ตอนที่ 300 หมัดหนัก ๆ ของอู๋เจิ้น

ฉันเป็นเศรษฐีอสังหาฯในวันสิ้นโลก

ตอนที่ 300 หมัดหนัก ๆ ของอู๋เจิ้น

ตอนที่ 300 หมัดหนัก ๆ ของอู๋เจิ้น

อู๋เจิ้นกำหมัดแน่น

สิ่งที่เขาไม่อยากเห็นที่สุดคือคนจากโส่วอัน โดยเฉพาะคนจากตระกูลเจียง

ตราบใดที่อู๋เจิ้นเห็นพวกเขา เขาก็จะนึกถึงฝันร้ายของชีวิตและการตายของภรรยาและลูกของเขาที่ตามหลอกหลอนตลอดเวลา มันทำให้เขาเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก

เจียงชิงเซียงมองไปที่บูธของตงหยาง จากนั้นเธอก็เห็นสือจื่อจิ้นที่คุ้นเคย และแค่นหัวเราะออกมา

“คุณมากับคนตงหยางเหรอ ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ ไม่อยู่เถาหยางแล้วเหรอ หรือว่าเถาหยางไม่สามารถให้รางวัลที่น่าพอใจกับคุณได้”

เจียงชิงเซียงคิดกับตัวเองว่าเธอใจดีกับครอบครัวของอู๋เจิ้นมากและเงินเดือนของเขาก็สูงพอ ๆ กับผู้ที่มีพลังวิเศษในกองทัพ

เถาหยางตัวน้อยที่สร้างชื่อให้ตัวเองผ่านลูกเล่นต่าง ๆ อาจไม่สามารถจ่ายราคานี้ได้

อู๋เจิ้นไม่เคลื่อนไหว

ถ้าไม่ใช่เพราะมีกฎห้ามการต่อสู้ในศูนย์ประชุม เขาคงไม่สนใจว่าเจียงชิงเซียงจะเป็นผู้หญิงหรือเป็นอดีตนายจ้าง และเหวี่ยงกำปั้นใส่เธอไปแล้ว

เขาต้องเสียภรรยาและลูกของเขาไป ทั้งสองต้องจากเขาไป เขาอยากจะจัดการกับครอบครัวเจียง

เขาต้องล้างแค้นให้ภรรยาและลูกของเขาอย่างแน่นอน และผู้ร้ายตัวจริงคือตระกูลเจียงจากโส่วอัน พวกเขาเป็นคนที่ปล่อยให้ซอมบี้โจมตีเมือง และเข่นฆ่าผู้คน

ซูเถาก้าวไปยืนอยู่ข้างหน้าอู๋เจิ้น พร้อมกับมองไปที่เจียงชิงเซียงด้วยใบหน้าเย็นชา

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกคุณ มันก็ยังดีกว่าการที่ต้องอยู่ที่โส่วอันอย่างระแวดระวัง และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกผู้บังคับบัญชาอย่างคุณทอดทิ้งได้ตลอดเวลา แล้วนี่การที่มาเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตรเพื่อมาดูว่าตัวเองสิ้นหวังขนาดไหนเหรอ!”

คำพูดเหล่านี้กระทบเจียงชิงเซียงหลายจุด ทำให้ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“ฉันกำลังคุยกับคนทำสวนของฉัน มันใช่เวลาที่เธอจะมาพูดแทรกเหรอ! แล้วนี่เธอเป็นใคร ภรรยาสาวของอู๋เจิ้นหรือไง? หึ!”

เจียงชิงเซียงยังคงถือว่าอู๋เจิ้นเป็นคนสวนในสวนหลังบ้านของเธอ ที่เมื่อเธอเรียกใช้เขาก็พร้อมที่จะวิ่งไปรอบ ๆ เพื่อทำตามคำสั่ง

แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีใด ทำให้เขามีโอกาสที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตร!

และในครั้งนี้โส่วอันเกือบเสียโอกาสในการเข้าร่วมการประชุมสุดยอดพันธมิตร

แต่ยังดีที่ได้โควตามาสองที่ โดยที่เธอต้องใช้เงินจำนวนไม่น้อยไปแลกมันมา

สิ่งนี้ทำให้เจียงชิงเซียงอับอายมาก คนทำสวนที่ควรจะทำงานอยู่ในไร่ในสวน กลับได้มาเข้าร่วมการประชุม!

อู๋เจิ้นโกรธมาก ถ้าเธอดูถูกถากถางเขาคนเดียวเขาไม่ว่าอะไร เพราะเขาก็เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีความสำคัญอะไร

แต่ถ้าเปลี่ยนเป้าหมายเป็นเถ้าแก่ซู เขาไม่มีทางยอมเด็ดขาด!

