ทางด้านเสียนเฟย พอได้ยินว่าหยวนชิงหลิงท้อง ก็ดีใจอย่างมาก
แม้ว่านางจะไม่ชอบหยวนชิงหลิง แต่จะชอบหรือไม่ชอบ ตอนนี้นางกลายเป็นพระชายาแล้ว เรื่องนี้ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
อีกอย่าง พระชายาคนนี้จัดการเรื่องในวังไม่ดี ถ้าหากว่าคลอดออกมาเป็นลูกชาย มันก็ต่างกันแน่นอน
ยังต้องภาวนาให้ครรภ์ของนางเป็นลูกชาย
ตอนนี้ในบรรดาอ๋องทั้งหลาย ยังไม่มีใครให้กำเนิดลูกชาย
“ช่วงเวลานี้ ถึงต้องตายเจ้าก็ต้องช่วยข้าปกป้องลูกในท้องของหยวนชิงหลิง ในราชสำนักซุบซิบอะไรบ้าง เจ้าเองก็น่าจะรู้ดี ถ้าหากว่าหยวนชิงหลิงให้กำเนิดลูกชาย….” เสียนเฟยเงียบเสียงลงแล้วไปกระซิบข้างหูเขา: “เจ้าก็อาจจะถูกเลือกให้เป็นรัชทายาท”
ตอนแรกเสียนเฟยคิดว่าอ๋องฉีไม่มีความสามารถพอที่จะชิงตำแหน่งรัชทายาท แต่เรื่องการตั้งครรภ์ของหยวนชิงหลิง ทำให้นางมีกำลังใจขึ้นมา ตอนนี้นางรู้สึกว่าเลือดกำลังสูบฉีดทั่วร่างกาย และดีใจจนเนื้อเต้น
ในราชสำนักนั้นมีเรื่องเปลี่ยนแปลงมากมาย ใครจะไปคิดว่า ฝ่าบาทจะเอาเรื่องบุตรชายมาเป็นตัวกำหนดในการแต่งตั้ง?
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “ท่านแม่ ท่านอย่างพึ่งหวังให้มากเลย เรื่องลือกันในราชสำนัก อาจจะไม่ใช่ความคิดของเสด็จพ่อก็ได้”
“เจ้าจะไปเข้าใจอะไร?” เสียนเฟยจ้องเขาเขม่น : “ถ้าพูดถึงเมื่อก่อน อาจจะใช่ แต่เจ้าคิดว่าในใจของเสด็จพ่อเจ้าจะไม่กังวลหรือ?เสด็จพ่อเจ้ามีลูกมากมาย แต่ยังไม่มีใครที่ให้กำเนิดลูกชายเลย ประชาชนเองก็คงพูดกันไม่น้อย”
และยังมีอีกประโยค ที่เสียนเฟยยังไม่พูดออกมา
ก็คือไม่ต้องสนใจว่าฝ่าบาทจะคิดอะไร ที่สำคัญก็คือในราชสำนักพูดกันว่าอย่างไร
ขอเพียงแค่พวกเหล่าขุนนางเชื่อ อย่างนั้นพวกเขาก็จะสนับสนุนอ๋องฉีเอง
และพอถึงตอนที่ต้องชิงตำแหน่ง ก็จะมีอำนาจมากพอ
เสียนเฟยไม่สนใจว่าหยู่เหวินเห้าจะมีปฏิกิริยายังไง แล้วพูดต่อ: “ครรภ์นี้จำเป็นต้องเป็นผู้ชาย แม่จะช่วยเจ้าหายา ได้ยินคนว่ากันว่ามียาตัวหนึ่งที่ได้ผลมาก เพียงแค่กินลงไป มั่นใจได้เลยว่าต้องเป็นผู้ชาย”
พอหยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็ทำหน้าเหมือนจะหัวเราะและร้องไห้: “ท่านแม่ เป็นเพียงคำเล่าลือกัน อย่าได้เชื่อมากเลย จะเป็นหญิงหรือชายนั้นถูกกำหนดไว้แล้ว อีกอย่างลูกคนแรกนั้นข้ากับชายาเองก็ไม่ได้หวังอะไร ขอแค่ให้ครรภ์ปลอดภัย”
“เหลวไหล!” เสียนเฟยทำสีหน้าไม่อยากพูดกับเขาต่อแล้ว จึงพูดขึ้น: “สรุปคือเรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่ง ข้าจะเป็นคนจัดการเอง เจ้าเพียงแค่ให้นางยอมกินเข้าไปก็พอ”
หยู่เหวินเห้ากำลังจะพูดคัดค้าน ก็พลันได้ยินเสียงจากด้านนอก บอกว่าไทเฮาเรียกเขาไปพบ
พอมาที่ตำหนักไทเฮา ที่แท้ก็เป็นเสด็จย่าที่กำลังถามหมอหลวงอยู่ บอกว่าน้ำจื่อจินนั้นค่อนข้างผิดพลาดง่าย กลัวแค่อย่างเดียวว่าครรภ์อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง จึงได้เรียกหยู่เหวินเห้าเข้าพบ เพื่อมอบยาบำรุงให้เขาเป็นกองๆ เพื่อให้เขานำกลับไปให้หมอใช้ที่จวนอ๋อง
แต่เสด็จย่าดูไม่ค่อยร้อนใจเท่าเสียนเฟย ที่ต้องการให้หยวนชิงหลิงคลอดลูกชาย แน่นอนว่าการคลอดลูกชายเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าเป็นท้องแรก แถมยังกินน้ำจื่อจินเข้าไป ถ้าสามารถรักษาครรภ์ไว้ได้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
แต่ว่า ไทเฮาก็ถามขึ้นอย่างสงสัย: “ได้ยินหมอหลวงบอกว่า คนที่กินน้ำจื่อจินเข้าไป จะทำให้มีผลต่อหัวใจและตับ ถ้าสามารถรักษาชีวิตได้ก็ถือว่าเก่งแล้ว แต่เรื่องตั้งครรภ์นั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลย”
“แต่ก็ตั้งครรภ์แล้ว” หยู่เหวินเห้าพูดยิ้มๆ
“ใช่” เสด็จย่าพูดเสียงต่ำ: “ดังนั้นข้าจึงบอกว่าถ้าท้องได้แสดงว่าเป็นพรจากสวรรค์ แต่ว่าพรนี้ถือว่าใหญ่มากเลย ดีกว่าที่นาด้วย อย่างไรถึงจะสามารถปลูกข้าวได้?ช่างเป็นพรจากสวรรค์จริงๆ เลย!”
หยู่เหวินเห้ายังพูดไม่หยุด: “ก็ไม่แน่ว่าเป็นพร เป็นเพราะความขยันของชาวนา!”
ไทเฮาหัวเราะแล้วต่อว่า: “หน้าไม่อาย!”
พอได้ฟังอะไรแบบนี้ ก็ทำให้นางรู้สึกไม่กังวลมากเท่าไหร่ พลันพูดขึ้น: “ตอนนี้นางตั้งครรภ์แล้ว ก็อย่าพึ่งสนใจว่าทำไมถึงตั้งครรภ์ได้ รักษาเด็กเอาไว้ถึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เจ้าต้องจำไว้ให้ดี อย่าบุ่มบ่าม ให้ฟังหมอหลวง ถ้าหากว่าเจ้าเล่นไม่รู้จักหยุดจนทำให้ครรภ์มีปัญหา ข้าจะตัดหูเจ้า”
หยู่เหวินเห้าเหงื่อท่วม “หลานเป็นคนอย่างนั้นหรือ?”
“ไม่สน ข้าจะกลับไปเลือกคนมาดูแลเจ้าสองสามคน เจ้าจะได้ไม่ต้องอดทน!” เสด็จย่าพูด
หยู่เหวินเห้าได้ยินดังนั้น ก็หัวเราะออกมา: “เสด็จย่า ถ้าหากท่านส่งคนไป ข้าขอรับประกันว่าไม่เกินสามวัน ลูกในท้องของพระชายาคงไม่อาจรักษาไว้ได้ เพราะนางจะโกรธจนบ้าคลั่ง”
เสด็จย่าขมวดคิ้ว “ไม่เข้าใจคนที่ขี้อิจฉาแบบนี้เลยจริงๆ ช่างเถอะ เห็นแก่ที่นางตั้งครรภ์ เจ้าอย่าไปทำให้นางโมโหล่ะ พยายามอดทนอย่างมากก็แค่หนึ่งปี รอให้นางคลอดก่อน ข้าจะเป็นคนหาสนมให้เจ้าเอาสักสามสี่คนเลย”
หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าตัวเองควรจะรีบออกจากวัง อีกอย่าง มีสนมสามสี่คนนั้นยังน้อยไป
พอหยู่เหวินเห้ากลับมาถึงจวน หยวนชิงหลิงที่ดื่มยาเข้าไป ก็พลันอาเจียนออกมา
หมอที่ฝ่าบาทเชิญมาก็ได้ตรวจดูแล้ว ครรภ์ของนางยังน่าห่วง เขากำชับหยู่เหวินเห้า ว่ายาต้องต้มทุกวัน ทุกวันต้องดื่ม แต่สำหรับการกินไม่ลง แล้วอ้วกออกมานั้น ก็ทำอะไรไม่ได้ สามารถกินได้เท่าไหร่ก็กินเท่านั้น
หยู่เหวินเห้ามองหน้านางที่อาเจียนออกจนเหมือนผักแล้ว ก็รู้สึกปวดหัวใจ พร้อมทั้งกอดนางจนไม่ยอมไปกรมพระนคร
หยวนชิงหลิงร่างกายแทบไม่มีแรง แล้วซบลงตรงขาเขา ผมเผ้ายุ่งเหยิง ปิดหน้าปิดตา แล้วพูดขึ้นด้วยแรงอันน้อยนิด: “ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร?ตั้งครรภ์มาก็ไม่ใช่สองสามวันแล้ว ก่อนหน้านี้ไม่เห็นอ้วก แต่อยู่ดีๆ กลับอ้วกออกมาอย่างหนัก”
หยู่เหวินเห้าเปิดผมนาง พร้อมกับพูดขึ้นอย่างทรมานใจ: “เจ้าดูในกล่องยาว่ามียาหรือไม่?สามารถทำให้ไม่อ้วกได้หรือไม่?”
