ตอนที่ 85-2 เพลิงไหม้

หลี่เว่ยหยางกล่าวอย่างใจเย็นว่า

“เจ้าสองคนปกปิดข้ามานานแล้ว และจะทําเช่นนี้ไปอีกนานแค่ไหน? คํากล่าวของเจ้ามีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะหลงเชื่อ

หัวเป่าหยูอยู่ในฐานะอัจฉริยะด้านศิลปะการต่อสู้ และเป็นที่เลื่องลือด้าฝีมือดาบที่หายากแล้วเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถประลองดาบกับเขาเป็นเวลานานเช่นนั้นได้อย่างไร?ถ้าเจ้าเก่งขนาดนี้ฝีมือของเจ้าก็นับว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวแต่เจ้าไม่ยอมกล่าวตามความจริง?!”

คํากล่าวเหล่านี้สะท้อนเข้าไปในใจของจ้าวหยูอย่างชัดเจน นางจึงกล่าวซ้ํา ๆ ว่า:

“คุณหนู, บ่าวจะพูดความจริง, บ่าวได้รับคําสั่งให้ปกป้องคุณชายหมิ่นเต่อแต่บ่าวมิสามารถบอกได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใครเพราะถ้าบ่าวบอก…เกรงว่าบ่าวจะมิสามารถรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ได้คุณชายหมิ่นเต่อมองครักษ์ทั้งหมดสิบคน แต่เขาเลือกเราสองพี่น้องมาคุ้มครองคุณหนูเว่ยหยางทั้งหมดนี้เป็นความจริง”

ก่อนหน้านี้จ้าวหยูไม่ได้สนใจความรู้สึกของหลี่เว่ยหยางมากนัก เนื่องจากนางคิดว่าคุณหนูเว่ยหยางเป็นเพียงคุณหนูที่เก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านและไม่ประสีประสาอันใดเลยแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสาวใช้ผู้นี้จะประเป็นนายหญิงของตนเองต่ำไปส่งผลให้ตัวตนของนางก็ถูกเปิดเผยในที่สุด

ความจริงแล้วจ้าวหมูไม่ได้ผิดอันใดเลย ตั้งแต่ยังเด็กนางเติบโตในกองทัพและได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดโดยสามารถเข้าใจถึงสัญญาณแห่งอันตรายจึงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วด้วยดาบในมือของนางในตอนนั้น

สําหรับหลี่เว่ยหยางเองก็เข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นนางจึงไม่ได้ตําหนิจาวหย:

“ออกไปเดี๋ยวนี้”

จ้าวหยูไม่เข้าใจเจตนาของคุณหนูเว่ยหยางและเริ่มกลัวมากขึ้นหลังจากเห็นว่าตนเองถูกไล่ออกไปโดยนางทําได้แค่กัดฟันแน่นและยังคงอ้อนวอนต่อไป

“คุณหนู ถ้ามพอใจบ่าวแล้ว บ่าวก็ขอให้พี่จ้าวน่านคอยดูแลที่นี่แทนบ่าว! เพราะพี่ชายของบ่าวมิได้ทําอันใดผิด!”

หากเขาถูกส่งตัวกลับไปก็จะถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศและจะต้องถูกปลิดชีพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นางไม่ได้คิดว่าตนเองจะได้รับความเมตตา แต่หวังเพียงว่าจะสามารถช่วยพี่ใหญ่ของตนเองได้

“ศิลปะการต่อสู้ของพี่ใหญ่นั้นเหนือกว่าของบ่าวมากและจะสามารถปกป้องคุณหนูได้ในอนาคต!”

“ผู้ใดกล่าวว่าข้าต้องการส่งเจ้ากลับไป?” หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างเย็นชา

“คุณหนู โปรดเมตตาพี่ใหญ่ด้วย! สําหรับบ่าว …”

จ้าวหยูเงยหน้าขึ้นพร้อมกับกล่าวด้วยน้ําเสียงแห่งความเชื่อมั่น:

“คุณหนูสามารถฆ่าข่าวได้ด้วยตนเอง บ่าวยอมตาย!”

