ตอนที่ 86-2 นอนด้วยกัน

ฮูหยินใหญ่พยักหน้าและมองไปที่หลี่เว่ยหยางอย่างเคร่งขรึมขณะที่ริมฝีปากของหลี่เว่ยหยางเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เย็นชาซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากก้นบึงของหัวใจนาง จากนั้นแม่นมหลินได้เอ่ยถามอย่างเร่งรีบ:

“ที่พักถูกไฟไหม้หมดแล้ว คืนนี้เราจะทําอย่างไรดี?”

เจ้าอาวาสครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า:

“มีเรือนรับรองหลังเล็กอยู่ทางด้านหลัง แต่อาตมากลัวว่าจะเล็กไปสําหรับพวกท่าน”

ฮูหยินใหญ่ส่ายหัว:

“มิมีผู้ใดอยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ดังนั้นการมีที่พักก็ดีเกินพอแล้วมิฉะนั้นเราทุกคนคงจะต้องลงจากเขากลางดึกอย่างไรก็ตามสาวใช้ได้รับบาดเจ็บหลายคนข้าหวังว่าเจ้าอาวาสจะรีบเชิญท่านหมอโดยเร็ว”

“มีท่านหมออยู่ในวัด อาตมาได้สั่งให้คนไปตามมาแล้วฮูหยินหลี่สบายใจได้”

เจ้าอาวาสยกมือลบซากปรักหักพังแล้วถอนหายใจ

“อะ…อะไรกัน? เราต้องนอนห้องเดียวกันสามคนเลยหรือ?”หลี่ฉางซีพูดติดอ่าง

“ใช่! ฮูหยินและคุณหนูใหญ่อยู่ในห้องเดียวกันส่วนซื่อหยินเหนียงกับจิวหยินเหนียงอยู่อีกห้องสําหรับคุณหนูห้า,คุณหนูสีและคุณหนูสามก็อยู่อีกห้องหนึ่ง…พวกท่านจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น”

แม่นมหลินยิ้มอย่างเย็นชาขณะที่นางกล่าวเช่นนั้น

“เป็นไปได้ยังไง? ข้าไม่อยากอยู่ห้องเดียวกับนาง! ข้ามิยอม”

หลี่ฉางซีไม่สามารถลืมความเจ็บปวดของตนเองได้ดังนั้นนางจึงเริ่มประท้วงด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อแม่นมหลินเห็นสถานการณ์นี้จึงชักชวนนาง:

“คุณหนูหาเรื่องนี้เกิดขึ้นโดยมิคาดคิด ดังนั้นจึงมิสามารถตําหนิผู้ใดได้ฮูหยินใหญ่เหนื่อยมากแล้วดังนั้นคุณหนูโปรดอย่าทําให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่”

แน่นอนว่าหลี่ฉางซีไม่ต้องการสร้างปัญหาให้มากขึ้นแม้กระนั้นนางก็ยังคงยืนกรานปฏิเสธที่จะอยู่ห้องเดียวกับหลี่เว่ยหยาง

โดยสิ่งสําคัญคือห้องนั้นมีขนาดเล็กและคับแคบเช่นนั้นการเข้าพักเพียงสองคนก็นับว่าพอ…แล้วจะมีคนที่สามได้ยังไง?!

หลี่เว่ยหยางใช้หางตาเหลือบมองอย่างเย็นชาราวกับว่ามิมีอันใดเกี่ยวข้องกับตนเอง ขณะที่ซื่อหยินเหนียงลดเสียงของนางเพื่อโน้มน้าวหลื่ฉางซีแต่นางก็ไม่ยอมฟังสําหรับหลี่ฉางเซียวนางทําได้เพียงมองไปยังหลี่เว่ยหยางด้วยแววตารู้สึกผิดแทนน้องสาว

นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณหนูสามจะถูกทิ้งไว้โดยไม่มีที่อยู่ใช่หรือไม่? แม่นมหลินค่อนข้างสับสน:

“ซื่อหยินเหนียง ท่านมีความคิดเห็นอย่างไร?”

ตอนนี้ยังทําอะไรได้บ้าง?

