ตอนที่ 87-1 หลอกใช้
ตอนนี้การเต้นของหัวใจจิวหยินเหนียงเริ่มรุนแรงขึ้น และยกมือขึ้นมาสัมผัสริมฝีปากของตนเอง แต่หลเว่ยหยางกําลังถอนหายใจพร้อมกับคร่ําครวญ:
“หลายปีก่อนท่านพ่อเดินทางไปต่างเมืองเพื่อทําธุระ และได้พบกับคุณหนูผู้งดงามที่ท่านชื่นชม ดังนั้นพวกเขาจึงรักกัน ยิ่งไปกว่านั้นเขาสัญญาที่จะยกย่องให้แม่นางผิงฉีเป็นภรรยาเอก
…ในตอนนั้นท่านพ่อยังไม่ได้เป็นท่านอํามาตย์และยังไม่ได้แต่งงาน ดังนั้นท่านจึงเกรงใจครอบครัวของฮูหยินใหญ่ ต่อมาเมื่อได้แต่งงานกับฮูหยินใหญ่แล้ว ท่านพ่อก็รับแม่นางผิงฉีมาเป็นหยินเหนียง
แต่ฮูหยินใหญ่ปฏิบัติต่อนางราวกับว่าผู้หญิงคนนี้เป็นนางบําเรอที่ต่ําต้อย และตอนที่นางท้องท่านพ่อก็ดีใจมาก แต่ช่วงนั้นเขาต้องออกไปทําธุระต่างเมือง ดังนั้นฮูหยินใหญ่จึงไม่ยอมให้นางไปกับเขาโดยอ้างว่านางต้องการบํารุงครรภ์ของผู้หญิงคนนี้
ใครจะไปคิดว่าในวันที่นางจะคลอดคู่หมั้นเก่าของนางได้มาก่อปัญหา ทําให้นางต้องตื่นตระหนกจนเสียชีวิตในระหว่างคลอดลูก”
จิวหยินเหนียงเป็นคนขี้กลัวอยู่แล้วโดยธรรมชาติ และนางคิดไม่ถึงว่าในบ้านตระกูลหลีจะมีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เมื่อเห็นท่าทีของหญิงสาวผู้นี้ หลี่เว่ยหยางจึงยิ้มก่อนที่จะกล่าวว่า:
“หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นซื้อหยินเหนียง, ลิ่วหยินเหนียง หรือแม้แต่แม่ผู้ให้กําเนิดของข้า พวกนางก็มีความเป็นอยู่คล้ายคลึงกับผงฉี ข้าได้ยินมาว่าท่านพ่อตกหลุมรักจิวหยินเหนียงตั้งแต่แรกเห็น บางทีเจ้าอาจจะทําให้ท่านนึกถึงผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ในใจตลอดมา”
จิวหยินเหนียงนึกถึงวันที่หลี่เสี่ยวหรันพบตนเอง และมีความประหลาดเกิดขึ้นในแววตาของเขา นางจึงเริ่มเชื่อหลี่เว่ยหยาง และได้ยินคุณหนูสามกล่าวต่อไปว่า
“พวกเขาบอกว่านางมีปัญหาในการคลอดบุตรและเสียชีวิต แต่ความจริงแล้วคนที่มาก่อปัญหาถูกส่งมาโดยฮูหยินใหญ่”
“เป็นไปได้อย่างไร?” จิวหยินเหนียงยกมือขึ้นปิดปากตนเองด้วยอาการตกตะลึง
หลี่เว่ยหยางยิ้ม:
“อะไรที่เป็นไปมิได้? ครอบครัวหลื่นี้มีซื่อหยินเหนียง, ผิวหยินเหนียง และแม้แต่ชิหยินเหนียงที่ไม่ได้รับความสนใจ ดังนั้นพวกนางจึงสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้โดยมิมีภัยคุกคาม และในแง่ของแผนการร้าย หยินเหนียงเคยถามฮูหยินใหญ่หรือไม่ว่า เอ้อหยินเหนียง, ซานหยินเหนียง, ปาหยินเหนียง พวกนางไปไหนกันหมดแล้ว?
ข้าไม่ลังเลที่จะบอกเจ้าว่า เอ้อหยินเหนียงเป็นสาวใช้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสินสอดของฮูหยินใหญ่ และได้ดําเนินแผนการมากมายเพื่อฮูหยินใหญ่ แต่ชะตากรรมของเอ้อหยินเหนียงนั้นโชคร้าย เพราะเมื่อฮูหยินใหญ่ ได้ยินว่านางตั้งลูกผู้ชาย นางจึงมิสามารถอยู่ในบ้านตระกูลหลีได้อีกต่อไป!
หยินเหนียงควรคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ถ้วนถี่ ฮูหยินใหญ่เข้าใจจุดอ่อนของเจ้า เช่นนั้นเจ้าคิดว่าฮูหยินใหญ่จะปล่อยเจ้าไปหรือไม่..เมื่อเจ้าไม่มีประโยชน์สําหรับนางแล้ว?”
