ตอนที่ 314 องค์ชายใหญ่ร้องไห้

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 314 องค์ชายใหญ่ร้องไห้

บรรดาขุนนางย่อมไม่มีความคิดเห็นต่อการให้องค์รัชทายาทรีบขึ้นครองบัลลังก์

เวลานี้ประจวบกับช่วงที่เต็มไปด้วยปัญหา เวลานี้บนราชสำนักขาดกษัตริย์ไม่ได้

องค์รัชทายาท เซียวเฉิงอี้เดินออกมาอย่างเชื่องช้า กระแอมไอเตรียมพูด

แต่ไม่รู้ไปกระตุ้นองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ เขาร้องไห้โฮออกมา ขัดขวางองค์รัชทายาท เซียวเฉิงอี้ที่กำลังจะพูด

เซียงเฉิงอี้ “…”

สีหน้าของเขาดำทะมึน ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย มองไปทางองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ท่ามกลางฝูงชน

“เสด็จพ่อ เสด็จพ่อ! เหตุใดพระองค์จึงทรงจากไปอย่างกะทันหันเช่นนี้! พระองค์จากไปแล้ว กระหม่อมจะทำอย่างไร!”

เซียวเฉิงเย่ร้องไห้โห กระโจนไปข้างเตียง โหวกเหวกโวยวาย

“กระหม่อมเสียดายพระองค์! พระองค์จากไปแล้ว กระหม่อมจะมีชีวิตอยู่อย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ได้หรือ”

คำพูดนี้เหมือนทิ่มแทงใจ คราวนี้แม้แต่สีหน้าของเถาฮองเฮาก็เปลี่ยนไป

“ระยะก่อน ทั้งที่พระอาการของพระองค์ยังดีอยู่ เหตุใดเพียงชั่วพริบตาก็จากไปแล้ว! เพราะเหตุใดกันแน่ คนที่มีชีวิตอยู่ดีๆ เหตุใดจึงจากไปอย่างกะทันหัน!”

เซียวเฉิงเย่พูดจาทิ่มแทงทุกคำ แต่ละคำล้วนมีความหมายโดยนัย ทำให้เชื้อพระวงศ์และขุนนางราชสำนักที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างมองหน้ากัน

ภายในเชื้อพระวงศ์ อืม ดูท่าทางฮองเฮาแม่ลูกยังไม่ได้ทำให้ทุกคนยอมกำราบอย่างสมบูรณ์

เถาฮองเฮารู้สึกโกรธจนเกือบจะอาละวาดขึ้นมา

แต่ไม่คิดว่าองค์รัชทายาท เซียวเฉิงอี้จะชิงลงมือก่อน

เขาเดินมาถึงข้างเตียง มือวางไว้บนไหล่ขององค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ “สูญเสียเสด็จพ่อ ข้าก็เสียใจเหมือนกับพี่ใหญ่ แม้พี่ใหญ่จะคิดถึงเสด็จพ่อ แต่ก็ต้องรักษาร่างกาย ราชสำนักกำลังเผชิญกับปัญหามากมาย เป็นช่วงเวลาที่กำลังต้องการความสามารถของพี่ใหญ่ในการช่วยขจัดวิกฤตของแผ่นดินต้าเว้ย

พี่ใหญ่ร้องไห้อย่างไม่สนใจร่างกาย ไม่สนผลลัพธ์ ไม่สนแผ่นนี้เช่นนี้ สุดท้ายแล้วกตัญญูหรือไม่กันแน่”

องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ผงะไปอย่างเห็นได้ชัด

เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมน้ำตา สีหน้าเจ็บปวดและสับสน “เจ้ากำลังต่อว่าข้าหรือ ข้าร้องไห้ให้เสด็จพ่อก็ผิดหรือ”

“ย่อมไม่ผิด แต่ว่าพี่ใหญ่ก็ต้องรักษาร่างกาย ถึงแม้ท่านจะไม่ยอมออกแรงให้ราชสำนัก แต่ก็ควรคำนึงถึงภรรยาและบุตรที่รออยู่ในจวนว่าจะกังวลเพียงใด”

ท่าทางและน้ำเสียงขององค์รัชทายาท เซียวเฉิงอี้จริงใจและเป็นห่วง

ความจริงใจนี้ทำให้คนจำนวนไม่น้อยแอบพยักหน้าคิดว่าเขาพูดมีเหตุผล

เวลานี้เป็นเวลาแห่งการร้องไห้หรือ

ย่อมไม่ใช่!