แม่นมจะมีสิทธิ์กล่าวอันใดได้เพราะแม้แต่มารดาผู้ให้ของหลี่ฉางซีเองนางยังไม่สนใจที่จะฟัง จากนั้นช่วง เวลาหนึ่งความไม่สงบก็เริ่มเกิดขึ้นในหมู่ทุกคน แต่ทันใดนั้นจิวหยินเหนียงก็กล่าวขึ้น

“เช่นนั้นซื้อหยินเหนียงคงจะสามารถอยู่กับคุณหนูทั้งสองได้ แต่ขากลัวว่าคุณหนูสามจะต้องทนทุกข์ทรมานหากต้องอยู่ห้องเดียวกันกับข้า”

“นี่…” แม่นมหลินมองไปที่หลี่เว่ยหยาง ขณะที่ไปจอโพล่งออกมา:

“จะเป็นไปได้อย่างไร? ผู้ใดเคยได้ยินเรื่องคุณหนูอยู่ร่วมห้องกับหยินเหนียงบ้าง?”

“ไปจอ! แต่หยินเหนียงไม่สามารถใช้ห้องร่วมกับฮูหยินใหญ่ได้”

แม่นมหลินเดือนสาวใช้ ทําให้ไปจ่อต้องกลืนคํากล่าวที่กําลังจะกล่าวออกไป

แน่นอนว่ามารดาและบุตรสาวสามารถอยู่ร่วมห้องกันได้ และหลื่ฉางเซียวปฏิเสธที่จะอยู่ในห้องเดียวกับหลี่เว่ยหยางในเมื่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเช่นนี้…ดูเหมือนว่าหลี่เว่ยหยางคงจะต้องพักห้องเดียวกับจิวหยินเหนียง

จิวหยินเหนียงยิ้มก่อนที่จะกล่าวว่า:

“มันเป็นปัญหาเล็กน้อย ข้าจะมิก้าวข้ามขอบเขตของตนเองและจะนอนบนฟูกแทน โดยจะมิรบกวนคุณหนูสาม”

เนื่องจากมาถึงจุดนี้แล้วหากหลี่เว่ยหยางยังคงปฏิเสธ นางก็คงไม่มีทางเลือกมากนัก ดังนั้นไปจอกับโม่ฉจึงรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากทําให้ไปจ่อต้องการกล่าวบางอย่าง แต่หลี่เว่ยหยางตัดบทว่า

“เอาล่ะ! ตอนนี้ดึกมากแล้วเช่นนั้นทุกคนควรแยกย้ายไปพักผ่อน”

เมื่อเทียบกับห้องแรกแล้ว ห้องนี้คับแคบและเรียบง่ายกว่ามากอย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ในตอนนี้การหาที่พักสําหรับคืนนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแม้ว่าจะรู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่ไปจอก็ช่วยจัดเตรียมที่นอนตามหน้าที่แต่นางได้หันไปถามจิวหยินเหนียงอย่างเย็นชาว่า

“แล้วคืนนี้หยินเหนียงจะนอนที่ใด?”

ด้วยสถานะที่ต้อยต่ําของนาง จิวหยินเหนียงจึงไม่สามารถนอนบนเตียงกับเซียนจได้ ดังนั้นนางจึงกล่าวว่า:

“ในห้องนั่งเล่นที่อยู่อีกห้องหนึ่ง”

หลังจากนั้นนางจึงสั่งให้ไปจ่อทําความสะอาดบริเวณพื้น ขณะที่หลี่เว่ยหยางนั่งเช็ดขี้เถ้าออกจากใบหน้าของตนเองอยู่ที่ข้างเตียงโดยแสงจันทร์ได้สาดส่องเข้ามาในห้อง ส่งผลให้ตอนนี้ผมของนางที่ค่อนข้างยาวถูกปล่อยลงมาคล้ายกับม้วนไหมสีดําที่งดงามภายใต้แสงจันทร์

แต่ในขณะที่นางกําลังทําความสะอาดใบหน้า หญิงสาวก็รู้สึกได้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งกําลังจับจ้องมายังตนเองจึงหันไปมองโดยรอบและพบว่าจิวหยินเหนียงกําลังจ้องมองมาที่นางด้วยความตั้งใจ

ดังนั้นหลี่เว่ยหยางจึงขมวดคิ้วขึ้นด้วยลางสังหรณ์บางอย่าง ทําให้จิวหยินเหนียงที่กําลังจ้องมองไปยังคุณหนูสามเกิดอาการสะดุ้งด้วยความตกใจ

ตอนนี้เมื่อผิวของหลี่เว่ยหยางได้รับการทําความสะอาดแล้ว ดังนั้นหมอกควันสีแดงของแสงเทียนจึงทําให้ผิวของนางดูโปร่งแสงบอบบางราวกับกลีบดอกกล้วยไม้ภายใต้แสงจันทร์ทําให้เห็นว่าคุณหนูสามมีความมีความงดงามเช่นกัน

จากนั้นหลี่เว่ยหยางได้เหลือบมองไปที่จิวหยินเหนียงและสั่งไปจอว่า:

“มีที่นอนสะอาดอยู่ในรถม้าเจ้าช่วยไปนํามาให้จิวหยินเหนียงปูนอนในห้องนี้ด้วยกัน”

เมื่อได้ยินเช่นนี้จิวหยินเหนียงถึงกับผงะ แม้ว่าจะลังเลแต่นางก็รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว:

“มิจําเป็น

น้ําเสียงของหลี่เว่ยหยางต่ําแต่คํากล่าวของนางมีความอ่อนโยนและอบอุ่นในตอนที่กล่าวว่า:

“แม้ว่านี่จะเป็นฤดูใบไม้ผลิ แต่บนภูเขาเช่นนี้ลมในตอนกลางคืนจะแรงมาก ดังนั้นหยินเหนียงมิจําเป็นต้องเกรงใจ”

เมื่อสาวใช้เตรียมการเสร็จสิ้นและถอยกลับไป จิวหยินเหนียงก็กล่าวเบา ๆ ว่า:

“คุณหนูสาม ท่านเป็นคนดีจริง ๆ”

หลี่เว่ยหยางยิ้มแต่มิได้กล่าวอันใดออกมา และนางยังคงอยู่ในชุดเดิมขณะที่นอนลงบนเตียงจากนั้นจิวหยินเหนียงได้มองไปยังเด็กสาวและเดินไปที่โต๊ะโดยใช้เล็บของตนเองยื่นไปที่เปลวไฟของเทียนส่งผลให้กลิ่นหอมอ่อน ๆ เริ่มรวมตัวกันโดยไม่รู้ตัวซึ่งเป็นกลิ่นที่ไม่คุ้นเคย

ขณะที่มีรอยยิ้มเกิดที่มุมริมฝีปากของหลี่เว่ยหยางในทันใดพร้อมกับกล่าวว่า:

“จิวหยินเหนียง!สร้อยของเจ้างดงามมาก”

จิวหยินเหนียงเริ่มตื่นตระหนกและรีบหันกลับมา แต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติบนใบหน้าของหลี่เว่ยหยาง จากนั้น นางได้พยายามระงับความไม่สบายใจและกล่าวว่า:

“สร้อยคอเส้นนี้ที่ทําจากทองคําบริสุทธิ์ที่นายท่านมอบให้ข้า”

หลเว่ยหยางพยักหน้าและแสร้งทําเป็นกังวลขณะที่นางกล่าว

“สร้อยคอเส้นนี้มีค่าเท่ากับทองคําหนึ่งร้อยเหรียญ…เห็นได้ชัดว่าท่านพ่อก็ให้ความสําคัญกับหยินเหนียงอย่างแท้จริง”

ทันใดนั้นหัวใจของจิวหยินเหนียงก็เกิดความหวั่นไหวพลางเอ่ยถามว่า

“มันมีค่ามากถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”

หลี่เว่ยหยางทําเพียงยิ้มและพยักหน้า

สร้อยคอเส้นนี้ประดับด้วยทองคําบริสุทธิ์รูปดอกบัวและเพชรตาแมว ดังนั้นแน่นอนว่ามันจึงมีค่ามากไม่เพียงแค่นั้น…

เพราะจิวหยินเหนียงยังมีปืนสีทองอร่ามอยู่ในผมของนางพร้อมด้วยไข่มุกล้ําค่าที่ห้อยลงมาสําหรับเครื่องประดับที่หูกับข้อมือของนางนั้นประดับด้วยอัญมณีล้ําค่าและยิ่งส่องแสงแวววาวมากขึ้นเมื่อมันอยู่ใต้แสงเทียน

ตอนนี้จิวหยินเหนียงมีใบหน้าที่แดงระเรื่อ แต่แววตาของนางกลับเหมือนเงาที่พร่ามัวในสายน้ําราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างกําลังกวนใจผู้หญิงคนนี้อยู่…

อีกทั้งใบหน้าของนางก็ดูเหมือนว่ากําลังตื่นตระหนก ทําให้ทราบว่านางไม่คุ้นเคยกับการทําร้ายผู้อื่นต่อมาหลี่เว่ยหยางได้มองไปยังเทียนด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า:

“จิวหยินเหนียง!เจ้าทราบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดท่านพ่อจึงชอบเจ้ามาก!”