บทที่ 301 ไม่เก็บไว้แม้แต่คนเดียว

หงซิ่วเอ่ยอย่างดูแคลน “เจ้าจะฆ่าก็ฆ่า หากข้าตะโกนแม้เพียงประโยคเดียว นับว่าข้าเป็นคนขี้ขลาด”

“ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าข้าล้วนพูดเช่นนี้ แต่ไม่เห็นคนไหนจะตายจริง ๆ เลย” จี้จือฮวนปรบมือ ซูอิ่งที่อยู่ด้านนอกจึงลากเซี่ยฉงฟางที่นอนเป็นผักเข้ามา มีจื่อเยว่ที่ถูกมัดมือมัดเท้าและถูกปิดปากเอาไว้เดินตามหลังมาด้วย

หงซิ่วเห็นพวกนาง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที

“ท่านหญิง!” นางกัดฟันกรอด ก่อนจะหันไปเอ่ยด้วยเสียงเคียดแค้น “จี้จือฮวน เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก กล้าทำเช่นนี้กับท่านหญิงอย่างนั้นหรือ”

“คืนนี้ข้ามีเวลามากมายที่จะเล่นกับเจ้า หากเจ้าไม่บอกเกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเจ้ามาดี ๆ ล่ะก็ ข้าจะลงโทษเซี่ยฉงฟางแทน”

จี้จือฮวนปัดฝุ่นที่เสื้อคลุมออก “ลงมือเถอะ คนบางคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา อย่างไรซะก็ไม่ได้จัดการเซี่ยฉงฟางมาระยะหนึ่งแล้ว จะปล่อยให้นางนอนสบาย ๆ ได้อย่างไรกัน ใช่หรือไม่?!”

หงซิ่วเห็นพวกเขานำงูตัวหนึ่งโยนไปบนร่างของเซี่ยฉงฟาง ก็ตะคอกด้วยความโมโหออกมาทันที “เจ้าคิดว่าใช้วิธีสกปรกทำร้ายท่านหญิงแล้ว ตัวเองจะได้เป็นนายหญิงของกองทัพทหารเกราะเหล็กอย่างนั้นหรือ? เจ้าซื้อใจคนเป็นแต่ไม่มีทางได้รับการสนับสนุนจากองครักษ์ลับของพวกเราไปตลอดกาล!”

จี้จือฮวนเคยคิดมาว่าคนเหล่านี้อาจจะถูกส่งมาจากราชสำนัก หรืออาจเป็นศัตรูของเผยยวน แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นองครักษ์ลับที่มีข่าวลือว่าอยู่ภายใต้การควบคุมของเซี่ยฉงฟาง

จี้จือฮวนหยิบตราพยัคฆ์องครักษ์ลับที่เผยยวนเคยมอบให้นางออกมาจากถุงเงินที่ห้อยอยู่ที่เอว

เมื่อมองดูหงซิ่วที่มีสีหน้าเคียดแค้นอีกครั้ง จี้จือฮวนก็กุมตราพยัคฆ์ไว้ในมือแน่น

“พวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ยังคู่ควรเรียกตนเองว่าเป็นองครักษ์ลับของกองทัพทหารเกราะเหล็กอีกอย่างนั้นหรือ เจ้าเป็นสุนัขของตระกูลเซี่ยแล้ว ขี้ขลาดตาขาว ยังจะวิ่งมาเห่าหอนที่นี่อีกอย่างนั้นหรือ?” จี้จือฮวนสะบัดแส้ออกไป

หงซิ่วถูกเฆี่ยนจนกลิ้งไปมาบนพื้น ก่อนจะยิงธนูส่งสัญญาณที่เตรียมไว้ที่ข้อมือขึ้นไปบนฟ้า นางคนเดียวไม่สามารถช่วยท่านหญิงได้ แต่คนขององครักษ์ลับทั้งหมดกำลังซุ่มอยู่ด้านนอก ตอนนี้นางถูกจับได้แล้ว จึงทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่พวกเขาเท่านั้น

แต่ขณะที่ธนูส่งสัญญาณกำลังพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ก็ถูกอาวุธลับยิงสกัดจนตกลงมาบนพื้น ดวงตาของหงซิ่วเบิกกว้าง

จากนั้นประตูที่เดิมลงกลอนเอาไว้ก็ถูกถีบออก ด้านนอกภายใต้แสงคบเพลิง เผยยวนสวมเสื้อคลุมสีดำ แววตาเย็นชามองผ่านร่างของหงซิ่วไป จนทำให้นางตัวสั่นไปทั้งร่าง

“นำตัวคนทั้งหมดเข้ามา”

ด้านนอก คนชุดดำคนอื่น ๆ ที่ถูกมัดไว้บนพื้นก็ถูกลากเข้ามา และเหวี่ยงลงไปอยู่ที่เดียวกับหงซิ่ว

