บทที่ 300 หมาป่ามาแล้ว
“โอ๊ย หลิงชุนเลิกทำงานได้แล้ว นั่งลง ๆ”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะท่านป้า ข้าได้ช่วยท่านทำงานเช่นนี้ ข้าก็มีความสุขแล้วเจ้าค่ะ”
เมื่อถึงเวลาทานอาหารเย็นในวันถัดไป แม้แต่โต๊ะเล่นไพ่ของท่านป้าก็ยังถูกหลิงชุนขัดถู ทุกคนในหมู่บ้านไม่ว่าจะชาย หญิง คนแก่ หรือเด็ก ต่างก็ชื่นชมหลิงชุนไม่หยุด โดยบอกว่าใครที่ได้แต่งงานกับหลิงชุนถือเป็นคนโชคดี
จี้จือฮวนปล่อยให้นางเล่นละครต่อไป โดยให้อิสระกับนาง มองดูนางโบยบินไปทั่วราวกับตัวเองเป็นผีเสื้ออย่างไรอย่างนั้น
ระหว่างที่กินอาหารเย็น ทุกคนล้วนเอ่ยขอบคุณหลิงชุน และดื่มคารวะให้กับนาง จนนางหน้าแดงก่ำ ก่อนจะเดินเข้าไปหาจี้จือฮวนเพื่อเอ่ยขอบคุณ
“ฮูหยิน ข้าอายุน้อยไม่รู้ความ มาเยือนที่นี่เป็นครั้งแรก ขอบคุณฮูหยินที่คอยช่วยเหลือ ข้าขอคารวะฮูหยินหนึ่งจอกเจ้าค่ะ”
จี้จือฮวนมองดูเหล้าจอกนั้น ก่อนจะยิ้มออกมาน้อย ๆ “เกรงใจเช่นนี้ทำไมกัน ทุกคนล้วนเป็นคนกันเอง เป็นพี่น้อง เป็นคนในครอบครัว ครอบครัวเดียวกันไม่จำเป็นต้องเกรงใจกัน”
ทุกคนจึงตะโกนขึ้นมา “ใช่แล้ว!”
หลิงชุนยิ้มออกมาอย่างเขินอาย “คำพูดของฮูหยินข้าจำได้แล้วเจ้าค่ะ”
จี้จือฮวนรับเหล้ามาแต่กลับไม่ดื่ม เป็นหลิงชุนที่เอ่ยขึ้น “ฮูหยิน ในเมื่อท่านเอ่ยเช่นนี้แล้ว หลิงชุนก็มีเรื่องหนึ่งอยากจะเสนอกับท่านเจ้าค่ะ”
“เจ้าพูดมาได้เลย”
“คืออย่างนี้เจ้าค่ะ ข้าเห็นว่าตอนนี้เรามีคนเพียงพอแล้ว ไม่สู้ให้พวกเราที่เป็นญาติทหารผลัดเปลี่ยนกันไปส่งมื้อดึกให้ทหารที่อยู่เวรยาม ท่านว่าทำเช่นนี้ดีหรือไม่เจ้าคะ?”
แน่นอนว่าจี้จือฮวนไม่ปฏิเสธ “วิธีนี้ไม่เลว ในเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจกันแล้ว เช่นนั้นก็จัดแบ่งเวลาให้ดี”
“ขอบคุณฮูหยินเจ้าค่ะ” หลิงชุนใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกลับไปนั่งที่ดังเดิม
จี้จือฮวนถอนหายใจออกมาอย่างเงียบ ๆ ไม่ใช่ว่านางไม่ให้โอกาส แต่มีคนรนหาที่ตายเอง ในเมื่อร้อนใจจนทนไม่ไหวเพียงนี้ นางจะทำให้อีกฝ่ายผิดหวังได้อย่างไรกัน
หลังจากกินข้าวเสร็จ คนหมู่บ้านตระกูลเฉินก็ช่วยกันล้างจานตามปกติ หลังจากเก็บของเรียบร้อยก็พากันเข้านอน
วันนี้หลิงชุนเป็นคนเสนอให้ครอบครัวทหารแบ่งกันไปส่งมื้อค่ำ ย่อมต้องรับหน้าที่เป็นกลุ่มแรก นางมองดูครอบครัวของเผยยวนพูดคุยและส่งเสียงหัวเราะระหว่างเดินขึ้นเนินเขา รอยยิ้มจึงได้ปรากฏขึ้นที่มุมปากของนาง
ก็นึกว่าจะมีความสามารถเพียงใด แค่คำพูดของนางไม่กี่ประโยคก็สามารถโน้มน้าวได้แล้ว?