ด้วยความตกใจจิวหยินเหนียงที่เริ่มตื่นตระหนกได้กล่าวอย่างละล่ําละลักว่า:
“ข้า…ข้าไม่…”
หลี่เว่ยหยางโบกมือให้นาง ทันใดนั้นหญิงสาวคนหนึ่งก็กระโดดลงมาจากคานไม้ด้วยใบหน้าที่แสนจะเย็นชาราวกับน้ําค้างแข็ง และดาบของนางได้กระทบกับคอของ
จิวหยินเหนียง ทําให้นางเกือบจะกรีดร้องขึ้น แต่จ้าวหยูเตือนสติอย่างเย็นชาว่า
“เงียบ!”
จิวหยินเหนียงก้าวถอยหลังไปสองก้าวทําให้สะดุดล้มลงบนพื้น จากนั้นหลี่เว่ยหยางได้เดินเข้ามาใกล้เพื่อ บรรจงเขี่ยเทียนที่อยูปลายเล็บของนาง
“เทียนนี้ปล่อยควันที่สามารถสะกดจิตผู้คนได้ ฮูหยินใหญ่บอกให้เจ้าใช้ประโยชน์จากตอนที่ข้าหลับเพื่อลงมือทําอันใด?”
หลี่เว่ยหยางกล่าวขณะที่จิวหยินเหนียงเหลือบมองไปยังดาบที่ส่องแสงเย็นยะเยือกตรงหน้า ทําให้ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและกล่าวอย่างเร่งรีบว่า
“ข้ามิมีทางเลือก! ฮูหยินใหญ่ทําให้ข้าจนมุม…ข้าถูกบังคับให้ทําสิ่งนี้!”
หลี่เว่ยหยางถอนหายใจและกล่าวว่า:
“ในวันนั้นตอนอยู่ในสวนที่เจ้าขอร้องให้ข้าช่วยเจ้าหนี…มันเป็นสิ่งที่ฮูหยินใหญ่วางแผนเอาไว้ใช่หรือไม่?”
จิวหยินเหนียงเริ่มเหงื่อออกมากขึ้นและไม่ทราบว่าจะแก้ตัวอย่างไรดี จากนั้นหลี่เว่ยหยางได้ส่งสายตามองจ้าวหยูด้วยสายตาที่มีความหมาย
ส่งผลให้ดาบนั้นบาดเข้าที่บริเวณลําคอของนางจนเลือดออกเล็กน้อย ทําให้จิวหยินเหนียงหน้าซีดด้วยความกลัว และสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด จึงมองไปหลี่เว่ยหยางอย่างตื่นตระหนก แต่คุณหนูสามกลับยิ้มอย่าง อ่อนโยน:
“หยินเหนียง อันที่จริงแล้วข้าเป็นคนดี แต่ถ้าข้ากลายเป็นคนชั่วร้ายขึ้นมา…ข้าเกรงว่าเจ้าจะรับไม่ไหว”
หลังจากความรู้สึกที่แตกต่างฉายผ่านใบหน้างดงามของจิวหยินเหนียงแล้ว นางจึงตัดสินใจยอมรับ
“ถูกต้อง! ทุกสิ่งที่ข้าได้ทํารวมถึงการวางเพลิงนั้นถูกจัดเตรียมโดยฮูหยินใหญ่ ถ้าคุณหนูสามตายในกองไฟ ทุกอย่างก็จะจบลง แต่ถ้าท่านสามารถรอดชีวิตมาได้ข้าจะต้องอยู่ห้องเดียวกับคุณหนู…ฮูหยินใหญ่สั่งข้าเช่นนี้” นางกล่าวพร้อมกับเผยให้เห็นแป้งที่อยู่ใต้เล็บของตนเอง
“สิ่งนี้สามารถทําให้คนหลับสนิทเมื่อข้าเผามัน คุณหนูจะประสาทหลอนและนางจะส่งคนมาช่วยให้ข้าหนีไป…กับ…”
“กับคนรักที่รักกันอย่างสุดหัวใจของเจ้าใช่หรือไม่?” หลี่เว่ยหยางไม่ต้องการให้นางกล่าวจบ ดังนั้นจิวหยินเหนียงจึงจ้องมองไปที่นางด้วยอาการตกตะลึง
หลี่เว่ยหยางเบ้ปากก่อนที่จะกล่าวว่า:
“นี่มิใช่ครั้งแรกที่นางทําเช่นนี้ ซานหยินเหนียงมีสามีที่นางสนิทสนมมาตั้งแต่เด็ก แต่พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน ทว่าฮูหยินใหญ่กลับกล่าวหาว่าพวกเขาเป็นชู้กัน ในที่สุดพวกเขาก็ถูกทําร้ายจนตายก่อนที่ซานหยินเหนียงจะแก้ตัวได้
จิวหยินเหนียง! ข้าจะขอเตือนด้วยความหวังดีว่า ก่อนที่เจ้าจะลงจากเขาไปได้ เจ้าจะถูกจับและส่งตัวไปพบยมบาล”
จิวหยินเหนียงอดไม่ได้ที่จะร้องอุทานออกมา:
“จะเป็นไปได้อย่างไร?!”