“ยาที่ควรกิน ข้าก็กินแล้ว” หยวนชิงหลิงถอนหายใจ
“หวังว่าข้าจะสามารถทรมานแทนเจ้า” หยู่เหวินเห้าเจ็บปวดใจที่สุด
หยวนชิงหลิงยิ้ม “แค่นี้ทันจะหนักแค่ไหนกัน ตอนคลอดต่างหากถึงจะเจ็บ”
ถ้าดูจากการรักษาตอนนี้ การคลอดลูกคือการเอาเท้าเข้าไปในปรโลกแล้ว
พอยิ่งมาเจอกับครรภ์ที่ไม่ปกติ หรือพวกที่เสียเลือดมากพวกนั้น ขนาดทางรักษายังไม่มีเลย
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองเหลือเพียงครึ่งชีวิตแล้ว
หยู่เหวินเห้าเองก็ทรมานใจมาก การตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องน่าดีใจ แต่พอได้รับความกดดันจากในวัง และนอกวัง การตั้งครรภ์เป็นอะไรที่ทรมานใจมาก ความเจ็บปวดในการคลอด ทุกอย่างล้วนแต่เป็นเจ้าหยวนรับไว้คนเดียว เขารู้สึกไม่พอใจลูกคนนี้เท่าไหร่
เจ้าตัวน้อยยังไม่ออกมา ก็ทำให้แม่เจ้ารับโทษหนักขนาดนี้
“เสด็จพ่อพูดว่าอย่างไร?” หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างอิดโรย
“พระองค์ดีใจมาก ไทเฮาและเสียนเฟยต่างก็ดีใจกันหมด” หยู่เหวินเห้ารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองไม่รู้สึกดีใจเลย
หยวนชิงหลิงจึงพูดขึ้น : “ดีใจก็ดีแล้ว แต่ก็ต้องมีคนที่ไม่ดีใจ”
“ทังอยางได้ป่าวประกาศแล้วว่า ครรภ์ของเจ้าไม่ค่อยดี อีกอย่างยังมีเรื่องดีอีกหนึ่งเรื่อง พี่ใหญ่ถูกสั่งให้ออกจากเมืองหลวงแล้ว ช่วงต่อจากนี้ พวกเขาไม่มีทางปรากฏตัวแน่ เจ้าวางใจได้ ข้าจะปกป้องเจ้าอย่างถึงที่สุด”
หยวนชิงหลิงกุมมือเขา แล้วซบลงไปที่อกเขา เพื่อหาที่สบายและสามารถกอดเขาได้ “ลำบากท่านแล้ว”
“เจ้าต่างหากที่ลำบาก” หยู่เหวินเห้าลูบหน้านาง
หลังจากมีความสุขแล้ว เรื่องอลหม่านถึงจะเริ่มขึ้น
คนที่เป็นพ่อเป็นแม่นั้น ดูแล้วไม่ง่ายเลย
เช้าวันรุ่งขึ้น เขาตื่นตั้งแต่เช้า เพื่อสั่งให้คนไปเตรียมโจ๊กและน้ำจิ้มผัก หยวนชิงหลิงกินจืด ตอนนี้ไม่ว่ากินอะไรเข้าไปก็อ้วก โจ๊กน้ำจิ้มผักน่าจะทำให้นางกินได้บ้าง
พึ่งจะกลับมาจากทำงาน เขาก็เห็นหยวนชิงหลิงกอดกระโถนอ้วกอยู่ ลู่หยาที่อยู่ข้างๆ ก็ดูกังวล
เขาได้ถามหมอหลวงแล้ว ตอนที่ทำให้อ้วกง่ายที่สุดคือตอนเช้า เรียกว่า แพ้ท้อง
เขารีบเข้าไปพยุงนาง แล้วลูบหลังให้เบาๆ จากนั้นก็สั่งให้ลู่หยาไปเอาน้ำเกลือมา เพื่อให้นางได้ล้างปาก