บทที่ 244 ไปเอาโฉนดทางการ

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 244 ไปเอาโฉนดทางการ

บทที่ 244 ไปเอาโฉนดทางการ

บางทีนี่อาจเป็นครั้งแรกที่ฉินเย่จือได้นั่งกินข้าวบนโต๊ะ ยกเว้นตอนที่เขากินและนอนอยู่ข้างนอก ตอนนี้เมื่อเห็นพี่น้องถือชามมานั่งข้างนอก พูดคุยขณะทานอาหาร ฉินเย่จือจึงเกิดความรู้สึกอิจฉาขึ้นมา

หลังจากที่ทุกคนกินเสร็จแล้ว กู้เสี่ยวหวานก็ไล่ฉินเย่จือออกไปอีกครั้ง

วันนี้นางกำลังจะเข้าไปในเมืองหลิวเจีย ส่วนกู้หนิงผิงและกู้เสี่ยวอี้อยู่ที่บ้าน ไม่ทราบที่มาของคนผู้นี้ ดังนั้นจึงไม่วางใจ

กู้เสี่ยวหวานผลักฉินเย่จือออกจากประตู และฉินเย่จือก็ถูกผลักออกไปโดยที่ยังไม่ได้วางชามข้าวในมือ

“รอก่อน รอก่อน แม่นางกู้ ชาม ชาม!” ฉินเย่จือรีบกล่าวออกมาขณะที่เขาถูกผลักออกไป

กู้เสี่ยวหวานหยิบชามจากเขาแล้วยื่นให้กู้หนิงผิง “เจ้ารีบไปเถอะ!”

ฉินเย่จือพูดไม่ออก ในช่วงเวลานี้ ทุกครั้งที่เขามาตรงเวลาอาหาร หลังจากกินข้าวเสร็จก็จะถูกแม่นางผู้นี้ไล่ออกไป กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาก็ไม่ต่างอะไรจากขอทานเลยใช่หรือไม่?

ฉินเย่จือมองดูเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยขี้เถ้าและรูที่ถูกปะเย็บ เมื่อมองไปที่กู้เสี่ยวหวานที่ปฏิเสธคนออกไปหลายพันลี้*[1] ก็ถอนหายใจ “ฉินเย่จือ เจ้าก็มีวันเช่นนี้ด้วยสินะ!”

เมื่อฉินเย่จือถูกผลักออกไปพ้นประตู กู้เสี่ยวหวานจึงลงกลอนประตูรั้ว แต่ฉินเย่จือไม่ได้ไปไหน เขายืนอยู่ในที่ที่ค่อนข้างซ่อนเร้นเพื่อไม่ให้ชาวบ้านคนอื่นค้นพบเขา แต่ยังสามารถเห็นสถานการณ์ของครอบครัวกู้ได้

กู้เสี่ยวหวานเข้าไปในครัว ส่วนกู้หนิงผิงกำลังทำความสะอาดจาน

นางอธิบายให้เขาฟังสองสามคำ โดยบอกว่าจะไปทำอะไรในเมือง บอกให้เขาดูแลน้องสาวให้ดี จากนั้นจึงเดินทางไปที่เมืองหลิวเจีย

ฉินเย่จือให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวของกู้เสี่ยวหวาน เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังจะออกไป เขาก็บอกอาโม่สองสามประโยค และตามหลังกู้เสี่ยวหวานไปที่เมืองหลิวเจีย

กู้เสี่ยวหวานเข้าเมืองในวันนี้อย่างมีความสุขมาก วันนี้โฉนดที่ดินห้าสิบหมู่น่าจะแล้วเสร็จ นางจึงกำลังจะไปบ้านข่งฟางเพื่อไปเอาโฉนดที่ดิน เมื่อคิดว่าตั้งแต่นี้ไปนางจะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่สามารถบรรยายถึงความตื่นเต้นในใจของตนเองได้

