บทที่ 324 ปะทุออกมา

บทที่ 324 ปะทุออกมา

“หมายความว่าไม่เชื่อว่าผมจะชนะได้เลยสินะครับ” อู๋ฝานตอบกลับอย่างเรียบเฉย ขณะเปลี่ยนเกียร์อย่างชำนาญ “เมื่อกี้เห็นคุณออกหน้าพูดแทนผมขนาดนั้น นึกว่าจะเชื่อมั่นในตัวผมซะอีก”

ถังอวี่เฟยหน้าแดงขึ้นมา “ถ้าไม่มีนักแข่งรถเกษียณตัวเองสองคนมาเข้าร่วม ฉันคงเชื่อแน่ค่ะ แต่ว่า…”

ความหมายของถังอวี่เฟยชัดเจน เธอเชื่อว่าอู๋ฝานจะสามารถเอาชนะคนอื่นได้ แต่หากเทียบกับหานเป่าฟางกับไช่หงแล้ว ความเชื่อมั่นนั้นยังมีไม่มากพอ

“เชื่อว่าผมเอาชนะคนอื่นที่เหลือได้ก็ถือว่าดีมากแล้วละครับ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “แต่ผมกลัวว่าคุณจะเดาผิดไป ที่ไม่เชื่อว่าผมจะเอาชนะสองคนนั้นได้”

“คุณมั่นใจว่าจะชนะเหรอคะ?” ถังอวี่เฟยถามกลับด้วยความประหลาดใจ เพราะท่าทีของอู๋ฝานไม่มีวี่แววล้อเล่นแม้แต่น้อย

“เดี๋ยวก็รู้ครับ!” จบคำ อู๋ฝานก็เหยียบคันเร่งหนักมากขึ้น รถจึงวิ่งแหวกสายลมถีบตัวออกไป

ตอนนี้การแข่งขันเพิ่งเริ่มต้นขึ้น ถนนยังคงเป็นเส้นตรง ดังนั้นรถทุกคันที่เข้าร่วมจึงยังมีระยะห่างกันไม่มาก ทว่าหานเป่าฟางและไช่หง รถของทั้งสองก็แสดงศักยภาพที่เหนือกว่า รวมถึงเทคนิคการขับขี่ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่า ขณะนี้กำลังโลดแล่นอยู่แถวหน้าของบรรดารถทั้งหมด เป็นการบ่งบอกและแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่มีใครรู้สึกประหลาดใจ ทั้งสองอย่างไรก็เป็นอดีตนักแข่งรถมืออาชีพกันมาก่อน พวกเขานำหน้า ย่อมไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ อีกทางหนึ่ง รถคันอื่นก็มีการแข่งขันในแบบของพวกเขา พวกเขาเข้าร่วมเพราะสนุกกับความเร็วถึงขีดสุดที่รถตนเองสามารถเทียบกับคู่แข่งได้ แซงให้คู่แข่งรู้สึกเจ็บใจเล่น แม้พวกเขารู้ว่าสุดท้ายไม่อาจชนะการแข่งนี้ แต่เรื่องราวระหว่างการแข่ง มันก็ยังชวนตื่นเต้นเร้าใจ

และตอนนี้เองที่รถของอู๋ฝานกำลังแทรกตัวเข้ามาจากบรรดารถทั้งหลาย กระทั่งไล่ตามหลังสองคันที่เป็นจ่าฝูง

รถของอู๋ฝานค่อนข้างโดดเด่นในหมู่รถหรูจำนวนมาก หลายคนที่เห็นรถคันนี้ บรรดาผู้เข้าร่วมจากเจียงโจวไม่แสดงความประหลาดใจอะไรออกมาแล้ว แต่คนจากเมืองหลิว หลังเห็นรถของอีกฝ่าย พวกเขาก็ไม่คิดแสดงความเป็นมิตรกันออกมา

ก่อนหน้านี้คนจากเมืองหลิวไม่ชอบหน้าอู๋ฝาน ที่ทำราวกับไม่เห็นคู่แข่งจากเมืองหลิวเช่นพวกเขาในสายตา ทั้งยังกล่าวว่าตนเองสามารถคว้าเอาชัยชนะของการแข่งมาครอบครองได้ ทุกการกระทำไม่มีอะไรที่คนจากเมืองหลิวชอบเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้ เมื่อเห็นรถของอู๋ฝาน พวกเขาจึงพร้อมเข้ามาใกล้โดยไม่ลังเล

