดี ๆ แล้ว ทั้งคิ้วและดวงตาของจั่วชูช่างเหมือนกับเถ้าแก่เนี้ยฮวา เพียงแต่ถังหลี่ไม่เคยฉุกใจคิดมาก่อน

ในที่สุดฮวาเฟิ่งเซี่ยก็ได้พบกับน้องชายแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ!

ถังหลี่พลอยมีความสุขไปกับนางด้วย

เถ้าแก่เนี้ยฮวามีความสุขมาก นางรู้สึกว่าทุกอย่างราวกับฝันไป น้องชายของนางไม่เพียงมีชีวิตที่ดี แต่ตอนนี้เขายังสอบได้อันดับสามในการสอบเซี่ยนชื่ออีกด้วย นับว่ายอดเยี่ยมมาก!

ทำให้นางภาคภูมิใจ!

ทั้งสองคนจับมือพูดคุยกันอย่างไม่รู้จบ

“ท่านพี่ ตอนนั้นข้าตามหาท่านไปอย่างไร้จุดหมาย…” จั๋วชูเล่าถึงเหตุการณ์หลังจากที่พวกเขาพลัดหลงกัน

“ข้าได้แต่เดินไปเรื่อย ๆ จนสุดท้ายก็มาถึงเมืองชิงเหอ”

“ท่านพี่อย่าร้องไห้เลย บิดามารดาบุญธรรมของข้ารับเลี้ยงข้าไว้เปลี่ยนให้ข้าใช้แซ่จั๋ว พวกเขาดีกับข้ามาก” เถ้าแก่เนี้ยฮวาเช็ดน้ำตา

“พี่ไม่ได้ร้องไห้เพราะความเศร้าเสียใจหากเป็นเพราะว่าพี่มีความสุขมากต่างหาก”

“แล้วท่านพี่เล่าเป็นอย่างไรบ้าง” จั๋วชูถาม

“ช่วงหลายปีที่ผ่านมา พี่เดินทางไปที่เมืองฉินโจว เปิดโรงเตี๊ยมเล็ก ๆ ขึ้นมาแห่งหนึ่ง ตอนนี้กิจการไปได้ด้วยดี เจ้ายังได้พี่เขยมาเพิ่มอีกคนด้วย ว่าแล้วนางก็ผลักเฉาจีออกไป

เมื่อเห็นว่าจั๋วชูเป็นน้องชายของภรรยา เฉาจีรู้สึกประหม่าเป็นเพราะน้องชายคนนี้เป็นเด็กที่ภรรยาเขารักใคร่เป็นอันมาก เขาต้องสร้างความประทับใจให้จั๋วชู หากจั๋วชูไม่พอใจเขาละก็ ชีวิตคู่ของเขากับภรรยาคงเป็นไปอย่างยากลำบาก

“น้องชาย” เฉาจีเรียกพยายามฝืนยิ้ม จั๋วชูมองเขาเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงที่สุภาพ

“พี่เขย” จั๋วชูคิดว่าหากชายหนุ่มผู้นี้ดีกับพี่สาวและทำให้นางมีความสุขเขาก็ยินดีด้วย

เฉาจีขานรับด้วยน้ำเสียงทุ้ม

“เอาล่ะ ๆ มากินข้าวกันก่อนรำลึกถึงความหลังเถอะ หิวข้าวกันหรือยัง?”

ถังหลี่ถาม เถ้าแก่เนี้ยฮวาพยักหน้า

“ใช่แล้ว กินข้าวก่อนค่อยพูดคุยกัน”

นางเป็นพี่สาวจะปล่อยให้น้องหิวได้อย่างไร อีกอย่างเด็ก ๆ เองก็กำลังโต

ทุกคนต่างอวยพรให้ต้าเป่าอย่างกระตือรือร้น พร้อมกับมอบของขวัญที่เตรียมมาเป็นอย่างดี ของที่ถังหลี่มอบให้บุตรชายเป็นเพียงกระดาษแผ่นเดียว แต่ได้มาด้วยความยากลำบาก ต้าเป่ารับมันไปด้วยดวงตาเป็นประกาย ของขวัญชิ้นนี้เป็นความตั้งใจของนางและต้าเป่าก็รับไว้ด้วยความยินดี เด็กชายซาบซึ้งในหัวใจ ท่านแม่ของเขาช่างดียิ่งนัก

“ขอบคุณขอรับท่านแม่”

“ต้าเป่า นี่เป็นของขวัญจากข้า หวังว่าเจ้าจะชอบ” สวี่เจวี๋ยส่งของให้ต้าเป่า

“ขอบใจนะ”

“จื่ออั๋ง หวังว่าเจ้าจะชอบนะ”

จั๋วชูส่งของขวัญตัวเองให้

“ขอบคุณพี่จั๋ว” ของขวัญของพี่จั๋วดูราคาแพงมาก เมื่อคิดถึงฐานะการเงินของจั๋วชู…

เขาต้องปฏิบัติกับจั๋วชูให้ดีกว่านี้!

ในไม่ช้าด้านหน้าของต้าเป่าก็มีกองของขวัญมากมาย ต้าเป่ายิ้มจนตาหยี สิ่งที่ทำให้เขาดีใจนั้นไม่ใช่บรรดาของขวัญมากมายเหล่านี้ แต่เป็นความปรารถนาดีและตั้งใจดีของทุกคนต่างหาก

“ต้าเป่า ขอพรเร็วลูก” ถังหลี่กล่าว

“ขอพรหรือ?”