บัดนี้เป็นช่วงเวลาแห่งความไม่สงบ

มีทั้งภัยภายนอกและภายใน วิกฤตมากมาย จะมีเวลาร้องไห้ได้อย่างไร!

เวลานี้ไตร่ตรองวิธีรับมือกับเรื่องตรงหน้า ก้าวผ่านความยากลำบากนี้อย่างไรดีกว่า

ถึงแม้เรื่องที่องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่พูดนั้นคุณค่าแก่การไตร่ตรอง คุณค่าแก่การสร้างปมปัญหา แต่มันไม่มีความจำเป็น

เพราะเซียงเฉิงอี้เป็นองค์รัชทายาทที่ถูกต้อง เป็นผู้สืบทอดที่ฮ่องเต้หย่งไท่ทรงแต่งตั้งเอง

ฐานะขงอเขาไม่มีข้อสงสัย

บอกว่าการตายของฮ่องเต้มีความเกี่ยวข้องกับเขาเท่ากับต้องการยั่วยุให้เกิดความบาดหมางภายใน เอื้อประโยชน์ให้กับโจรกบฏและต่างเผ่า

ถึงแม้ขุนนางและเชื้อพระวงศ์จะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ แต่ไม่มีคนอยากให้โจรกบฏได้นั่งบัลลังก์ อีกทั้งไม่มีคนอยากให้ต่างเผ่าบุกรุกเข้ามาในเมืองหลวง

ทุกคนยังคงมีความทะเยอทะยานในฐานะของบัณฑิต ความภาคภูมิใจในฐานะคนต้าเว้ย

พวกโจรกบฏชั้นต่ำคิดจะนั่งบัลลังก์มังกร ล้อเล่นหรือ

พวกต่างเผ่าที่กระหายเลือดคิดจะบุกรุกราชวงศ์ต้าเว้ย เฮอะๆ…

ล้วนกลิ้งกลับไปเล่นโคลนเถิด

เวลานี้ สิ่งที่ราชสำนักต้องการคือการสืบทอดที่ราบรื่น อย่าให้เกิดอุปสรรคจะดีที่สุด

แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่คิดเช่นนี้

ย่อมมักจะมีคนอยากจับปลาในน้ำขุ่น อยากสร้างปัญหา

มีคนจำนวนหนึ่งอยากจะยืนออกมาสนับสนุนองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่

แต่เมื่อมองเห็นราชองครักษ์และองครักษ์จินอู่นอกประตูตำหนัก มองเถาฮองเฮาที่นั่งอยู่ด้านบนแล้ว ช่างเถิด อย่าได้หาความซวยมาใส่ตัวดีกว่า

เซียวเฉิงเย่เช็ดน้ำตา เขาถามเซียงเฉิงอี้ “เสด็จพ่อสวรรคต น้องสามไม่เสียใจหรือ จริงด้วย ในไม่ช้าเจ้าก็จะขึ้นครองราชย์แล้ว เวลานี้เจ้าควรดีใจกว่าผู้ใดใช่หรือไม่”

ทุกคนต่างมีสีหน้าเปลี่ยนไป

มือของเถาฮองเฮาวางอยู่บนแก้วชา รอเพียงหยิบมันขึ้นมาเขวี้ยงไปทางหัวของเซียวเฉิงเย่

แต่เซียงเฉิงอี้กลับไม่รีบร้อน เขาจ้องมองเซียวเฉิงเย่ “พี่ใหญ่พูดใหม่อีกครั้งได้หรือไม่ กูได้ยินไม่ชัด”

กู? เขาแทนตัวเองว่า ‘กู’!