อู๋ฝานเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วมากขึ้น ทว่ารถที่อยู่ตรงหน้ากลับลดความเร็วลงเพื่อขวางทางชายหนุ่มเอาไว้ ราวกับคิดจะปล่อยให้ชนซะด้วยซ้ำไป ถังอวี่เฟยที่นั่งตรงข้างคนขับ ตอนนี้ส่งเสียงกรีดร้องหวาดกลัวออกมา

ทว่าอู๋ฝานเพียงแค่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หันพวงมาลัยไประดับหนึ่ง ก่อนจะขึ้นไปตีเสมอรถคันหน้าที่ลดความเร็วลงมา ขณะที่รถของเขานั้นไม่มีทีท่าจะลดทอนความเร็วลงแม้แต่น้อย

“ทำฉันกลัวแทบตายแล้วนะคะ! นึกว่าจะชนแล้ว” ถังอวี่เฟยพูดออกมาด้วยเสียงหัวใจเต้นรัว ภาพเมื่อครู่ยังคงฝังในหัว

แต่เมื่อถังอวี่เฟยที่เพิ่งพูดจบ รถคันข้าง ๆ กลับเลี้ยวอย่างกะทันหัน เบียดเข้าหาจากทางด้านข้าง เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมชน หากความเร็วของอู๋ฝานยังไม่เปลี่ยน รถทั้งสองจะต้องชนกันอย่างไม่อาจเลี่ยงได้

ถังอวี่เฟยที่เพิ่งวางใจได้ครู่หนึ่ง กลับต้องกรีดร้องออกมาอีกครั้ง

“ไม่ต้องร้องครับ ไม่เป็นไร” อู๋ฝานตอบกลับอย่างเฉยชา

อู๋ฝานไม่ได้เลือกที่จะปะทะกับรถคันอื่น ไม่ใช่เพราะกลัวอีกฝ่าย แต่ด้วยระดับความแข็งแกร่งของรถที่เขากำลังขับ อย่าพูดถึงรถซิ่งน้ำหนักเบาเหล่านี้เลย ต่อให้เป็นรถถังพุ่งเข้ามาปะทะ มันก็อาจสร้างความเสียหายต่อรถของเขาได้ไม่มาก ชายหนุ่มจึงไม่กลัวการถูกชน เพียงแค่มองว่าจะปล่อยให้เกิดขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องดี

อีกฝ่ายก็แค่ปลาซิวปลาสร้อย ไม่คู่ควรให้ต้องงัดกำลังด้วยถึงขนาดนั้น

เท้าของอู๋ฝานเหยียบเร่งความเร็วมากขึ้น รถคันข้างเคียงที่คิดว่ารถของชายหนุ่มไม่น่าจะเร็วไปกว่านี้แล้ว และจะต้องชนปะทะอย่างแน่นอน กลับพบว่ารถของอีกฝ่ายกลับแหวกอากาศจนสายลมกรีดร้องพุ่งทะยานออกไป ระหว่างรถทั้งสองที่เคยขนาบข้างกัน กลายเป็นรถของอู๋ฝานขึ้นนำหน้า จนกระทั่งเริ่มทิ้งระยะห่างที่ยากจะไล่ตามได้ทัน

“เป็นไปได้ยังไง? รถของมันเร่งความเร็วกะทันหันที่ความเร็วสูงขนาดนี้ได้ยังไง?” ชายหนุ่มในรถคันเมื่อครู่ กำลังจ้องไฟท้ายรถของอู๋ฝาน พร้อมอุทานออกมาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น

รถของอีกฝ่ายก็เป็นรถหรูระดับแถวหน้า ศักยภาพนั้นไม่ใช่อะไรที่ต้องสงสัย ความเร็วที่กำลังวิ่งอยู่ก็เป็นความเร็วที่สูงมากแล้ว แต่ก่อนจะรู้ตัว รถของอู๋ฝานกลับไม่ได้ลดความเร็วถอยกลับไปอยู่ด้านหลัง แต่ถีบตัวออกไปอยู่ด้านหน้า หมายความว่าถึงเขาเลือกที่จะเร่งความเร็ว ทว่าผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่ารถของชายหนุ่มสามารถเร่งความเร็วจนเหนือกว่าได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเกิดขึ้นภายในระยะเวลาสั้น ๆ

ชายหนุ่มคนนั้นมองรถของตัวเอง ก่อนจะมองรถของอู๋ฝานด้วยสีหน้าสับสนและสงสัย แต่หลังงุนงง มันก็ถูกแทนที่ด้วยความริษยา

ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งยังเป็นคนที่ชอบเล่นและสะสมรถยนต์ มีหรือเขาจะไม่ชอบรถที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัดแบบนั้น? แต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสคว้าเอามันมาเป็นของตนเอง เพราะกรณีนี้ มันไม่ใช่เพียงแค่มีเงินก็สามารถคว้าเอามาได้