หลี่เว่ยหยางหัวเราะเยาะ:
“ฮูหยินใหญ่ไม่มีทางปล่อยให้ใครมีชีวิตรอดเด็ดขาด ดังนั้นเมื่อนางปล่อยเจ้าไปท่านพ่อจะไม่ให้อภัยการทรยศนี้ง่าย ๆ และจะตามหาตัวเจ้าให้พบไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
…แต่อย่าลืมว่าท่านพ่อเป็นถึงท่านอํามาตย์ ดังนั้นแน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่หลายคนปรารถนาที่จะให้ความช่วยเหลือเขา
ดังนั้นตราบใดที่ท่านมีคําสั่งออกไป แม้ว่าจะวิ่งหนีไปสุดขอบโลก เจ้าก็จะถูกจับและนํากลับมาในที่สุด
และถ้าเจ้าถูกพาตัวกลับมา แม้เจ้าจะเปิดเผยทุกอย่างเกี่ยวกับฮูหยินใหญ่ เจ้าคิดว่านางจะยอมให้ตนเองถูกจับในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดเช่นนั้นหรือ? ลองคิดดูว่า นางจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ได้อย่างไร?”
“ไม่! นางจะไม่! ฮูหยิน ได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า…” จิวหยินเหนียงยังคงไม่อยากจะเชื่อ
“จ้าวหยู บอกสถานการณ์ปัจจุบันให้นางฟังเพื่อที่นางจะได้ฟังด้วยตัวเอง” หลี่เว่ยหยางเย้ยหยันและไม่ต้องการกล่าวอีกต่อไป
“ถูกต้อง!” จ้าวหยูกล่าวอีกว่า
“บ่าวบอกพี่ชายให้สังเกตการเคลื่อนไหวใด ๆ ที่บริเวณตีนเขา และก่อนหน้านี้เขาส่งข่าวว่า มีคนสามสิบแปดคนรออยู่ที่นั่น อีกทั้งยังลาดตระเวนตามถนนสามสายที่ใช้เป็นทางลงไปจากเขา”
ตอนนี้แม้ว่าจิวหยินเหนียงจะไม่อยากเชื่อแต่นางก็ต้องเชื่อ ทําให้ดวงตาของนางเบิกกว้างและปริ่มไปด้วยน้ําตาที่ไม่อาจร่วงหล่นได้ แต่ทันใดนั้นจ้าวหยูได้กล่าวว่า:
“คุณหนู มีคนมา!”
หลี่เว่ยหยางส่งสัญญาณมือให้พวกนางอยู่ในความสงบ และจิวหยินเหนียงมอง ออกไปนอกหน้าต่างอย่างหวาดกลัว จากนั้นได้เสียงเคาะดังขึ้นบริเวณนอกหน้าต่างอย่างชัดเจน ขณะที่ดาบของจ้าวหยูยกขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกันกับคอของจิวหยินเหนียง
ดังนั้นนางจึงไม่กล้าที่จะขยับตัว ทันใดนั้นหน้าต่างก็ถูกเปิดออก และจิวหยินเหนียงกําลังจะขยับตัว แต่ชายหนุ่มคนหนึ่งได้กระโดดเข้ามาพร้อมกับแม่นมหลินที่ถูกมัดและปิดปากเอาไว้
จ้าวน่านยิ้มกว้างก่อนที่จะรายงาน:
“คุณหนู, ข้าเห็นคนคนนี้เคาะที่หน้าต่าง จึงจับนางมัดเอาไว้”
พวกเขาได้ยินเสียงเคาะประตูเมื่อครู่อย่างชัดเจน ขณะที่ไปจ่อต้องยอมรับว่าความสามารถของผู้ชายคนนี้ค่อนข้างน่ากลัว
หลี่เว่นหยางยิ้มจางๆ และหยุดตรงหน้าแม่นมหลิน:
“แม่นมหลิน! เจ้ามาที่ห้องของข้าตอนดึกเช่นนี้มีอันใดหรือ?”
แม่นมหลินสังเกตเห็นการจ้องมองที่ชัดเจนของหลี่เว่ยหยาง จึงเริ่มมีอาการตื่นตระหนกด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
“ข้าไม่คิดว่าแม่นมหลินกับจิวหยินเหนียงจะมีเรื่องพูดคุยกันในยามดึกเช่นนี้”
ปากของหลี่เว่ยหยางโค้งขึ้นเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวว่า:
“เดิมที่ข้าคิดว่าฮูหยินใหญ่ต้องการทําร้ายจิวหยินเหนียง โดยการใช้ประโยชน์จากการเกิดเพลิงไหม้และความโกลาหลเพื่อปล่อยเจ้าไป แต่สงสัยว่าทําไมนางถึงจัดให้เจ้ามาพักอยู่ห้องเดียวกันกับข้า แต่ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว”