ตอนที่ 315 ฐานะ

“ไม่ยอมแล้วอย่างไร คำสั่งทหารดุจภูผา ผู้ใดบังอาจทำให้โอกาสในการสงครามพลาดไปต้องถูกประหารอย่างไม่มีข้อยกเว้น!”

ท่าทีขององค์รัชทายาทเซียวเฉิงอี้แน่วแน่อย่างมาก

เขากำลังจะมุ่งตรงไปด้านหน้าด้วยความกล้าหาญ

องค์ชายสองเซียวเฉิงเหวินกลับส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “หากถึงเวลานั้นจริง หวังว่าเจ้าจะมีความกล้าที่จะประหารแม่ทัพผู้มีชาติกำเนิดจากตระกูลขุนนาง หากแต่ไม่ใช่ปล่อยไปเพราะแรงกดดัน หากทำไม่ได้ก็จงอย่าให้ความหวังที่ไร้ความหมายแก่คนด้านล่าง

หากเจ้าทำไม่ได้ก็จงอย่าเพิ่มความเสี่ยงให้แก่คนที่จงรักภักดีต่อเจ้า ใจมนุษย์ไม่อาจทนต่อบททดสอบ! ข้าพูดเพียงเท่านี้ ขอตัว! พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังตรงเวลา!”

ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็ลุกขึ้นจากไป

“พี่สองไม่พอใจที่ข้าเป็นองค์รัชทายาทใช่หรือไม่”

เซียวเฉิงอี้ถามออกมา

เซียวเฉิงเหวินไม่ได้หันหน้ากลับมา “ไม่ได้ไม่พอใจ! ข้าเคยพยายามทำเรื่องมากมายล้วนเพื่อวันนี้ เพื่อให้น้องชายของข้าได้ขึ้นครองราชย์อย่างราบรื่น หวังว่าเจ้าจะไม่ทรยศต่อความคาดหวังของทุกคน”

“พี่สองมีความคาดหวังใดต่อข้า”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะเสียงเบา “รอเจ้าขับไล่ราชวงศ์อูเหิง พวกเราค่อยมาถกเถียงปัญหานี้”

คราวนี้เขาเดินออกจากวังหลวงโดยไม่หยุดอีกต่อไป

เซียวเฉิงอี้นั่งอยู่บนขั้นบันได

ขันทีคนสนิทหลัวเสี่ยวเหนียนมาถึงข้างตัวเขา ถามอย่างระมัดระวัง “พระองค์จะทรงกลับจวนองค์ชายหรือไม่ พระองค์ไม่ทรงกลับจวนมาหลายวันแล้ว ฮูหยินเป็นกังวลอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเฉิงอี้ดึงสติกลับมา ตอบไม่ตรงคำถาม “วันนี้เจ้าได้สังเกตปฏิกิริยาขององค์หญิงเฉิงหยางหรือไม่”

หลัวเสี่ยวเหนียนรีบตอบทันที “องค์หญิงเฉิงหยางไม่ได้เอ่ยปากแม้แต่ประโยคเดียว ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว”

เซียงเฉิงอี้ขมวดคิ้ว “นางหมายความว่าอย่างไร”

“องค์หญิงเฉิงหยางไม่ได้อาละวาด พระองค์ไม่ทรงดีพระทัยหรือพ่ะย่ะค่ะ”

“ข้าควรดีใจหรือ”

ขันทีหลัวเสี่ยวเหนียนไม่กล้าพูดเพราะกลัวจะพูดผิด หาเรื่องใส่ตัว

เซียวเฉิงอี้ลุกขึ้นยืน พลันพูด “ข้าเหนื่อยแล้ว ต้องการพักผ่อน วันนี้ไม่ออกจากวัง เจ้าให้คนไปบอกกล่าวฮูหยิน ให้นางไม่ต้องกังวลข้า ให้นางดูแลจวนให้ดี”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ภายในตำหนักเหลี่ยงอี๋ โถงไว้ทุกข์ตกแต่งเรียบร้อย พรุ่งนี้เหล่าข้าราชบริพารรวมทั้งภรรยา เชื้อพระวงศ์ต่างต้องเข้าวังมาไว้อาลัย

เถาฮองเฮาลูบไล้โลงไม้แผ่วเบา นางมองฮ่องเต้หย่งไท่ที่นอนนิ่งอยู่ภายในก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

อย่างไรก็เป็นสามีภรรยามายี่สิบกว่าปี ความรักความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาไม่ใช่เรื่องโกหก

ถึงแม้หลายปีสุดท้าย สามีภรรยาทั้งสองเหมือนจะห่างเหินกันไป เกิดความขัดแย้งหลายครั้ง แต่เวลานี้…

ส่วนลึกภายในใจของเถาฮองเฮาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งต่อฮ่องเต้หย่งไท่

การจากไปของฮ่องเต้หย่งไท่ทำให้นางเสียใจ

โดยเฉพาะก่อนเขาจากไป ไม่ได้ทิ้งคำสั่งเสียเอาไว้แม้แต่ประโยคเดียว ไม่เคยได้กำชับนางแม้แต่ประโยคเดียว หัวใจของเถาฮองเฮาบีบเค้นอย่างมาก

นางยื่นมือออกไปลูบไล้ใบหน้าของฮ่องเต้หย่งไท่อย่างแผ่วเบา

เหมาเส้าเจี้ยนตระหนกเล็กน้อย เขาเอ่ยเตือนเสียงเบา “ฮองเฮา?”

เถาฮองเฮาส่ายหน้าเป็นเชิงบอกให้เขาอย่าส่งเสียงรบกวน

นางหลับตาหวนระลึกถึงอดีตที่งดงามระหว่างสามีภรรยา

นางมักคิดว่าการจากลายังอีกยาวไกล แต่ไม่เคยคิดว่าสวรรค์กลั่นแกล้ง ทำให้พวกเขาทั้งสองต้องจากกันตลอดกาลเพียงชั่วพริบตา

ริมฝีปากของนางสั่นเทา เอ่ยเสียงแผ่วเบาออกมา

“เจ้าสามดีมาก! พระองค์ทรงสั่งสอนเขาอย่างดีมาก เขามีคุณลักษณะของผู้ที่เป็นจักรพรรดิแล้ว วันนี้ดูจากการที่เขาลงโทษเจ้าใหญ่ด้วยการใช้วาจาเพียงไม่กี่ประโยค หม่อมฉันก็ดีใจแทนเขา แต่ก็รู้สึกเสียใจ เขาเติบใหญ่แล้ว ราวกับไม่ต้องการหม่อมฉันอีก พระองค์ว่าหม่อมฉันเป็นส่วนเกินหรือไม่ สักวันหนึ่ง เขาจะหาว่าหม่อมฉันยุ่งมากเกินไป กีดขวางทางของเขาหรือไม่”

เฮ้อ…

เสียงถอนหายใจหนึ่ง

เหมาเส้าเจี้ยนอยากเกลี้ยกล่อม แต่ก็ไม่รู้จะเอ่ยปากอย่างไร ทำได้เพียงยืนเงียบอยู่ด้านข้าง

เถาฮองเฮาเสียใจอย่างมาก “พระองค์ทรงจากไป เมืองหลวงก็ควรเปลี่ยนฟ้าแล้ว ไม่รู้ว่าแผ่นดินจะเปลี่ยนไปอย่างไร ภัยทั้งภายในและภายนอก ราชสำนักไม่มั่นคง พระองค์ว่าเจ้าสามจะแบกรับภาระหนักนี้ได้หรือไม่ แรงกดดันมากเพียงนี้ จะทับจนเขาล้มลงหรือไม่ เหตุใดกองทัพเหนือจึงพ่ายแพ้กัน หากกองทัพเหนือชนะ พระองค์ก็จะไม่จากไปเร็วเพียงนี้ใช่หรือไม่”

เมื่อเอ่ยถึงกองทัพเหนือ เถาฮองเฮาก็นึกถึงเรื่องสำคัญหนึ่งขึ้นมา

นางหันกลับมาถามเหมาเส้าเจี้ยน “เห็นซุนปังเหนียนหรือไม่”

เหมาเส้าเจี้ยนผงะ แต่หลังจากตั้งสติกลับมาได้ เขาจึงรีบพูด “ไม่เห็นเขามาระยะหนึ่งแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ตาเฒ่านี่!” เถาฮองเฮาขุ่นเคืองเล็กน้อย “ข้าจำได้ว่าในมือของเขามีพระราชโองการลับฉบับหนึ่งที่ให้กองทัพเหนือ คาดว่าพระราชโองการลับนี้ออกจากเมืองหลวงไปแล้วในเวลานี้”