“ได้”

หลี่เว่ยหยางกล่าวตัดบทจ้าวหยู พลางยกถ้วยชาขึ้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกายแวววาวราวกับสายฝนโปรยปราย

“หากเป็นเช่นนั้นเราต้องตกลงกันก่อนว่า หากต้องการอยู่กับข้า เจ้าต้องทําตามคําสั่งของข้าโดยมิมีข้อแม้แต่หากมีวันใดที่คุณชายของเจ้าเรียกตัวเจ้ากลับหรือถ้าเจ้ามีเจตนาอื่นเจ้าต้องบอกข้าเพื่ออนุญาต”

จ้าวหยูอยู่ในอาการตกตะลึงไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขากําลังได้รับการอภัยโทษ?

ไปจ่อหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะกล่าวว่า:

“เจ้ายังมิรีบขอบคุณคุณหนูอีกหรือ?”

จ้าวหยูกล่าวอย่างเร่งรีบและรู้สึกขอบคุณอย่างมาก

“ขอบคุณ คุณหนู! ขอบคุณ คุณหนู!”

หลังจากนั้นไปจ่อได้พานางออกไปข้างนอก และพบว่าท้องฟ้าด้านนอกมืดมิดลงไปแล้ว ดังนั้นโม่ฉจึงนําโคมไฟเข้าไปด้านในและจุดเทียน ตอนนี้หลี่เว่ยหยางได้สั่งให้สาวใช้ทั้งหมดออกไปโดยเหลือเพียงนางกับโม่ฉจากนั้นหลี่เว่ยหยางได้เอ่ยถามว่า:

“คนอื่นกําลังทําอะไรอยู่?”

โม่ฉตอบว่า:

“คุณหนู, ฮูหยินใหญ่ยังอยู่ในที่พักอาศัยของนาง สําหรับคุณหนูคนอื่น ๆ กําลังรับประทานอาหารส่วนซื้อหยินเหนียงกําลังคัดลอกพระคัมภีร์ทางพุทธศาสนาและจิวหยินเหนียงกล่าวว่านางรู้สึกปวดหัวจึงเข้าไปนอนแล้ว” หลี่เว่ยหยางพยักหน้าและกล่าวว่า

“ชิวจกล่าวอันใดบ้าง?”

โม่ฉุกระซิบอย่างแผ่วเบาทันที่ :

“เมื่อคืนนี้ชิวจมาแจ้งข่าวว่า จิวหยินเหนียงได้เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าของสาวใช้ และแอบไปที่ตําหนักของฮูหยินใหญ่แต่นางมิทราบว่าพวกเขาสนทนาอันใดกันแต่หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงจิวหยินเหนียงก็กลับออกมาคุณหนูคิดว่าข่าวเหล่านี้เชื่อถือได้หรือไม่?

บ่าวมิคิดว่าชิวจจะช่วยเหลือพวกเราอย่างจริงใจ เนื่องจากคุณหนูสามให้เงินนางตั้งมากมาย แต่นางยังมิเคยนําข่าวที่เป็นประโยชน์มาให้เลย!”

หลี่เว่ยหยางหัวเราะ:

“เลี้ยงทหารพันวันสามารถใช้ประโยชน์ได้เพียงครั้งเดียว วันข้างหน้าหากเราได้ข่าวที่เป็นประโยชน์เพียงเรื่องเดียวก็นับว่าเพียงพอแล้ว”

โม่ฉไม่เข้าใจความตั้งใจของคุณหนูสามและเมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ใบหน้าของนางก็มีความกังวลใจมากขึ้นเช่นนั้นหลี่เว่ยหยางจึงกล่าวว่า:

“คืนนี้ให้จ้าวหยูอยู่เวรด้วยและเฝ้าดูทางเดินด้วยความระมัดระวัง”

ในกลางดึกทันใดนั้นเสียงกรีดร้องดังลั่นที่สามารถสั่นประสาทผู้คนก็ดังขึ้นด้วยเสียงของผู้หญิงหลายคน

เนื่องจากด้านนอกลานที่พักเกิดความสับสนวุ่นวายเป็นอย่างมาก โดยในตอนแรกห้องในปีกทิศใต้ถูกไฟไหม้และด้วยเหตุผลบางอย่างเปลวไฟก็ลุกลามอย่างรวดเร็วและที่พักทั้งหลังก็ถูกไฟลุกไหม้อย่างท่วมท้นิ ทันใดนั้นหลเว่ยหยางก็ลุกขึ้นนั่งและวิ่งรีบออกไป

