โรงพยาบาลรุ่ยเอิน ห้องพักผู้ป่วยทั่วไป
เยี่ยจิ่งเฉินไปตักข้าวให้หลี่ซูฉินกลับมา จึงเห็นเฉินซินโหรวนั่งอยู่ข้างเตียงหลี่ซูฉินด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“เธอมาทำไม!” เยี่ยจิ่งเฉินพุ่งเข้าไป วางกล่องข้าวลงบนโต๊ะ แล้วดึงตัวเฉินซินโหรวออกไป
เขารู้ว่าเฉินซินโหรวรังเกียจแม่เขา ไม่อยากให้ตัวเองสนิทกับหลี่ซูฉินมากนัก เพราะฉะนั้นที่เฉินซินโหรวมาหาแม่ตัวเอง ไม่ใช่แค่มาเยี่ยมแน่นอน
เฉินซินโหรวจะยอมได้ยังไง จึงสะบัดมือเยี่ยจิ่งเฉินออก “เยี่ยจิ่งเฉิน นายมันต่ำ!”
“เฉินซินโหรว เธอห้ามด่าลูกชายฉัน!” สีหน้าหลี่ซูฉินโมโห แล้วชี้หน้าสั่งสอนเฉินซินโหรว
“หลี่ซูฉิน แกต่ำกว่าอีก!” เฉินซินโหรวจ้องผู้หญิงวัยกลางคนตรงหน้า แล้วพูดกัดฟันแน่น “เฉินฮวนฮวนให้คนซ้อมลูกชายตัวเองขนาดนี้ แต่แกยังเรียกมันมา? แล้วยังให้ลูกชายไปส่งมันอีก? แกไม่คู่ควรกับการเป็นแม่ของเยี่ยจิ่งเฉิน แกมันคนต่ำต้อย!”
เสียงดังเปี๊ยะดังสนั่นลั่นห้อง
“อ๊ายยยย เยี่ยจิ่งเฉิน นายกล้าตบฉันเหรอ!” เฉินซินโหรวจับหน้าไว้ แล้วกรี๊ดเสียงดัง
“เฉินซินโหรว เธออย่ามาทำตัวน่าอับอายที่นี่ได้ไหม ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันจะโดนซ้อมเหรอ?” เยี่ยจิ่งเฉินนึกถึงหน้าที่บวมช้ำของตัวเอง แล้วสิ่งที่เฉินซินโหรวพูดกับเฟิงหานชวน เขาเก็บกดจนจะเป็นบ้าแล้ว
ก็เหมือนที่เฉินฮวนฮวนพูด บนหัวเขาโดนสวมเขา
“นาย……นายโทษฉันเหรอ?” เฉินซินโหรวยิ้มอย่างเยือกเย็น แล้วชี้หน้าด่าเขา “ถ้าไม่ใช่นายปอดแหก แล้วทำอะไรเฟิงหานชวนไม่ได้ ฉันต้องทนแบบนี้เหรอ?”
“เธอบ้าไปแล้วจริงๆ! เพราะตระกูลเฉินไม่ยุติธรรมกับฮวนฮวนก่อน แล้วเฟิงหานชวนมาแก้แค้นให้ฮวนฮวน จะโทษก็โทษว่าเธอซวย แล้วมาอยู่กับคนอย่างฉัน” เหมือนเยี่ยจิ่งเฉินจะดูถูกตัวเอง แต่ความจริงกำลังพูดเสียดสีเธออยู่
เฉินซินโหรวจะฟังไม่ออกได้ยังไง ตาเธอแดงทั้งสองข้าง แล้วพุ่งไปหาเยี่ยจิ่งเฉินเหมือนคนบ้า เหมือนอยากจะฆ่าเขา
หลี่ซูฉินเป็นห่วงลูกชายตัวเอง เธอจึงลงจากเตียงไปห้ามเฉินซินโหรว แต่เฉินซินโหรวกลับผลักเธอออก
“โอ๊ย!”
หลี่ซูฉิยล้มลงไปกับพื้น เพราะเพิ่งทำการผ่าตัด เธอจึงสลบไปทันที
……
บลูส์คลับ ห้องวีไอพี
หลีซืออวิ๋นเห็นหรงจิ่นซิวกับเฟิงหานชวนคุยกันอยู่ เธอจึงเดินไปหา
เธอนั่งลงข้างเฟิงหานชวน แล้วเอียงตัวไปยิ้มกับทั้งสองคน “พวกนายคุยอะไรกันน่ะ?”