เรื่องมาถึงขั้นนี้ หงซิ่วก็เข้าใจได้ในทันทีว่าการเคลื่อนไหวขององครักษ์ลับของพวกนาง ล้วนถูกเผยยวนกับจี้จือฮวนจับตามองอยู่ นี่เป็นเพียงฉากบังหน้าเพื่อจะจับเต่าใส่ไหก็เท่านั้น

และเผยยวนยังจับพวกเขาด้วยตัวเองอีกด้วย

หงซิ่วมองดูสถานการณ์ตรงหน้า ก่อนจะตะโกนขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านแม่ทัพ ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือเจ้าคะ! ท่านถูกนางปีศาจผู้นี้หลอกแล้วกระมัง ท่านหญิงต่างหากที่เป็นแม่แท้ ๆ ของท่าน นางจะทำร้ายท่านได้อย่างไรกัน ทุกอย่างที่นางทำไปก็เพื่อท่าน เพื่อกองทัพทหารเกราะเหล็กของเรานะเจ้าคะ!”

เผยยวนไม่สนใจนาง หลังจากที่ท่านพ่อตาย องครักษ์ลับก็แทบจะถูกควบคุมด้วยน้ำมือของเซี่ยฉงฟาง ตั้งแต่ที่เขาพบว่าองครักษ์ลับมีการรายงานเรื่องของเขาให้กับเซี่ยฉงฟาง เขาก็ไม่ให้องค์รักษ์ลับติดตามข้างกายอีก แต่อย่างไรเสียตระกูลเผยก็เป็นคนสร้างพวกเขาขึ้นมา เผยยวนก็ไม่อาจจะละทิ้งพวกเขาเช่นนี้ได้

แต่สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว จวนยงอ๋องได้รับการตรวจสอบจากราชสำนัก เซี่ยอวินถูกจับ เซี่ยฉงฟางถูกพาตัวมาที่นี่ คนที่เป็นแกนนำของพวกเขาไม่มีอีกแล้ว ยังกล้ามาชิงตัวคนอีก

องครักษ์ลับเหล่านี้เห็นเขาอยู่ในสายตาเมื่อใดกัน? เกรงว่าในใจและในสายตาพวกเขาคงมีเพียงเซี่ยฉงฟางเท่านั้น

ซูอิ่งทนกับเจ้าพวกองครักษ์ลับงี่เง่าเหล่านี้มานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาชอบกำจัดคนที่เห็นต่าง เกรงว่าคนที่ยังจงรักภักดีต่อนายท่านอยู่คงจะถูกกำจัดไปหมดแล้ว ในบรรดาคนที่ถูกจับในวันนี้จึงไม่มีคนที่เขาคุ้นเคยเลย

“บอกมา พวกฉางเหริ่นอยู่ที่ใด”

“พวกเขาไม่เชื่อฟังนายหญิงย่อมต้องถูกลงโทษ ท่านแม่ทัพ ท่านอย่าลืมบุญคุณที่ท่านหญิงเลี้ยงดูท่านมาสิเจ้าคะ อย่างไรซะจวนยงอ๋องก็เป็นตระกูลของท่านตาของท่าน ท่านจะใจร้ายทำเช่นนี้กับตระกูลเซี่ยได้อย่างไรกัน”

“หุบปาก เซี่ยฉงฟางทำร้ายท่านแม่ทัพสองคนพ่อลูก มีสิทธิ์อะไรขึ้นมาเป็นนายหญิงของกองทัพทหารเกราะเหล็ก พวกเจ้าตาบอดไปแล้ว แม้แต่คนที่ควรจงรักภักดีด้วยก็ยังแยกแยะไม่ได้!”

พวกซูอิ่งคิดเอาไว้นานแล้ว ค่ายองครักษ์ลับไม่มีข่าวคราวมานานเพียงนั้น เกรงว่าผู้ที่ภักดีต่อท่านแม่ทัพคงตายไปหมดแล้ว ส่วนพวกที่เหลือก็ทรยศตระกูลเผยไปนานแล้ว

ตั้งแต่ตอนที่เผยเกอยังอยู่ เซี่ยฉงฟางก็อยากจะยึดค่ายองครักษ์ลับนี้อยู่แล้ว จึงส่งคนของตัวเองเข้าไปแทรกซึมอยู่ไม่น้อย ทั้งซื้อตัว ไม่ก็บีบบังคับ หากไม่ใช่เพราะมีผู้นำที่ภักดีต่อเผยเกออยู่ เกรงว่าคงล่มสลายไปตั้งนานแล้ว

หลังจากเผยยวนเกิดเรื่อง เซี่ยฉงฟางก็ปราบปรามพวกเขาอย่างหนัก คนที่ยังอยู่ล้วนกลายเป็นสุนัขของตระกูลเซี่ย ปากพูดถึงกองทัพทหารเกราะเหล็ก แต่ในใจเคยคิดว่าตัวเองเป็นองครักษ์ลับของกองทัพทหารเกราะเหล็กจริง ๆ เมื่อใดกัน?