แต่ผ้าม่านเตียงและตู้เสื้อผ้าถูกไฟลุกไหม่โหมกระหน่ํา ส่งผลให้ไฟนั้นลุกลามมาที่แขนเสื้อของหญิงสาวหลี่เว่ยหยางจึงกลิ้งตัวลงบนพื้นเพื่อหวังจะดับไฟที่กําลังจะเผาไหม้ตนเอง แต่มันก็แทบจะไม่สามารถดับเปลวไฟที่แขนเสื้อของนางได้

ดังนั้นเธอจึงต้องการที่จะวิ่งออกไปได้ด้านนอก แต่ใครจะคิดว่าคานไม้ที่อยู่ด้านบนได้ถล่มลงมาขวางทางออกเพียงอย่างเดียวของนางแต่ในขณะนั้นจ่าวหยได้พุ่งตัวเข้ามา ….

ตอนนี้ด้านนอกมีเสียงร้องอย่างตื่นตระหนกดังขึ้นทุกทิศทาง โดยทุกคนต่างก็รีบวิ่งไปดับเปลวไฟท่ามกลางสายลมที่โบกพัดเข้ามาโหมเปลวไฟอย่างบ้าคลั่งแต่น่าเสียดายที่ไม่มีน้ํามากพอที่จะใช้ดับไฟทําให้เปลวไฟลุกลามขึ้นอย่างรุนแรงจนสูงท่วมสถานที่ซึ่งใช้รับรองแขกแห่งนี้และเมื่อเห็นดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เปลวไฟอีกต่อไป

โดยพวกเขาทําได้เพียงเฝ้าดูเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงราวกับมังกรเพลิงที่กําลังเต้นรําอย่างบ้าคลั่งหมุนวนไปตามทิศทางของลมไม่นานต่อมาพื้นนี้บริเวณนี้ก็กลายเป็นทะเลเพลิงที่น่าหวาดกลัว

สําหรับเปลวไฟที่ลุกขึ้นนั้นได้ลุกลามไปที่ชายคาใกล้เคียง ทําให้เกิดการเผาไหม้เช่นกันจากนั้นก็ได้ยินเสียงระเบิดที่รุนแรงและชิ้นส่วนของวัสดุที่ใช้สร้างที่พักก็ตกลงมาเหมือนลูกเห็บที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและทําร้ายสาวใช้จํานวนนับไม่ถ้วนในพริบตา

ผู้คนต่างพากันแตกตื่นวิ่งหนีไฟอย่างอลหม่านและไม่มีผู้ใดกล้าเข้ามาใกล้ที่เกิดเหตุเลย ขณะที่หลี่จางเล่อพยุงมารดาที่มีสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมากเนื่องจากมีรอยแผลไหม้ที่ข้อมือของฮูหยินใหญ่

ซื้อหยินเหนียงก็กําลังมองหาบุตรสาวทั้งสองคนด้วยอาการลุกลี้ลุกลนและพบว่าใบหน้าของหลี่ฉางซีดําคล้ำไปด้วยเขม่าควันไฟส่วนทั้งตัวของหลี่ฉางเซียวก็เช่นกันแต่ใบหน้าของนางนั้นซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด

โดยจิวหยินเหนียงยังคงยืนอยู่ที่บริเวณสนามหญ้าด้วยความงุนงงราวกับว่านางไม่เชื่อในสิ่งที่ตนเองเห็นและขณะนี้มีสาวใช้กับแม่นมวิ่งออกมาพร้อมกับร้องไห้อย่างสิ้นหวัง ดังนั้นแม่นมม่จึงตะคอก:

“จะวิ่งออกมาทําไม?! ตรวจดูหรือยังว่ามีของมีค่าที่ยังสามารถขนย้ายได้อยู่หรือไม่?!”

ก่อนที่จะเกิดเหตุไปจอได้ออกไปด้านนอกเพื่อตักน้ําเพราะหลีเว่ยหยางรู้สึกกระหายน้ําและเมื่อกลับเข้ามานางก็เห็นกองเพลิงขนาดใหญ่ลุกโชนด้วยแสงที่สว่างไสวกระจายไปทุกห้องในปีกและมันลุกลามอย่างรุนแร งมากขึ้นในขณะนี้ทันใดนั้นกาน้ำชาในมือของสาวใช้ก็ร่วงหล่นลงบนพื้นและวิ่งไปจับโม่ฉเขย่าอย่างรุนแรง

“คุณหนู…อยู่ที่ไหน? คุณหนูสาม…อยู่ที่ไหน?”