ตอนที่ 266 ชีวิตมีความหมาย

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 266 ชีวิตมีความหมาย

วันเวลาหลังจากนั้น

หลินเยวียนสัมผัสได้ถึงลมฝนครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในเดือนธันวาคม ในกองถ่ายถึงขั้นมีหลายคนถกเถียงเกี่ยวกับวงการดนตรีในเดือนธันวาคม ขณะที่หลินเยวียนกำลังกินอาหารกลางวัน ถึงกับได้ยินคนคุยกันว่าตนเองซื้อใครอันดับที่เท่าไหร่…

นักพนันมีอยู่ทั่วทุกที่จริงๆ

แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ว่าทุกคนจะวางเดิมพันอย่างไร ผู้ที่มุ่งมาดปรารถนาถึงชัยชนะก็ไม่สามารถกำหนดอนาคตได้ ในขณะที่ความสนใจและการถกเถียงของทุกคนร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปลายเดือนพฤศจิกายนก็กำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว

วันที่ 30 พฤศจิกายน

สำหรับวงการเพลงหลังจากฉินฉีผนวกรวมกันแล้ว ค่ำคืนนี้เป็นราตรีอันยาวนาน ไม่อาจข่มตาหลับ หลายคนนั่งรออยู่หน้าคอมพิวเตอร์ รอจนถึงเวลาเที่ยงคืน โดยเฉพาะผู้ขึ้นประลองในสังเวียนเดือนธันวาคม

ตัวอย่างเช่นราชาเพลง!

ในฐานะราชาเพลงที่มีผู้คนพูดถึงว่ามีโอกาสคว้าแชมป์มากที่สุด เฟ่ยหยางตั้งตารอให้ช่วงเวลานี้มาถึงมากกว่าใคร เพราะฉะนั้นสายตาของเขาจึงจับจ้องอยู่ที่มุมขวาล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา และในที่สุดก็เป็นเวลา 11:59 น. แล้ว!

“จะเริ่มแล้ว”

เฟ่ยหยางตื่นตัวขึ้นมา

เมื่อนาฬิกาปลุกที่เขาตั้งไว้ตอนเที่ยงคืนดังขึ้น เฟ่ยหยางเปิดโปรแกรมเล่นเพลงในทันที เป็นหนึ่งในโปรแกรมเล่นเพลงที่ดีไม่ว่าจะในแง่ของแหล่งกำเนิดเสียงหรือคุณภาพเสียง ทว่าในหน้าแรกของโปรแกรมเล่นไม่ได้แนะนำเพลงใดเพลงหนึ่ง แต่กลับขึ้นหัวข้อว่า

‘มหาสงครามเทพเซียน!’

ถึงแม้ว่าหัวข้อจะเบียวไปสักหน่อย แต่ก็ต้องบอกว่าตรงกับความคาดหวังที่ผู้คนมีต่อเพลงใหม่ในเดือนธันวาคมมาก กดตามเข้าไปในแบนเนอร์ก็สามารถเห็นเพลงใหม่ของราชาราชินีเพลงที่เพิ่งปล่อยออกมาได้แล้ว เพลงที่ครองอันดับหนึ่งก็คือเพลง ‘โลกใหม่’ ซึ่งเป็นความร่วมมือของเฟ่ยหยางและอิ่นตง!

โลกใหม่!

ชื่อของเพลงนี้ ใช้อนาคตในการผนวกรวมของบลูสตาร์เป็นพื้นหลัง กล่าวได้ว่ายิ่งใหญ่มากทีเดียว ด้วยเสียงของเฟ่ยหยาง บทเพลงนี้ไม่ว่าจะเป็นพลังและท่วงทำนองจึงไร้ที่ติ!