เซียวเฉิงเย่ปากสั่นเหมือนกำลังจะอาละวาด

ทันใดนั้นเขาสังเกตเห็นสายตาของเซียงเฉิงอี้ จึงทำให้เขาตัวสั่นเทาเล็กน้อย

เขาเชื่อว่าหากเขายังกล้าพูดคำใดที่ไม่เหมาะสม เซียงเฉิงอี้ย่อมจะเอาชีวิตของเขา

เขาเหงื่อตกด้วยความกลัว

องค์รัชทายาท เซียวเฉิงอี้มองปฏิกิริยาของเขาอย่างพึงพอใจ

“พี่ใหญ่ร้องไห้เป็นเวลานานคงจะเหนื่อยแล้ว ในเมื่อเหนื่อยแล้ว ก็ไปคุกเข่าไว้อาลัยให้เสด็จพ่ออยู่ด้านนอกเถิด กูรู้ว่าพี่ใหญ่กตัญญู ท่านต้องคุกเข่าให้ดี คุกเข่าจนกระทั่งเสด็จพ่อทรงพึงพอพระทัย”

“เจ้า? เจ้า…”

เซียวเฉิงเย่ไม่อยากเชื่อ

เซียงเฉิงอี้ยังไม่ทันได้ขึ้นครองราชย์ก็แสดงท่าทีของฮ่องเต้ออกมา ออกคำสั่งให้เขาไปคุกเข่าอยู่ด้านนอกแล้ว

เขาไม่!

แต่เซียงเฉิงอี้ไม่ให้โอกาสเขาบอกว่า “ไม่”

เขาออกคำสั่ง “ผู้ใดก็ได้ พยุงองค์ชายใหญ่ไปด้านนอก ไว้อาลัยให้ฝ่าบาท”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ขันทีในวังหลวงมักจะปฏิบัติตามสีหน้าคน

ฝีมือการเยินยอคนสูงส่ง เหยียยย่ำคนต่ำต้อยนั้นชั้นหนึ่ง!

เมื่อเห็นองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ไม่ไหวแล้ว นับจากนี้องค์รัชทายาท เซียวเฉิงอี้มีอำนาจ ต้องทำอย่างไรทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ

ขันทีหลายคนเดินขึ้นหน้าลากองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ออกไปด้านนอก

“ปล่อยข้า!”

เซียวเฉิงเย่โกรธจัด พวกขันทีก็กล้ารังแกเขา

ขันทีไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย

เวลานี้ไม่ทับถม จะแสดงความมีตัวตนต่อหน้ากษัตริย์องค์ใหม่ได้อย่างไร

ไม่มีตัวตนต่อหน้ากษัตริย์องค์ใหม่ จะเลื่อนขั้นได้อย่างไร

เรื่องเกี่ยวกับอนาคตของบุคคล ไม่มีผู้ใดยอมออมมือ

เซียวเฉิงเย่ไม่เดินก็ลากเขา

เซียวเฉิงเย่โวยวายก็หาทางปิดปากเขา

“อือๆ…”

เซียวเฉิงเย่หวาดกลัวอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเขาตกใจกับขันทีที่ใจกล้า

ทำสิ่งใด

คิดจะฆ่าข้าหรือ

มีขันทีกล้าฆ่าเซียวเฉิงเย่หรือไม่

ย่อมมี!

เพียงแค่กษัตริย์องค์ใหม่เซียงเฉิงอี้รับสั่ง พวกเขาก็สามารถกำจัดเซียวเฉิงเย่อย่างสมบูรณ์ในทันที

แต่เวลานี้องค์รัชทายาท เซียวเฉิงอี้เพียงแค่บอกให้ ‘พยุง’ องค์ชายใหญ่ไปคุกเข่าด้านนอกเพื่อไว้อาลัยให้ฮ่องเต้องค์ก่อนเท่านั้น พวกเขาย่อมต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างสมบูรณ์แบบ

บอกว่าคุกเข่าย่อมต้องคุกเข่า บอกว่าไว้อาลัยย่อมต้องไว้อาลัย

ในวังำหลวงมีวิธีการจัดการกับคนมากมาย ไม่กลัวองค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่ไม่ยอมจำนน