“ต้องให้กระหม่อมส่งคนตามพระราชโองการลับกลับมาหรือไม่”

เถาฮองเฮาส่ายหน้า “ไม่ต้องตามกลับมาหรอก ซุนปังเหนียนทำงานรอบคอบ เขาย่อมมีเตรียมการไว้ป้องกันคนตามพระราชโองการลับกลับมาไว้ก่อนแล้ว ข้าเพียงแค่สงสัยเนื้อหาในพระราชโองการลับเท่านั้น”

เหมาเส้าเจี้ยนปลอบ “ฮองเฮาไม่ต้องทรงกังวลพระทัย องค์ชายสามทรงเป็นองค์รัชทายาทที่ฝ่าบาททรงแต่งตั้งด้วยพระองค์เอง ขึ้นครองราชย์อย่างถูกต้องเหมาะสม ไร้ข้อติเตียน พระราชโองการลับที่ฝ่าบาททรงทิ้งให้กองทัพเหนือคาดว่าจะเป็นการเตรียมการสำหรับสงครามมากกว่า”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”

มีขันทีประตูเหลืองเดินเข้ามาในโถงไว้ทุกข์อย่างรีบร้อน “ทูลฮองเฮา ใต้เท้าเถาขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”

“เขามาทำอันใด เขาอ้างว่าป่วยไม่ออกจากจวนเกือบปี คราวนี้กลับเข้าวังมา ไม่พบ!”

เถาฮองเฮายังโกรธนายท่านใหญ่ตระกูลเถาอยู่

ตอนที่นางต้องการเขา เขาเอาตัวรอดคนเดียวโดยการอ้างว่าป่วย ไม่ออกจากจวน

เวลานี้ฮ่องเต้สวรรคต องค์ชายสามกำลังจะขึ้นครองราชย์ เขาก็วิ่งออกมาอีกครั้ง

ที่แท้ฮองเฮาอย่างนางสามารถรับมือแบบขอไปทีได้อย่างนั้นหรือ

บอกว่าไม่พบก็ไม่พบ

ขันทีประตูเหลืองลำบากใจเล็กน้อย

เหมาเส้าเจี้ยนให้ขันทีประตูเหลืองรออยู่หน้าประตู อย่ารีบร้อนในการส่งสาร

ขันทีประตูเหลืองเหมือนได้ปลดภาระหนัก

เหมาเส้าเจี้ยนเกลี้ยกล่อม “กระหม่อมคิดว่าฮองเฮาควรพบใต้เท้าเถาพ่ะย่ะค่ะ บัดนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ สามารถเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นก็ได้ หากฮองเฮาทรงมีคนสนับสนุนเพิ่มขึ้นหนึ่งคน ย่อมมีแรงช่วยมากขึ้นหนึ่งแรง ใต้เท้าเถาคุ้นเคยกับขุนนางในราชสำนัก มีเขาจับตาดูบรรดาขุนนางแทนพระองค์ พระองค์ก็ทรงจัดพิธีพระบรมศพของฝ่าบาทได้อย่างวางพระทัย”

เถาฮองเฮาขมวดคิ้ว “เจ้าคิดว่าข้าควรพบเขาจริงหรือ”

“อย่างไรเขาก็เป็นพี่ชายของพระองค์ แม้จะตีถูกกระดูก แต่กระดูกนั้นยังคงเชื่อมต่อกับเอ็น เขาเป็นหนึ่งในคนสนิทที่มีไม่มากของพระองค์บนโลกนี้!”