นี่เป็นอันดับในโปรแกรมเล่นเพลง

จุดหนึ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ แม้แต่โปรแกรมเล่นเพลงนี้ก็ยังเชื่อมั่นในทีมเฟ่ยหยางและอิ่นตงมากที่สุด ดังนั้นจึงทำให้เพลงอยู่ในหัวข้ออันดับต้นๆ ในแง่หนึ่ง การจัดอันดับของหัวข้อนี้เป็นต้นกำเนิดที่แท้จริงของปรากฏการณ์การวางเดิมพันในครั้งนี้

เมื่อกดเล่น

เฟ่ยหยางสวมหูฟัง ฟังเพลงของตนเองอีกรอบหนึ่ง ราวกับเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ เมื่อฟังจบแล้วเฟ่ยหยางก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ หลังจากนั้นก็กดชื่อของผลงานซึ่งอยู่ในอันดับสอง ซึ่งก็คือผลงานจากความร่วมมือของไห่ถังและเยี่ยจือชิว

ชื่อเพลง: ‘เติบโต’

แค่ฟังชื่อเพลงก็ได้แรงบันดาลใจแล้ว

ในสายตาของเฟ่ยหยาง นี่เป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดในมหาสงครามครั้งนี้ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็มีแรงเสริมจากพ่อเพลง ถึงแม้ระหว่างพ่อเพลงด้วยกันจะมีการแบ่งแยกระดับความสามารถ ทว่าความแตกต่างก็ไม่ได้นับว่ามากนัก เพราะฉะนั้นเมื่อได้ฟังเพลงนี้ สีหน้าของเฟ่ยหยางจึงเคร่งขรึมไป

“ทำนองเป็นระเบียบมาก…”

“ไวโอลินเข้ากัน…”

“จัดการเสียงเพอร์คัสชันได้ประณีตมาก เบาซ์กับความละเอียดยอดเยี่ยมมาก สมแล้วที่เป็นไห่ถัง เสียงสูงระดับนี้จัดการได้อย่างง่ายดาย ถึงกับเป็นลูกคอแล้ว ออดิโอแทร็กน้อยขนาดนี้ก็ยังทำออกมาได้ยอดเยี่ยมมาก”

คนทั่วไปฟังเพลงก็เพียงแค่ฟังทำนอง

ปกติยามเฟ่ยหยางฟังเพลงก็เป็นเช่นนั้น แต่ในตอนนี้เขากลับทนไม่ไหว ต้องฟังไปวิเคราะห์ไป เยี่ยจือชิวถึงอย่างไรก็เป็นพ่อเพลง เพลงระดับนี้ไม่ได้คณามือเขาหรอก ฉะนั้นระหว่างที่เฟ่ยหยางกำลังวิเคราะห์ ในใจยังคงไม่รู้สึกผ่อนคลาย จนกระทั่งฟังจบเพลง

“เหมือนว่าของฉันจะดีกว่านะ”

เฟ่ยหยางประเมินด้วยท่าทีไม่แน่ใจ

ของอย่างเพลงนั้นไม่มีทางตัดสินจากความเห็นส่วนตัวเพียงอย่างเดียว ไม่เช่นนั้นนักร้องหลายคนก็คงไม่ต้องโด่งดังกันพอดี เช่นเดียวกับสายตาของนักแสดงเมื่อเลือกบทก็สำคัญเช่นเดียวกัน สายตาของนักร้องในการเลือกบทเพลงมาขับร้องก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จของนักร้องเช่นเดียวกัน ยามที่เพลงสองเพลงไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เฟ่ยหยางจึงทำได้เพียงตัดสินคร่าวๆ เท่านั้น

ทว่าสิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจก็คือ

เมื่อเฟ่ยหยางเปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นของทั้งสองเพลง เพื่อดูว่าผู้คนประเมินว่าอย่างไร ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเพลงเพิ่งปล่อยไปได้ไม่กี่นาที ถ้าหากเป็นรายการทั่วไป เพลงปล่อยออกไปเพียงไม่กี่นาที ไม่มีทางมีคอมเมนต์ถล่มทลายได้หรอก แต่นี่คือเดือนธันวาคมอย่างไรล่ะ!

คนที่ฟังเพลงออนไลน์นั้นมีมากมาย!