หลิงชุนได้ใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าคนเหล่านี้จะโอ้อวดเกี่ยวกับจี้จือฮวนอย่างไร โอ้อวดว่าไม่มีอะไรที่จี้จือฮวนทำไม่ได้ ทว่าสุดท้ายก็ถูกนางจูงจมูกได้อยู่ดี
หลิงชุนกำลังรอเวลา
รอจนกระทั่งทุกครอบครัวดับเทียนกันหมดแล้ว กองทัพทหารเกราะเหล็กกำลังจะเปลี่ยนเวรยาม หลิงชุนก็ลุกขึ้นมาสวมเสื้อผ้า จับมือครอบครัวทหารที่มีหน้าที่ส่งมื้อค่ำ ไปที่หน้าเตาขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านนอกด้วยกัน วางขนมเปี๊ยะที่นึ่งเสร็จแล้วลงในตะกร้าไม้ไผ่ พร้อมกับถือโคมไฟเล็ก ๆ เดินไปข้างหน้า
ลมในตอนกลางคืนพัดพาความร้อนจากเตามาด้วย ทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่นจนรู้สึกง่วงงุน และไม่มีใครพูดอะไร
ตอนที่หลิงชุนเดินผ่านเรือนหลังเล็ก จึงตั้งใจโยนเนื้อและกระดูกที่เหลือจากมื้อเย็นให้กับสุนัขเหล่านั้น
“ข้าก็นึกสงสัยอยู่ว่าเจ้าเก็บกระดูกเหล่านี้เอาไว้ทำไม”
หลิงชุนหัวเราะออกมา “ข้าเห็นว่าสุนัขเหล่านี้น่ารักดี กระดูกนั่นทิ้งไปก็เสียของเปล่า ๆ”
“ไปเถอะ หนาวจัง ส่งเสร็จแล้วจะได้รีบกลับมานอน”
“อืม”
แสงของเทียนส่องให้เห็นเงาของคน จนกระทั่งทุกอย่างรอบตัวกลับสู่ความสงบ ทันใดนั้นเงาดำเงาหนึ่งก็ปรากฏขึ้นบนถนนสายเล็ก ๆ
เงาดำนั้นไม่ได้เข้าทางประตูหน้า แต่กลับพลิกตัวเข้าไปในลานบ้านอย่างคล่องแคล่วและแผ่วเบา ในมือกำอาวุธลับสองสามชิ้นเอาไว้แน่น เมื่อเห็นว่ารอบ ๆ บริเวณเงียบสงัด ไม่มีแม้กระทั่งเสียงสุนัขเห่า จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ก่อนเดินไปที่ห้องใหญ่อย่างรวดเร็ว
หลังผลักประตูเข้าไป เงาดำนั้นก็ตรงไปที่เตียง มองไปบนเตียงที่นูนขึ้นมา แล้วเอ่ยเรียกเสียงเบา “ท่านหญิง!”
แต่ทันทีที่เอ่ยจบ ก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติทางด้านหลัง
“ที่แท้ก็เป็นเจ้านี่เอง” เสียงของสตรีที่เย็นชาดังขึ้นจากด้านหลัง รูขุมขนทั่วร่างกายของเงาดำนั้นพลันลุกชันขึ้นมา
ในห้องที่มืดสลัว มีแสงเทียนสว่างไสวขึ้นในฉับพลัน
คนผู้นั้นค่อย ๆ หันหน้ากลับมา จ้องมองจี้จือฮวนที่นั่งอยู่ตรงนั้นราวกับเห็นผีก็มิปาน
ที่เท้าของนางมีสุนัขเฝ้าประตูสองตัวนอนอยู่ ท่าทางดุร้ายก่อนหน้านี้หายไปจนสิ้น มันแลบลิ้นอยู่ข้าง ๆ จี้จือฮวน กำลังเพลิดเพลินกับการถูกลูบขนบราวนี่ออนไลน์
“ดึกดื่นป่านนี้เหตุใดฮูหยินถึงมาอยู่ที่นี่เล่าเจ้าคะ?” น้ำเสียงของหญิงสาวแฝงไปด้วยความตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าการที่จี้จือฮวนอยู่ที่นี่ในเวลานี้เหนือความคาดหมายของนางจริง ๆ
จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ “ก็รอเจ้าน่ะสิ”
“ท่านสงสัยข้าตั้งแต่เมื่อใด?”
จี้จือฮวนได้ยินดังนั้นก็สงบนิ่งเป็นอย่างมาก “ถ้าไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ตัวตนของตนเองก็อย่าทำสิ เจ้าให้หลิงชุนคอยออกหน้า ยุยงให้นางทำเรื่องต่าง ๆ แทนเจ้า ข้าสงสัยเจ้าก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”
ได้ยินดังนั้นสตรีผู้นั้นก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะเลิกผ้าคลุมหน้าขึ้น นางก็คือหงซิ่วที่มาพร้อมกับหลิงชุน
น่าเสียดายที่นางไม่เป็นที่สนใจ หากไม่ใช่เพราะคนในกลุ่มพูดถึงนาง ก็คงไม่มีใครจำได้ว่ามีคนผู้นี้อยู่
แม้แต่ตัวนางเองก็คิดว่าการที่หลิงชุนทำตัวเป็นที่สนใจเช่นนี้ คนอื่นต้องไม่มีทางสังเกตเห็นนางอย่างแน่นอน
หงซิ่วหัวเราะออกมาเบา ๆ ใบหน้าไหนเลยจะยังมีความตื่นตระหนกและขี้ขลาดอยู่อีก นางจ้องจี้จือฮวนเขม็ง “ดังนั้นเจ้าจึงตั้งใจล่อข้ามาที่นี่ เพื่อต้องการจับเต่าในไห*อย่างนั้นหรือ?”