เถาฮองเฮาถอนหายใจ “เอาเถิด ข้าจะพบเขา เจ้าให้เขาเข้ามาจุดธูปกราบฝ่าบาทเสียก่อน”

“สมควรแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาถูกเชิญเข้าโถงไว้ทุกข์ จุดธูปก้มกราบอย่างสำรวม

จากนั้นเดินทางไปยังตำหนักเว่ยยาง

สุดท้ายแล้ว มีเพียงตำหนักเว่ยยางที่เถาฮองเฮารู้สึกปลอดภัย

นางเอ่ยปากเสียดสี “อาการป่วยของพี่ใหญ่หายดีแล้วหรือ? หายดีเร็วเสียจริง! ข้ายังคิดว่าท่านคงไม่หายดีในปีนี้แล้ว”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาบีบจมูกด้วยความเก้อ “ฮองเฮาอย่าทรงโกรธกระหม่อม กระหม่อมก็มีความลำบาก”

เถาฮองเฮาหัวเราะเย้ยหยัน “มีเรื่องใดลำบาก ท่านก็แค่กลัวฝ่าบาททรงหักหลัง ใช้ศีรษะชองท่านเซ่นธง เวลานี้ฝ่าบาททรงจากไปแล้ว ไม่มีผู้ใดเป็นภัยคุกคามชีวิตของท่านแล้ว ท่านย่อมสามารถออกมาเคลื่อนไหวได้อย่างเปิดเผย”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถารู้สึกไม่เป็นธรรม “ฝ่าบาททรงมีประวัติมาก่อน ฮองเฮาอย่าทรงลืมว่าท่านพ่อตายอย่างไร ตอนนั้นตระกูลเถาของพวกเราเกือบล่มสลาย พระสนมเจี่ยซูนั้นขี่ขึ้นไปบนหัวของพระองค์แล้ว โชคดีที่นางโง่เขลา วางยาพิษต่อพระองค์ ฝ่าบาทจึงทรงประหารนาง ฝ่าบาทสวรรคต พระองค์อย่าได้ลืมเรื่องที่เขาเคยทำเพียงเพราะจดจำแต่ความดีของเขา”

เถาฮองเฮาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ข้าไม่ได้ลืม ข้าจดจำไว้ในใจเสมอมา แต่ท่านก็อย่าลืม สาเหตุที่ตระกูลเถาของพวกเรามีวันนี้ล้วนเป็นเพราะฝ่าบาท หากไม่มีฝ่าบาท ย่อมไม่มีความรุ่งเรืองของตระกูลเถา

หลายปีนี้ ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด ฝ่าบาทจะทรงมีอารมณ์ไม่มั่นคงจนตัดสินพระทัยผิดพลาดไปบางเรื่องเพียงใด แต่ท่านไม่อาจลบความดีความชอบของพระองค์ พระองค์ก็ทรงเคยเป็นคนที่มีคุณธรรมเช่นเดียวกัน”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เถาฮองเฮาก็รู้สึกเสียใจอีกครั้ง

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาอ้าปากค้าง เขามองเถาฮองเฮาด้วยความไม่เข้าใจนัก

“ฝ่าบาทสวรรคตแล้ว ฮองเฮาควรดีใจ!”

เขาไม่เข้าใจอย่างมาก

เถาฮองเฮาต่อว่าด้วยความโกรธ “เวลานี้ข้ากลายเป็นหญิงหม้าย ท่านบอกว่าข้าควรดีใจ ท่านมีหัวใจหรือไม่”

“นี่ๆๆ…”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาตะกุกตะกัก “แต่ฮองเฮากำลังจะได้เป็นพระพันปี สูงส่งอย่างหาผู้ใดเทียบไม่ได้ ไม่ควรดีใจหรือ”

เถาฮองเฮาถอนหายใจ “ทุกคนต่างคิดว่าข้าดีใจอย่างมาก แม้แต่ท่านก็ไม่เว้น แต่ไม่มีผู้ใดเชื่อว่าข้าเสียใจแทนฝ่าบาทจริงๆ เป็นสามีภรรยามาหลายปี คิดว่าข้าใจแข็งดุจก้อนหิน ไร้หัวใจจริงหรือ เขาตายไป ข้าจะไม่เสียใจหรือ”

ปัง!

เถาฮองเฮาสะบัดมือกวาดแก้วและจานบนโต๊ะเล็กทั้งหมดลงพื้น

เหตุใดนางจึงเสียใจไม่ได้

เหตุใดทุกคนต่างคิดว่านางกำลังดีใจ

กลายเป็นหญิงหม้าย มีสิ่งใดให้น่าดีใจ

อย่างน้อยให้นางได้เสียใจอีกกี่วัน

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาทำหน้าฉงน เขาไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ของเถาฮองเฮาได้แม้แต่น้อย

สถานการณ์ทั่วไปแล้ว ผู้ชายล้วนไม่สามารถเข้าใจอารมณ์ของผู้หญิง

อย่างไรก็ตาม เขาสับสนอย่างมาก!

เขาครุ่นคิดพลันพูด “ในเมื่อพระองค์ทรงเสียพระทัยเช่นนี้ สู้กระหม่อมเข้าวังมาถวายบังคมวันอื่นดีกว่า”

“ท่านหยุด! พูดเถิด ท่านต้องการสิ่งใดจากข้า ข้ายังสามารถให้สิ่งใดแก่ท่านได้”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถากระปรี้กระเปร่าในทันที “ฮองเฮาทรงวางพระทัย มีบทเรียนก่อนหน้านี้แล้ว กระหม่อมก็ไม่กล้าทูลขอมากเกินไป อีกทั้งยังไม่กล้าคาดหวังต่อองค์รัชทายาทมากเกินไป กระหม่อมขอเพียงให้กระหม่อมกลับมารับตำแหน่งเดิม ครอบครองอำนาจที่แท้จริงก็พอ”

เถาฮองเฮายิ้มเย็น “รับตำแหน่งเดิมคงเป็นไปไม่ได้! แต่ว่าสามารถส่งท่านไปยังวัดไท่ฉางได้!”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาขมวดคิ้วมุ่น

เถาฮองเฮาเตือนเขา “อย่าได้เลือกนัก ท่านเป็นญาติฝ่ายนอก ต้องระวังความเหมาะสม หากท่านไม่พอใจวัดไท่ฉางก็ไปวัดไท่ฝู่”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เขาถาม “ให้กระหม่อมไปสำนักเซ่าฝู่ได้หรือไม่”

สีหน้าของเถาฮองเฮาดำทะมึน “อย่าได้พูดจาเหลวไหล! สำนักเซ่าฝู่มีแต่เชื้อพระวงศ์รับตำแหน่งเสมอมา ท่านผู้เป็นญาติฝ่ายนอกแทรกแซงสำนักเซ่าฝู่ ท่านไม่ต้องการชีวิตของตัวเองแล้วหรือ”

นายท่านใหญ่ตระกูลเถาหวาดกลัว “กระหม่อมเพียงแค่พูดเท่านั้น”

หากสำนักการคลังไม่ได้ยากจนเพียงนั้น เขายังอยากไปสำนักการคลัง

“เอาเถิด เอาเถิด กระหม่อมไปวัดไท่ฝู่”

วัดไท่ฝู่อย่างน้อยก็ได้ค่าตอบแทนดี อีกทั้งยังไม่ต้องแบกรับความเสี่ยง

เถาฮองเฮาถอนหายใจ “ถึงแม้เจ้าสามจะเป็นบุตรชายของข้า แต่ก่อนอื่นเขาเป็นฮ่องเต้ ต่อจากนี้เมื่อท่านพบเขา ท่านต้องจดจำฐานะของตนเอง อย่าได้เสียพิธี ทำให้ขุนนางตรวจสอบพบความผิดได้”

ชะงักไปสักพัก เถาฮองเฮายังคงไม่วางใจ จึงพูดต่อ “เจ้าสามเป็นคนที่ซ่อนเร้นเรื่องได้อย่างเชี่ยวชาญ แม้จะไม่พอใจต่อผู้ใด เขาก็จะไม่แสดงมันออกมา แต่หากท่านไปยั่วยุเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาก็จะจดจำเอาเรื่องที่ท่านเคยทำผิดเอาไว้ รอคิดบัญชีภายหลัง ท่านอย่าได้อาศัยฐานะท่านลุงทำเรื่องไม่ดี ระวังเขานำศีรษะท่านมาเซ่นธง”

เมื่อได้ยินคำว่าเซ่นธง นายท่านใหญ่ตระกูลเถาก็ตัวสั่นเทาทันที

การตายของนายท่านตระกูลเถาทิ้งบาดแผลในใจของเขาอย่างมาก

จนถึงเวลานี้ เขายังมักระลึกถึงเหตุการณ์นายท่านตระกูลเถาถูกตัดศีรษะลงมาอยู่ประจำ

อนาถนัก!