เกรงว่าที่วันนี้บุกมาช่วยเซี่ยฉงฟาง คงเป็นราชสำนักกับจวนยงอ๋องสมรู้ร่วมคิดกัน แจ้งที่อยู่ของเซี่ยฉงฟางให้พวกเขารู้ ส่วนจวนยงอ๋องเป็นดั่งแมลงร้อยขา ตายก็ไม่ล้ม ยังคิดที่จะให้เซี่ยฉงฟางกลับไปควบคุมอีกอย่างนั้นหรือ?

ส่วนพวกที่เนรคุณเหล่านี้ ไม่สามารถแยกแยะได้แม้กระทั่งเจ้านายของตัวเอง สมควรได้ชื่อว่าเป็นกองทัพทหารเกราะเหล็ก เป็นองครักษ์ลับของกองทัพทหารเกราะเหล็กอย่างนั้นหรือ?

ช่างเป็นเสนียดหูจริง ๆ! ในเมื่อเป็นสุนัขของตระกูลเซี่ยก็อย่ามาเสแสร้งทำเป็นจงรักภักดี ตนเองภักดีต่อเจ้านายคนใดเกรงว่าในใจก็คงรู้ดี

ตอนที่เผยยวนนอนเป็นผัก พวกเขาอยู่ที่ใด? ตอนนี้กลับกล้ามาตักเตือน ฟังแล้วนางรู้สึกอยากจะอาเจียนจริง ๆ

“จะพูดมากไปทำไมกัน พวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคาเช่นนี้ฆ่าทิ้งให้หมด”

จี้จือฮวนมองไปที่ตราพยัคฆ์ขององครักษ์ลับในมือ พลางกุมเอาไว้อย่างเงียบ ๆ นับจากนี้ไปโลกนี้ไม่ต้องการองครักษ์ลับของกองทัพทหารเกราะเหล็กอีกแล้ว

นางเป็นคนที่มีสิทธิ์ตัดสินใจในเรื่องนี้มากที่สุด คนที่มีสายเลือดของตระกูลเผยคือนาง คนที่ควรชี้เป็นชี้ตายของกองทัพทหารเกราะเหล็กก็คือนาง

และเผยยวนก็เป็นผู้ชายของนาง ใครรังแกผู้ชายของนาง ก็ต้องขอโทษด้วย นางเป็นคนรักพวกพ้อง เพราะฉะนั้นจึงไม่คิดจะเก็บคนพวกนี้เอาไว้แม้แต่คนเดียว

หงซิ่วไม่คิดว่าจี้จือฮวนจะมีความสามารถเพียงนี้ นางมองไปทางเผยยวน เขาเป็นถึงหย่งกวานโหว จะปล่อยให้สตรีผู้หนึ่งสอดมือเข้ามายุ่งกับกิจการภายในของกองทัพทหารเกราะเหล็กของเขาจริง ๆ อย่างนั้นหรือ? สามีที่เชื่อฟังภรรยาเช่นนี้จะควบคุมกองทัพได้อย่างไร?

หงซิ่วหาได้สนใจจี้จือฮวนไม่ สตรีที่รู้จักแต่การทำอาหารในหมู่บ้าน ก็แค่เห็นแก่ที่ตอนนี้เผยยวนตกที่นั่งลำบากอยู่ก็เท่านั้น หากกลับเมืองหลวงแล้วนางมีสิทธิ์อะไรมาเป็นฮูหยินของเขากัน?

ทว่าเมื่อจี้จือฮวนเอ่ยจบ ทั้งลานบ้านก็ไม่มีใครโต้แย้งที่นางพูดแม้แต่คนเดียว

ตั้งแต่ตอนที่องครักษ์คนแรกถูกนำตัวออกไปสังหาร จนมาถึงคนต่อไป

หงซิ่วมองเผยยวนด้วยความตื่นตระหนก “ท่านแม่ทัพ เหตุใดท่านถึงปล่อยให้สตรีผู้นี้มีอำนาจตัดสินใจได้เล่าเจ้าคะ!”

เผยยวนมองหงซิ่วที่ขัดขืนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “อย่าว่าแต่นางมีอำนาจตัดสินใจกับค่ายองครักษ์ลับเลย ต่อให้นางต้องการกองทัพทหารเกราะเหล็ก นางก็ชอบด้วยเหตุผลแล้ว”

“ไม่! ไม่!” หงซิ่วถูกลากตัวออกไป และหลิงชุนก็ถูกคนพากลับมา

หลิงชุนมีสถานะพิเศษ แม้นางจะเป็นครอบครัวของกองทัพทหารเกราะเหล็กก็จริง แต่กลับถูกคนอื่นหลอกใช้งาน ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเป็นที่ที่ไม่ควรไป ก็ยังยอมช่วยคนอื่นสืบข่าว คนเช่นนี้จะเก็บเอาไว้ในหมู่บ้านตระกูลเฉินไม่ได้ การให้คนส่งตัวกลับไปซีเป่ยก็ถือว่าจี้จือฮวนเห็นแก่พี่ชายที่ตายไปของนางมากแล้ว

.

.

.