* จับเต่าในไห (瓮中捉鳖) หมายถึง สิ่งที่จะจับอยู่ภายใต้การควบคุมอยู่แล้ว จึงจับได้ง่ายมาก
“ข้าเพียงขุดหลุม จะโดดลงมาหรือไม่เป็นเรื่องของเจ้า” จี้จือฮวนไม่ได้ยอมรับและไม่ได้ปฏิเสธ วันนี้ไม่ว่าคนที่มาจะเป็นใคร หากคิดจะพาเซี่ยฉงฟางไปจากที่นี่ ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ
หงซิ่วหรี่ตาลง “ฮูหยินคิดว่าแค่ท่านคนเดียวจะสามารถขวางข้าได้อย่างนั้นหรือ?”
“ขวางเจ้าได้หรือไม่เป็นเรื่องของข้า เจ้าจะลองดูก่อนก็ได้” จี้จือฮวนปรายตามองออกไปนอกประตู “ประตูอยู่ตรงนั้น เจ้าไม่สามารถพาเซี่ยฉงฟางไปจากที่นี่ได้ แม้แต่ตัวเจ้าเองก็อย่าหวังว่าจะหนีไปได้”
หงซิ่วพลิกข้อมือ “เช่นนั้นคงทำได้เพียงล่วงเกินฮูหยินแล้ว วันนี้ข้าต้องออกไปให้ได้” เอ่ยจบนางก็โจมตีจี้จือฮวนทันที
ท่าร่างของนางแปลกประหลาดและคล่องแคล่วอย่างมาก ตอนที่นางหมุนตัวกลับมา เป้าหมายในการโจมตียังคงไม่เปลี่ยนแปลง เทียนได้ดับลงนานแล้วเพราะกำลังภายในที่นางซัดออกมาขณะที่เคลื่อนไหวไปด้วย ในค่ำคืนที่มืดมิด อาศัยความรู้สึกของตัวเองในการโจมตีคู่ต่อสู้
จี้จือฮวนนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เห็นได้ชัดว่าไม่มีทีท่าว่าจะตอบโต้
ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น หงซิ่วก็ไม่มีทางปล่อยนางไปเด็ดขาด
การเคลื่อนไหวของนางรวดเร็วอย่างมาก ทุกการเคลื่อนไหวก็เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ท่าร่างก็ยิ่งแปลกประหลาด ทว่าน่าเสียดาย ขณะที่ฝ่ามือกำลังจะซัดโดนใบหน้าของจี้จือฮวน ร่างสองร่างก็กระโดดลงมาจากคานบ้าน ชักกระบี่ยาวออกมาและเริ่มสู้กับหงซิ่ว
ภายในห้องที่เดิมคับแคบและมืดมิด ตอนนี้ล้วนเต็มไปด้วยฝุ่นที่ลอยคละคลุ้ง ทุกกระบวนท่านั้นรุนแรงมากจนสามารถเตะก้อนดินขึ้นมาจากบนพื้นได้ เตียงที่ตั้งอยู่ก่อนหน้านี้พลิกคว่ำไปนานแล้ว ทำให้สุนัขสองตัวที่อยู่แทบเท้าจี้จือฮวนเห่าขึ้นมาด้วยความตกใจ
ตรงกันข้ามกับตัวต้นเรื่องที่ยังคงสงบนิ่ง จนกระทั่งหงซิ่วรู้ว่าไม่สามารถเอาชนะได้ และต้องการจะพุ่งตัวออกไปด้านนอก ก็มีตาข่ายร่วงลงมาจากกลางอากาศและคลุมนางเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ข้าขอเตือนว่าเจ้าเคลื่อนไหวให้น้อย ๆ หน่อยจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นอีกเดี๋ยวพิษก็จะแล่นเข้าหัวใจแล้วจะตายอย่างน่าอนาถเอานะ” ไป๋จิ่นที่ยืนอยู่ตรงกำแพงเอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ
หงซิ่วหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะพบว่าการหมุนเวียนเลือดของนางเริ่มติดขัดจริง ๆ และในตาข่ายนี้ก็มีหนามซ่อนอยู่ด้วย
ซูอิ่งกับเฟยซิงเดินออกไปจากห้องแล้ว ในที่แห่งนี้คนเดียวที่ยังคงสงบนิ่งอยู่ก็คือจี้จือฮวน แม้แต่ผมของนางก็ยังไม่กระดิกสักนิด
หงซิ่วจ้องนางเขม็ง ราวกับรับไม่ได้ที่ตัวเองโดนหลอก
“เจ้ามันต่ำช้า!”
“นี่เรียกว่าการทหารไม่เบื่อหน่ายกลอุบาย” จี้จือฮวนเอ่ยแก้ไขอย่างใจเย็น
.
.
.