ดังนั้นในพื้นที่แสดงความคิดเห็นของเฟ่ยหยาง จำนวนคอมเมนต์จึงทะลุห้าพันไปได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกัน ความคิดเห็นของเพลงเติบโตก็ทะลุสี่พันไปแล้ว และเมื่อเฟ่ยหยางเลื่อนดูไปได้ราวสิบนาที ในที่สุดรอยยิ้มผ่อนคลายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า!

ดูเหมือนว่าเสียงตอบรับของเพลงโลกใหม่จะดีกว่า!

นี่คือข้อสรุปที่เขาได้จากข้อมูลความคิดเห็นและเสียงตอบรับโดยละเอียดจากชาวเน็ต ถึงแม้ว่าจะยังรับประกันไม่ได้ แต่ก็ใกล้เคียงมากแล้ว ในตอนนี้เฟ่ยหยางก็สามารถเอนกายพิงเก้าอี้และถอนหายใจด้วยความโล่งอกได้ในที่สุด

“ลองฟังที่เหลือดูหน่อยซิ”

เพลงที่สามและสี่เป็นผลงานของกูตู๋และโม่โม่ตามลำดับ แม้ว่าเฟ่ยหยางจะรู้สึกว่าโอกาสที่ตนจะพลาดพลั้งนั้นมีน้อยเหลือเกิน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องยืนยันไว้ก่อน ปรากฏว่าเมื่อฟังทั้งสองเพลงจบ เฟ่ยหยางก็ยิ่งรู้สึกโล่งใจขึ้นไปอีก

“ฉันชนะแล้ว!”

ร่างกายของเฟ่ยหยางคลอนเล็กน้อย จากนั้นก็ดันแผ่นหลังจนติดพนักพิง เท้าขวาพาดอยู่บนต้นขาซ้าย มือขวากดไปยังเพลงที่ห้าอย่างไม่ใส่ใจ นี่คือเพลงตะวันฉายที่ราชาเพลงหลานเหยียนปล่อยในฤดูกาลนี้

“อ๊า..อา…อาอ๊าอาอ่า~”

เสียงเพลงดังผ่านหูฟังมาระลอกหนึ่ง เสียงเบสสลับกับกีตาร์ ตามมาด้วยจังหวะกลองที่ไม่หนักหน่วงนัก และเฟ่ยหยางซึ่งผ่อนคลายร่างกายอย่างเต็มที่ ตื่นตัวขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้ ก่อนที่เขาจะได้สติกลับมา อินโทรก็จบลงแล้ว

หลังจากนั้น

เสียงของหลานเหยียนซึ่งมั่นคงและก้องกังวานก็ดังขึ้น “ต่อให้โชคชะตามีผิดหวังต่อให้โชคชะตาล้มลุกคลุกคลานต่อให้โชคชะตานั้นทำให้เธอเธอมองชีวิตไม่มีความหมาย อย่าได้ร้องไห้ไป อย่าเพิ่งยอมถอดใจ ฉันคนนี้ยินดีอยู่ข้างเธอตลอดไป!”

เฟ่ยหยางนั่งเหยียดหลังตรงโดยไม่รู้ตัว

แต่เพราะขาขวากดขาซ้ายอยู่ ซึ่งหมายถึงเขานั่งไขว่ห้างอย่างเต็มที่ ทำให้ไม่สามารถเหยียดตัวตรงได้ในทันที ในตอนนั้นบทเพลงก็เข้าสู่ท่อนที่สองของคอรัส บทเพลงเดียวกัน ปลุกเร้าความตื่นเต้นเหมือนกัน และเต็มอิ่มเหมือนกัน

หางคิ้วเริ่มคันยุบยิบ

นิ้วก้อยของเฟ่ยหยางเกาหางคิ้ว มีเพียงมือที่สั่นเล็กน้อยจนแทบสังเกตไม่เห็น ทว่าความรู้สึกในใจของเขากลับขยายใหญ่ขึ้นไม่รู้กี่เท่า

ขาทั้งสองข้างของเขาคลายออกจากกันในที่สุด

ร่างกายก็ผละออกจากเก้าอี้

ในตอนนี้เพลงตะวันฉายบรรเลงเข้าสู่ท่อนเวิร์ส เสียงกลองก็ฟังดูราวกับเสียงบรรจุกระสุนปืน จู่ๆ เฟ่ยหยางก็นึกโยงไปถึงความรู้สึกยามถูกปืนจ่อหน้าผาก มันเป็นความรู้สึกไม่อาจบรรยายได้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดเหลือเกิน

สัญลักษณ์ ‘♪’ นับไม่ถ้วนกำลังวนเวียนอยู่รอบตัวเขา

เสียงของหลานเหยียนยังคงหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเฟ่ยหยางผ่านตัวโน้ตเล็กๆ เหล่านี้ แววตาของเฟ่ยหยางแลดูสับสน ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปในชั่วพริบตา

ขณะเดียวกันนั้นเอง

เฟ่ยหยางก็สัมผัสได้ว่า เมื่อเสียงเพลงนี้ดังขึ้น คล้ายกับว่ามีบางอย่างกำลังค่อยๆ เลือนรางไป และขยับห่างออกจากตนมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนจากผ่อนคลายกลับมาเป็นเคร่งขรึมอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นงุนงง

ต่อให้โชคชะตามีผิดหวัง…

ต่อให้โชคชะตาล้มลุกคลุกคลาน…

ต่อให้โชคชะตานั้นทำให้เธอมองชีวิตไม่มีความหมาย…

ไม่รู้ว่าท่อนคอรัสดังขึ้นเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้ว จู่ๆ เฟ่ยหยางก็เข้าถึงเนื้อเพลง ความรู้สึกเข้าถึงนี้มาจากท่วงทำนองในท่อนจบคอรัสในภาษาฉี ออกมาเป็นประโยคอันแสนเรียบง่าย

“ชีวิตนั้นมีความหมาย”

เฟ่ยหยางคิดว่าสมเหตุสมผลมาก รู้สึกเพียงว่าการแข่งขันที่เรียกว่ามหาสงครามเทพเซียนนั้นกลายเป็นไร้ความหมายขึ้นมา ต่อให้เนื้อเพลงด้านหลังจะร้องว่า ‘อย่าได้ร้องไห้ไป อย่าเพิ่งยอมถอดใจ’ ก็ยังไม่สามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บกะทันหันของเฟ่ยหยางได้

“ครั้งนี้…โดนแล้ว”

ใบหน้าของเฟ่ยหยางเริ่มหม่นลง สายตาคู่นั้นจับจ้องไปยังสองคำด้านหลังคำว่าเนื้อร้อง/ทำนอง

เซี่ยนอวี๋

และขณะที่เฟ่ยหยางกำลังจะสติแตกอยู่นั้นเอง

ในห้องสักห้องหนึ่ง เฉินจื้ออวี่กำลังถอดหูฟังออกอย่างสบายอารมณ์ ผิวปากไปพลาง ให้อาหารปลาในตู้ปลาของตนไปพลาง

เหยื่อนั้นเป็นเหยื่อสด

หนอนไม่ทราบสายพันธุ์สามสี่ตัวหล่นลงในตู้ปลา ปลาของเฉินจื้ออวี่คล้ายกับว่าจะได้กลิ่น จึงรีบปรี่เข้ามากินหนอนนกรสเลิศซึ่งอยู่ใกล้ที่สุดไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็มองไปยังเจ้าหนอนตัวกระจ้อยซึ่งมีโอกาสได้เล่นน้ำ ดิ้นรนพยายามหนีเป็นเฮือกสุดท้าย รอยยิ้มผุดบนใบหน้า ราวกับพึงพอใจในความอยากอาหารของปลาในวันนี้

“กินเลย”

“กินให้หมด”

เฉินจื้ออวี่กระซิบคอยเชียร์ให้เจ้าปลากินเข้าไปจนจุใจ “ตายเรียบแน่!”

………………………………………………..