องค์ชายที่ไร้บิดามารดา แม้แต่ยศถาบรรดาศักดิ์ยังไม่มี ไม่รังแกเชาจะรังแกผู้ใด

เสียดาย ฝ่าบาทไม่ทรงฟื้นขึ้นมาก่อนจากไป

ก่อนหน้านี้ก็มัวแต่แต่งตั้งองค์รัชทยาท ลืมที่จะสถาปนายซให้แก่เหล่าองค์ชาย

จิ๊ๆ…

องค์ชายเหล่านี้น่าสงสาร ยกเว้นองค์ชายสอง

หากฮ่องเต้หย่งไท่ทรงฟื้นขึ้นมาก่อนสวรรคต เหล่าองค์ชายกว่าครึ่งล้วนจะได้รับยศ

เสียดายบนโลกนี้ไม่มีหาก

องค์ชายใหญ่ เซียวเฉิงเย่จึงไม่มีต้นทุนในการต่อต้าน

รอฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองราชย์ ฐานะของเขาจะไม่ใช่องค์ชายอีกต่อไป หากแต่เป็นเชื้อพระวงศ์

เชื้อพระวงศ์ที่ไม่มียศก็ไม่สูงส่งนัก

การกระทำขององค์รัชทายาท เซียวเฉิงอี้ทำให้ทุกคนรู้จักเขาใหม่

เขาไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่ทุกคนคิด

เวลาที่จำเป็น เขาก็กล้าลงมือ

อารมณ์ของเถาฮองเฮาซับซ้อนอย่างมาก

ด้านหนึ่งดีใจ ส่วนอีกด้านก็กำลังกลุ้มใจ

นางเพิ่งได้สัมผัสรสชาติของอำนาจ แต่เพียงพริบตาก็…

นางอดมองไปทางเซียงเฉิงอี้ด้วยอารมณ์ที่ไม่ดีนัก

สายตาขององค์รัชทายาท เซียวเฉิงอี้กวาดผ่านใบหน้าของทุกคน เขาจงใจหยุดที่พี่สอง เซียวเฉิงเหวินนานกว่าผู้อื่น

เนื่องจากร่างกายของเซียวเฉิงเหวิน เถาฮองเฮาทรงอนุญาตให้เขานั่งลง

เขาสีหน้าราบเรียบ ไม่พูดไม่จาเหมือนกับพระสงฆ์ที่กำลังเข้าฌาน แต่ก็เหมือนกำลังเหม่อลอย

ราวกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาแม้แต่น้อย

เซียงเฉิงอี้กระแอมไอเสียงเบา “หากพวกท่านไม่มีเรื่องอื่น วันนี้ก็พอเท่านี้ ข้าเหนื่อยแล้ว!”

“พระองค์ทรงปรนนิบัติอยู่ข้างกายฝ่าบาททั้งวันทั้งคืนย่อมต้องเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก พระองค์ทรงพักผ่อนให้ดีก่อนหนึ่งคืน เรื่องอื่นพวกกระหม่อมจะช่วยแบ่งเบาเอง”

มีคนยืนอออกมาเยินยอเซียงเฉิงอี้ เยินยอได้อย่างพอดิบพอดี ทำให้คนรู้สึกชุ่มฉ่ำหัวใจ

การประชุมท้องพระโรงที่เรียบง่ายจบลงแต่เพียงเท่านี้

องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวินไม่ได้จากไป เขามองข้าหลวงนำพระบรมศพของฮ่องเต้หย่งไท่เข้าโลงด้วยสายตานิ่งเฉย

เถาฮองเฮาเอ่ยเตือนเขา “เจ้าสอง ร่างกายเจ้าไม่ดี กลางคืนอย่าอยู่ในวังหลวง เจ้ากลับจวนไปพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยเข้ามาในวัง”

“อืม” เซียวเฉิงเหวินส่งเสียงตอบรับ “ก่อนเสด็จพ่อสวรรคต พระองค์ไม่ได้ทิ้งคำสั่งเสียแม้แต่ประโยคเดียวจริงหรือ”

เถาฮองเฮาไม่พอใจ “เจ้ากำลังสงสัยข้า? เจ้าบังอาจ!”