หลีซืออวิ๋นเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลหลี เด็กกว่าเฟิงหานชวนหนึ่งปี เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของโม่เหวินโจว พวกเขารู้จักกันนานแล้ว
“ซืออวิ๋นเธอยังไม่รู้ใช่ไหม?” หรงจิ่นซิวนึกขึ้นได้จึงเอ่ยถาม
“รู้อะไร?” หลีซืออวิ๋นไม่เข้าใจ
ความจริง ถึงพี่ชายโม่เหวินโจวไม่ได้บอกเธอ แต่เธอก็ได้ข่าวคราวมาบ้าง ไม่งั้นคงไม่รีบกลับมาจากต่างประเทศหรอก
อยู่ๆเฟิงหานชวนก็ลุกขึ้น พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันออกไปสูบบุหรี่ก่อน”
ไม่รอพวกเขาตอบ เฟิงหานชวนก็ก้าวเดินออกไปแล้ว
หรงจิ่นซิวขมวดคิ้ว รู้สึกถึงความผิดปกติ
เมื่อกี้เขายังคุยกับเฟิงหานชวนไม่จบ แล้วอยู่ๆหลีซืออวิ๋นก็มาหา แต่ที่ชัดเจนไปกว่านั้น ตอนที่เขาพูดถึงลูกชายคนเล็กตระกูลเยี่ย สีหน้าเขาก็เริ่มผิดปกติแล้ว
หรือว่าเฉินฮวนฮวนกับลูกชายคนเล็กตระกูลเยี่ย เกี่ยวข้องกัน?
“จิ่นซิว หานชวนเป็นอะไร? ทำไมอยู่ๆเหมือนอารมณ์ไม่ดี? ปกติเขาไม่สูบบุหรี่นะ” สีหน้าหลีซืออวิ๋นเหมือนแย่ลง แต่ความจริงในใจดีใจมาก
หูเธอดี เมื่อกี้ได้ยินที่พวกเขาสองคนคุยกัน อาจจะเป็นภรรยาตอนนี้ของเฟิงหานชวน
ถ้าเป็นแบบนี้ เฟิงหานชวนน่าจะไม่ค่อยพอใจภรรยาคนนั้น? ไม่งั้น อารมณ์ก็คงไม่เสีย
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นอะไร อาจจะทะเลาะกับเมียมั้ง วันนี้มันเลยไม่ได้พาเมียมาด้วย” หรงจิ่นซิวยักไหล่ เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
ถึงเขาจะรู้เรื่องของเฟิงหานชวนกับเฉินฮวนฮวน แต่พวกเขาพัฒนาไปถึงขึ้นไหนแล้ว เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่ดูจากตอนนี้ คงไม่ค่อยราบรื่นมากนัก
“ฉันรู้สึกว่านายท่านเฟิงใจร้อนไปหน่อยหรือเปล่า? หานชวนยังไม่สามสิบเลย ท่านยังใจร้อนให้หานชวนแต่งงาน แล้วยังแต่งกับผู้หญิงแบบนั้นอีก?” ตอนที่หลีซืออวิ๋นพูด น้ำเสียงแฝงไปด้วยความไม่พอใจ
หรงจิ่นซิวดันกรอบแว่นขึ้น ฟังออกว่าเธอหมายความว่ายังไง เขาจึงถามกลับว่า “เธอรู้เรื่องนี้?”
“ใช่ สองวันก่อนฉันได้ยินมาจากฉืออวี่ถิง ทีแรกฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” หลีซืออวิ๋นทัดผม การกระทำดูเป็นผู้ดีมาก
ฉืออวี่ถิงเด็กกว่าเธอสองปี เป็นคุณหนูตระกูลฉือ อยู่ชนชั้นสังคมเดียวกับเฟิงเฉินเหยี่ยน
“ความจริงเรื่องเป็นอย่างนี้ นายท่านเฟิงไปสู่ขอภรรยาให้เฮียสาม ชื่อเฉินฮวนฮวน” หรงจิ่นซิวคิดว่านี่เป็นความจริง ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้
“วันนี้หานชวนไม่พาเธอมาด้วย?” หลีซืออวิ๋นจงใจถาม
“ไม่รู้ว่ายังไงเหมือนกัน” หรงจิ่นซิวยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ แล้วส่ายหน้า
เรื่องระหว่างสามีภรรยา เขาไม่อยากยุ่ง แต่ดอกไม้อย่างเฮียสามที่ไม่ได้เบ่งบานมานาน คงไม่โดนขยี้ตายตอนยังเป็นต้นอ่อนมั้ง?