เช่นเดียวกับคนสมัยใหม่ที่ซื้อบ้าน บ้านมาพร้อมความรู้สึกปลอดภัย

ตอนนี้กู้เสี่ยวหวานมีที่ดินแล้ว นางก็มีความรู้สึกปลอดภัยเช่นกัน

มาดูกันว่าในอนาคต ใครจะกล้ารังแกพวกเขาที่ไม่มีพ่อแม่อีก

เมื่อมาถึงเมืองหลิวเจีย กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้ตรงไปที่นั่นโดยตรง แต่ไปที่ร้านขนมเพื่อซื้อขนม จากนั้นจึงไปที่บ้านของข่งฟาง

ในวันนั้นนางตกลงกับข่งฟางไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นอีกสามวันก็ไปบ้านเขาเพื่อเอาโฉนดที่ดิน กู้เสี่ยวหวานมาที่บ้านของข่งฟาง เด็กหญิงเคาะประตู จากนั้นข่งฟางก็ออกมา

กู้เสี่ยวหวานรีบส่งขนมในมือให้ข่งฟาง “ท่านลุงข่ง ข้าซื้อขนมมาให้ลองชิม”

เมื่อข่งฟางรับไป ในใจของเขาก็รู้สึกมีความสุขมาก ถึงแม้ขนมนี้จะมีค่าไม่มาก แต่แม่นางผู้นี้ก็เป็นคนที่ซื่อตรง

ฉินเย่จือมาถึงที่เปลี่ยวไร้ผู้คน เดินไปยังที่ที่เขาสามารถสังเกตการณ์ทั้งสองคนได้โดยไม่มีใครเห็น และให้ความสนใจกับการเคลื่อนไหวที่นี่อย่างระมัดระวัง

“แม่นางกู้ ข้ารอเจ้าแต่เช้า ข้าคิดแล้วว่าเจ้าจะมาที่นี่แต่เช้าอย่างแน่นอน” ข่งฟางกล่าวอย่างมีความสุข

กู้เสี่ยวหวานก็ตื่นเต้นเช่นกัน วันนี้นางจะได้โฉนดที่ดิน “ท่านลุงข่ง ที่คุยไว้ว่าวันนี้จะจัดการเรื่องโฉนดเสร็จ ข้ายิ่งมาเร็วเท่าไรก็ยิ่งได้รับมันเร็วเท่านั้น”

“อย่างนั้น อย่างนั้น…” ข่งฟางกล่าวอย่างเร่งรีบ แล้วรีบเชิญกู้เสี่ยวหวานนั่งลง และตัวเขาก็เข้าไปในห้องด้านใน

เมื่อเขาออกมาก็มีกระดาษสองสามแผ่นอยู่ในมือ และมอบให้กู้เสี่ยวหวาน “นี่ แม่นางกู้ นี่เป็นโฉนดทางการ”

กู้เสี่ยวหวานรับมันไว้ในมือ มีโฉนดทางการอยู่หน้าโฉนดส่วนตัวและมีตราประทับสีแดงของทางการ ในเอกสารระบุว่าที่ดินเป็นของกู้เสี่ยวหวาน เมื่อดูเอกสารนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ตื่นเต้นมากจนมือสั่นระริก

เมื่อข่งฟางเห็นท่าทางตื่นเต้นของกู้เสี่ยวหวาน เขาก็กล่าวอย่างมีความสุข “แม่นางกู้ ต่อจากนี้ไปที่ดินห้าสิบหมู่จะเป็นชื่อของแม่นาง แม่นางจะทำการเพาะปลูกเองหรือให้คนอื่นเช่าก็ได้ ถ้าแม่นางอยากให้ผู้อื่นเช่า ข้าก็สามารถหาผู้เช่าให้แม่นางได้”

“จริงหรือเจ้าคะ?” กู้เสี่ยวหวานแปลกใจเล็กน้อย นางสงสัยว่าต้องติดประกาศข้างนอกหรืออย่างไร จะบอกทุกคนได้อย่างไรว่านางจะให้เช่าที่ดิน นางไม่เคยคิดว่าข่งฟางจะช่วยนางได้