“ใช่แล้วคำอธิษฐานในวันเกิดล้วนเป็นจริงได้นะ”

“แต่ที่นี่ไม่มีเทียน ไปขอพรกับพระจันทร์ดีไหม?” ถังหลี่ชักชวนบุตรชาย

ต้าเป่าเชื่อคำพูดของมารดา เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้า ท่ามกลางผืนฟ้าที่มืดมิดมีดวงจันทร์ลอยเด่นเต็มดวงอยู่บนนั้น เขาขอพรโดยการหันไปทางพระจันทร์ ประสานมือไว้ด้วยกัน ดวงตาของเด็กหนุ่มส่องประกายจริงจัง ต้าเป่าภาวนาในใจของเขาเงียบ ๆ

วันนี้เป็นวันที่ต้าเป่ายากที่จะลืมเลือน

เขารู้สึกได้ว่า ตัวเองนั้นเติบโตและได้รับความรักและคำอวยพรอย่างท่วมท้น หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดจบลง ต้าเป่ากอดมารดาของเขาและหอมแก้มนางอย่างอาย ๆ เป็นการขอบคุณ

นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เขาทำตัวราวกับเป็นเด็กเล็ก ๆ ต่อจากนี้เขาจะโตเป็นผู้ใหญ่

….

เถ้าแก่เนี้ยฮวาและจั๋วชูยังคุยกันไม่เลิกถึงชีวิตที่ผ่านมาของทั้งสอง

“ท่านพี่ ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะเป็นความฝัน” จั๋วชูกล่าว

เถ้าแก่เนี่ยฮวาอยากยื่นมือไปบีบแก้มน้องชายแต่ก็ไม่อยากทำให้อีกฝ่ายเจ็บ นางจึงเอ่ยปากเรียกสามี

“เฉาจี”

ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบเดินไปหานางทันที เถ้าแก่เนี้ยฮวาเอื้อมมือไปบิดที่แขนของเฉาจีอย่างแรงจนใบหน้าเขาบิดเบี้ยว

“ดูสิ พี่เขยเจ้าเจ็บขนาดนี้ คงไม่ใช่ความฝันหรอกจริงไหม?”

“ใช่ เจ็บจริง ๆ เจ้าไม่ได้ฝันไปหรอก” เฉาจีพยักหน้า จั๋วชูรู้สึกขบขันพี่สาวและพี่เขยตัวเองมาก ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ดีมาก ทำให้เขารู้สึกโล่งใจ

“น้องชาย เจ้ารู้จักถังถังได้อย่างไรหรือ?” เถ้าแก่เนี้ยฮวาถามด้วยความสงสัย

“จื่ออั๋งและสวี่เจวี๋ยเป็นสหายร่วมชั้นของข้า” จั๋วชูเล่าเรื่องราวของตัวเองให้พี่สาวฟัง ว่าเขานั้นรู้จักกับฮูหยินเว่ยได้อย่างไรและอีกฝ่ายได้ช่วยเหลืออะไรเขาไว้บ้าง

“ถังถัง..” ฮวาเฟิ่งเซี่ยตาแดงก่ำ

ถังถังได้ช่วยเหลือน้องชายของนางไว้มากมายจริง ๆ หญิงสาวเป็นผู้มีพระคุณของครอบครัวนางอย่างแท้จริง ในตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะถังถัง ชีวิตของนางคงจะจบสิ้นแล้ว นับประสาอะไรกับการได้อยู่กับเฉาจีอย่างมีความสุขเช่นนี้ ตอนนี้ฮวาเฟิ่งเซี่ยอายุยี่สิบห้าปีแล้ว และในยี่สิบสี่ปีแรกของนางก็ลำบากมาตลอด

ในตอนยังเล็กนั้นแม้นางและน้องจะมีบิดา แต่ก็ใช่ว่าจะพึ่งพาได้ ฮวาเฟิ่งเซี่ยกับน้องชายอาศัยอยู่ในสวนหลังบ้านภายใต้การกดขี่ของแม่เลี้ยงเพื่อเอาชีวิตรอด ต่อมาเมืองที่นางอาศัยอยู่นั้นถูกทำลายลง พ่อของนางหนีไปพร้อมกับแม่เลี้ยงและลูก ๆ ของพวกเขา โดยทิ้งฮวาเฟิ่งเซี่ยและน้องชายไว้ข้างหลัง

สองพี่น้องไม่มีทางเลือก พวกเขาทำได้เพียงพึ่งพาอาศัยกันและกัน ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด

เถ้าแก่เนี้ยฮวาชิงชังสวรรค์ เหตุใดถึงให้พวกเราทั้งสองคนมีชะตากรรมเช่นนี้ แต่เมื่อนางได้เจอกับถังหลี่ ความโชคดีของหญิงสาวก็คืนกลับมาอีกครั้ง ประการแรกนางได้พบกับเฉาจี อีกเรื่องหนึ่งคือได้พบกับน้องชายที่พลัดพรากไป บุญคุณของถังหลี่ที่มีต่อพวกเขานั้นยิ่งใหญ่มากเกินกว่าจะกล่าวออกมาได้