“ถึงจดทะเบียนสมรสแล้ว แต่ก็หย่ากันได้ ในเมื่อหานชวนไม่ชอบ นายท่านก็ไม่ควรบังคับ” หลีซืออวิ๋นจิบไวน์ แล้วรู้สึกไม่แฟร์แทนเฟิงหานชวน
หรงจิ่นซิวไม่ได้ตอบอะไรอีก
หลีซืออวิ๋นรู้สึกเบื่อ จึงไปคุยกับคนอื่นแทน
ทีแรกเธออยากไปถามเฟิงเฉินเหยี่ยน เพราะปากเขาไม่มีซิป แต่เสียดายเขาไม่อยู่ที่นี่ แล้วเจอเพื่อนคนอื่นก่อน จึงโดนลากไปดื่มด้วย
หลีซืออวิ๋นเพิ่งไป หรงจิ่นซิวก็ได้รับสายจากเฟิงหานชวนพอดี บอกให้เขาส่งกล้องวงจรที่เฉินฮวนฮวนไปเยี่ยมคนไข้มาให้
หรงจิ่นซิวก็ต้องช่วยเพื่อนตัวเองอยู่แล้ว จึงรีบสั่งโรงพยาบาล สิบนาทีหลังจากนั้นจึงส่งบันทึกกล้องวงจรไปให้เฟิงหานชวน
เฟิงหานชวนกำลังนั่งพักอยู่บนโซฟาห้องรับรอง ในมือคีบบุหรี่ไว้ แล้วในห้องก็มีแต่ควัน
เขากดเปิดวิดีโอ แล้วดูตั้งแต่ต้นจนจบ
กล้องวงจรบันทึกได้แค่ที่ทางเดิน ไม่เห็นในห้องผู้ป่วย เขาจึงเห็นแค่ เฉินฮวนฮวนเข้าไปในห้องหลี่ซูฉิน จากนั้นไม่นานก็ออกมา แล้วเดินไปโทรศัพท์หาใครบางคนด้วยสีหน้าโมโห
ไม่นาน พอเธอเข้าไปในห้องแล้ว เยี่ยจิ่งเฉินที่หน้าบวมช้ำก็รีบตามเข้าไปในห้อง
หลังจากนั้น ทั้งสองก็อยู่ในห้องพักของหลี่ซูฉินไปอีกประมาณสี่สิบนาที
ตอนที่เฉินฮวนฮวนออกจากห้อง เยี่ยจิ่งเฉินยังไปส่งเธออีก ส่งเธอไปหน้าลิฟต์ แล้วระหว่างรอลิฟต์ ทั้งสองก็คุยกันด้วย
แต่ว่า เพราะมุมของกล้องวงจร จึงไม่เห็นสีหน้าพวกเขา ไม่ว่าอารมณ์ดีหรือยังไง แต่หลังจากที่เฉินฮวนฮวนเข้าลิฟต์ไปแล้ว เยี่ยจิ่งเฉินค่อยกลับไปในห้อง
พอดูวิดีโอเสร็จ สีหน้าของเฟิงหานชวนก็เข้มงวดมาก จากนั้นก็ขยี้บุหรี่ด้วยมือจนดับ แล้วเห็นเส้นเลือดที่หลังมือด้วย
ตอนเช้าเขาเพิ่งช่วยเฉินฮวนฮวนสั่งสอนคนตระกูลเฉินกับเยี่ยจิ่งเฉิน แต่พอตกบ่าย เธอกลับวิ่งเข้าหาอ้อมกอดของเยี่ยจิ่งเฉิน
ดูเหมือนว่า เธอยังไม่ลืมเยี่ยจิ่งเฉินสินะ
คนที่เป็นรักแรกของเธอ