เซียวเฉิงเหวินเม้มปาก ไม่ตอบโต้

เซียงเฉิงอี้ปลอบเถาฮองเฮาเอาไว้ “หลายวันนี้เสด็จแม่ก็ทรงเหน็ดเหนื่อยแล้ว ไปพักผ่อนเสียก่อนเถิด ที่นี่มีข้า ข้าคุยกับพี่สองเอง”

เถาฮองเฮาข่มไฟโกรธลง จากนั้นพาคนจากไป

เซียงเฉิงอี้โบกมือ ข้าหลวงทุกคนถอยออกไปอยู่ด้านนอก

เขายกเก้าอี้กลมใบหนึ่งมา นั่งอยู่ตรงหน้าเซียวเฉิงเหวิน

“พี่สองกำลังสงสัยสิ่งใด เวลานี้มีเพียงพวกเราสองพี่น้อง มีเรื่องใดจะพูด ท่านล้วนพูดออกมาได้ทั้งหมด”

เซียวเฉิงเหวินขมวดคิ้ว “ข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าก่อนที่เสด็จพ่อจะสวรรคต พระองค์ไม่ทรงฟื้นมาจริงหรือ”

“ใช่! เรื่องนี้ข้าสาบานได้ว่าเป็นความจริงอย่างแน่นอน นับแต่ข่าวการพ่ายแพ้ของกองทัพเหนือส่งเข้ามาในเมืองหลวง เสด็จพ่อก็ทรงกระอักเลือดและหมดสติไป จากนั้นก็ไม่ทรงฟื้นขึ้นมาอีก หากท่านได้เชื่อ สามารถถามหมอหลวง ถามทุกคนภายในวังหลวง ทางห้องเครื่องนั้นต้มยาอยู่ตลอด แต่ไม่ได้ใช้แม้แต่ชามเดียว เรื่องนี้ท่านก็ไปสืบได้”

เซียวเฉิงเหวินขมวดคิ้วมุ่น “เสด็จพ่อสวรรคต อีกเจ็ดวันเจ้าก็จะขึ้นครองราชย์ สถานการณ์ในเวลานี้ เจ้าคิดจะทำอย่างไร”

เซียงเฉิงอี้พูดอย่างจริงจัง “ย่อมจะปฏิบัติตามสิ่งที่เสด็จพ่อรับสั่งเอาไว้! เวลานี้ข้าไม่ต้องการสิ่งอื่น ข้าต้องการเพียงความมั่นคง ต้องการเพียงกองทัพเหนือชนะสงคราม ต้องการเพียงบรรพบุรุษคุ้มครองต้าเว้ย”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะ “กองทัพอูเหิงแข็งแกร่ง ทำสงครามดุดัน เจ้าเคยคิดหรือไม่ รอแม่ทัพในแต่ละพื้นที่ไปถึงสนามรบ ผู้ใดจะเป็นผู้นำในการทำสงคราม ผู้ใดจะออกคำสั่ง ผู้ใดควรฟังผู้ใด อย่าได้ต่างฝ่ายต่างยึดตัวเองเป็นหลัก ไม่สนใจคำสั่ง เคลื่อนไหวโดยพลาร ทำลายสถานการณ์ที่ดี”

เซียงเฉิงอี้พูดอย่างสมเหตุสมผล “ย่อมออกคำสั่งโดยแม่ทัพกองทัพเหนือ”

ไม่คิดว่าเซียวเฉิงเหวินจะส่ายหน้าเมื่อได้ยิน “แม่ทัพกองทัพเหนือทำสงครามได้ กล้าทำสงคราม ทำสงครามให้ชนะได้ แต่เจ้าคิดว่าเขาสามารถนำบรรดาทหารที่แข็งแกร่งของแม่ทัพท้องถิ่นหรือ เจ้าอย่าลืม แม่ทัพกองทัพเหนือได้รับการสนับสนุนจากเสด็จพ่อแต่เพียงผู้เดียว เขาไม่ได้มีชาติกำเนิดจากตระกูลขุนนาง แม่ทัพที่มีชาติกำเนิดจะตระกูลขุนนางจะยอมฟังเขา?”