อู๋ฝานในตอนนี้ไม่ใส่ใจกับความคิดของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย เขากำลังมีสมาธิไปกับรถของตนเอง แซงซ้าย แซงขวา และถีบตัวไปอยู่ด้านหน้าของรถทั้งหลาย เพื่อเริ่มขึ้นไปเป็นจ่าฝูงทีละนิด

ส่วนทางด้านถังอวี่เฟย เธอกำลังจับที่นั่งเอาไว้แน่น สายตาร้อนรนกำลังมองตรงไปด้านหน้า เพราะคำอธิบายก่อนหน้านี้ของอู๋ฝาน รวมกับการที่เธอไม่กล้าที่จะรบกวนสมาธิของอีกฝ่าย ทำให้ไม่อาจที่จะส่งเสียงอะไรออกมา แม้ในใจจะร่ำร้องจนแทบตายแล้วก็ตาม

“ทำไมไม่พูดอะไรแล้วล่ะครับ?” เมื่อเห็นถังอวี่เฟยไม่พูดอะไรมาสักพัก อู๋ฝานก็อดไม่ได้ที่จะเป็นฝ่ายถาม

“ไม่ใช่คุณเหรอคะที่ห้ามฉันส่งเสียง?” ถังอวี่เฟยตอบกลับมาด้วยความประหม่า “ฉันกลัวจะรบกวนสมาธิของคุณด้วยค่ะ”

“ขอแค่ไม่ใช่เสียงกรีดร้องเหมือนเมื่อกี้ก็พอแล้วครับ” อู๋ฝานหัวเราะตอบ “อีกอย่างพวกเราก็หลุดจากกลุ่มรถส่วนใหญ่มาได้แล้ว ด้านหน้าเหลือแค่สองคัน สถานการณ์ตอนนี้เลยค่อนข้างสงบแล้วครับ”

ถังอวี่เฟยมองรอบด้าน พร้อมได้พบว่าเป็นเรื่องจริง

ตอนนี้รถของทั้งสองอยู่ลำดับที่สามของการแข่งขัน คันอื่นที่เหลือไล่ตามอยู่ด้านหลัง ข้าง ๆ ซ้ายขวาไม่มีรถอื่นสักคัน

เมื่อเห็นดังนี้ ถังอวี่เฟยก็พูดด้วยอาการตื่นเต้นออกมา “อาจารย์อู๋ ไม่นึกเลยนะคะว่าคุณจะขับรถได้ยอดเยี่ยมถึงขนาดนี้ ถ้าไม่มีสองคนนั้น วันนี้คุณต้องชนะได้แน่ค่ะ”

ถังอวี่เฟยที่เคยสงสัยฝีมือการขับรถของอู๋ฝานมาก่อน ตอนนี้ได้รับชมทุกกระบวนการและสถานการณ์ปัจจุบันด้วยตัวเองที่อู๋ฝานสามารถแซงขึ้นมานำหน้าคันอื่น แม้ในใจเธอยังค่อนข้างกังวล แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดนับถือฝีมือขับรถของชายหนุ่มขึ้นมา

“หมายความว่ามีสองคนนั้นแล้วไม่มั่นใจว่าผมจะเอาชนะงั้นสินะครับ?” อู๋ฝานตอบกลับ “ต่อให้มีสองคนนั้น ผมก็ยังเอาชนะได้อยู่ดี!”

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ อู๋ฝานอาจมีความไม่มั่นใจอยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาได้รับความมั่นใจมามากพอแล้ว หลังการแข่งขันความเร็วทางตรง มันทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยกับการแข่งรถขึ้นมา กระทั่งว่าสามารถซิ่งรถได้ด้วยใจที่สงบซะด้วยซ้ำ

และตอนนี้ รถของเขาก็ยังไม่ได้แสดงศักยภาพอันสูงสุดออกมา

ตรงหน้าก็เพียงแค่อดีตนักแข่งรถมืออาชีพสองคน อู๋ฝานมั่นใจว่าสามารถนำหน้าอีกฝ่ายได้

ตอนที่ถังอวี่เฟยได้ยินคำพูดของอู๋ฝาน เธอก็มองรถสองคันทางด้านหน้า จากนั้นก็หันกลับมามองอีกฝ่าย เธอที่เดิมไม่เชื่อว่าเขาจะสามารถเอาชนะได้นั้น ความคิดดังกล่าวกำลังเริ่มสั่นคลอน

หรือบางที อู๋ฝานอาจเอาชนะได้จริง ๆ?