“แน่นอน เพราะข้ารู้จักผู้คนมากมายและคนกว่าครึ่งในเมืองหลิวเจียก็เป็นคนชรา ใครอยากเช่าที่ดิน ข้าไปถามก็รู้แล้ว ย่อมดีกว่าแม่นางที่ไม่ค่อยรู้จักกับผู้คนในเมืองมากนัก” ข่งฟางกล่าว แม่นางผู้นี้เป็นคนมีเหตุผลมากกว่าหญิงในเมืองนี้มากนัก นางไม่มีความคิดแคบ ๆ แบบสาวชาวบ้านเลย ข่งฟางพอใจมาก คิดว่าถ้าเขาสามารถช่วยแม่นางผู้นี้ได้ มันคงเป็นเรื่องที่ดี

“เช่นนั้นก็คงต้องรบกวนท่านลุงข่งแล้ว” กู้เสี่ยวหวานไม่ได้ปฏิเสธความปรารถนาดีของข่งฟาง เดิมทีนางคิดว่าวันนี้แค่มาเอาโฉนดที่ดิน และมาหาข้อมูลว่าจะให้เช่าที่ดินได้อย่างไร แต่คราวนี้โชคดีนักเพราะสามารถเบาแรงไปได้อีกมาก และความช่วยเหลือจากข่งฟางก็คงจะดีเช่นเดิม

“เป็นเรื่องปกติน่ะ เจ้าอุดหนุนกิจการของข้า ข้าก็ควรจะมีน้ำใจกับเจ้าบ้าง” นี่เป็นครั้งแรกที่ข่งฟางได้ติดต่อกับลูกค้าที่เด็กเช่นนี้ แต่ก็ดีกว่าติดต่อกับลูกค้าผู้ใหญ่ทั้งหลายเสียอีก

“ใช่แล้ว ท่านลุงข่ง ข้าอยากขอให้ช่วยข้าสักเรื่อง” ทันใดนั้นกู้เสี่ยวหวานก็นึกอีกสิ่งหนึ่งได้และกล่าวอย่างเร่งรีบ

“เรื่องอะไรหรือ? ไม่มีปัญหา!”

“เรื่องเป็นเช่นนี้ ท่านลุงข่ง ในอนาคตถ้าผู้ใดต้องการขายที่ดินใกล้กับที่ดินของข้า รบกวนท่านรีบมาบอกข้าก่อนนะเจ้าคะ”

“แม่นางยังต้องการซื้อที่ดินอยู่อีกหรือ?” ดวงตาของข่งฟางเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินคำพูดของกู้เสี่ยวหวาน

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและพยักหน้า “เจ้าค่ะ ถ้าอยู่ในบริเวณโดยรอบที่ดินของข้า ข้าล้วนต้องการซื้อที่ดินเหล่านั้น” กู้เสี่ยวหวานวางแผนที่จะรวมที่ดินเป็นผืนเดียวกันและสร้างคฤหาสน์ เมื่อเวลานั้นนางจะสร้างหมู่บ้านและจ้างคนงานระยะยาวและคนงานระยะสั้นเพื่อปลูกพืชไร่เหล่านี้โดยตรง

ข่งฟางดีใจมากเมื่อได้ยิน “เอาล่ะ ๆ แม่นางกู้ อย่ามองเพียงว่าเจ้าอายุน้อย แต่จริง ๆ แล้วแม่นางเป็นคนที่ทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่! ไม่ต้องกังวลไป ในอนาคตหากมีที่ดินผืนอื่นขายอีก ข้าจะรีบบอกแม่นางเป็นคนแรก แต่ถ้าแม่นางไม่ซื้อ ข้าจะหาทางอื่น”

“เจ้าค่ะ อย่างนั้นก็รบกวนท่านลุงข่งแล้ว” กู้เสี่ยวหวานยิ้มและประสานมือคำนับ ข่งฟางไปส่งกู้เสี่ยวหวานที่ประตูแล้วจึงกล่าวคำอำลา

*[1] แปลว่า ปฏิเสธผู้อื่นอย่างหนักแน่น หรือไม่มีที่ว่างสำหรับการเจรจา