อู๋เจิ้นจ้องตรงไปที่เจียงชิงเซียงเหมือนสัตว์ที่ติดกับดัก

เจียงชิงเซียงถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัวและสถบออกมา

“นายต้องการทำอะไร! ที่นี่คือซินตู! และที่นี่คือสถานที่จัดการประชุม นายอยากเอาเรื่องฉันอย่างนั้นเหรอ เอาเลย มาเลย อยากทำอะไรฉันก็เชิญ! คนสวนอย่างแกจะได้หมดสิทธิ์เข้าร่วมการประชุม

ก่อนที่เธอจะเอ่ยคำสุดท้าย กำปั้นของอู๋เจิ้นก็ฟาดลงบนใบหน้าของเธอเข้าให้แล้ว

ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ตกตะลึง และไม่มีใครห้ามเขาเอาไว้ได้ทัน!

อู๋เจิ้นมักจะเป็นคนที่สุภาพและอ่อนโยนมาก และเขาก็เป็นสุภาพบุรุษมากด้วย เขาไม่พูดเสียงดังเวลาพูดคุยกับคนอื่น คงไม่มีใครคิดว่าเขาจะกล้าทำร้ายใครบางคนหากไม่เห็นด้วยกับเขา อีกทั้งคนที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นผู้หญิงอีกด้วย

เมื่อคนจากโส่วอันได้ยินเสียงความวุ่นวายที่เกิดขึ้น จึงรีบวิ่งไปดู และเห็นว่าคุณนายของเขานอนเลือดกำเดาไหลอยู่บนพื้น และในขณะที่ช่วยพยุงเธอขึ้นมา พวกเขาก็จ้องมองไปที่ซูเถาและพวก

“กล้าดียังไงมาทำร้ายคนในศูนย์ประชุมแบบนี้!”

เฉินเทียนเจียวที่วิ่งกลับมาตามเสียงและก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าเขาบราวนี่ออนไลน์

ซูเถามองไปที่อู๋เจิ้นด้วยความชื่นชม

อู๋เจิ้นยังหายใจเข้าออกถี่ ๆ ด้วยอารมณ์โมโห “เธอเป็นคนพูดจาหาเรื่องก่อน เธอหาเรื่องทะเลาะวิวาท!”

เจียงชิงเซียงลุกขึ้นนั่ง และแตะเข้าที่จมูกของเธอ เธอรู้สึกได้ถึงเลือดที่ไหลออกมา และร้องโหยหวนทันที

“แกกล้าดียังไงมาตบฉัน!”

เธอผละจากการประคองและพุ่งเข้าไปหาอู๋เจิ้นทันที

สือจื่อจิ้นจับเธอเอาไว้และตรึงเธอไว้กับพื้น

ท่าทางนี้ค่อนข้างน่าขายหน้า และเจียงชิงเซียงก็บ้าคลั่ง และก่นด่าอย่างไม่เลือกหน้า ทำให้ดูดทุกสายตาจากรัศมีสิบเมตร

เฉินเทียนเจียวรู้สึกว่าเธอดุร้ายเกินไป และในขณะที่พิธีเปิดกำลังจะเริ่มขึ้น เขาก็ฉีกผ้าเช็ดเหงื่อที่พันคอออกอย่างสิ้นหวังแล้วยัดเข้าไปในปากของเธอ

เสียงของเธอหยุดลงทันใด

ดวงตาของเจียงชิงเซียงเบิกกว้าง

ซูเถาและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึง เพราะพวกเขาเคยเห็นว่าเฉินเทียนเจียวเคยนำผ้าผืนนี้มาเช็ดใต้วงแขนของเขา

เฉียนหลินซึ่งเป็นคนที่ค่อนข้างรักสะอาด เบือนหน้าหนีทันที

ในเวลานี้ เจ้าหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยวิ่งเข้ามา พวกเขาถือปืนไว้ในมือ และพูดด้วยความโกรธว่า

“หยุด! ห้ามทะเลาะกันในศูนย์ประชุม ก่อนเข้ามาในศูนย์ประชุมไม่มีใครบอกข้อห้ามกับพวกคุณเหรอ! คุณ คุณและคุณ เชิญทางนี้!”

อู๋เจิ้นคิดว่าเขาสร้างปัญหาให้กับทุกคน แต่เขาก็ยังยืนยันว่า “ผู้หญิงคนนี้เป็นคนด่าพวกเราก่อน”

หม่าต้าเพ่านำเครื่องดื่มสองสามขวดจากตู้แช่ออกมาอย่างชาญฉลาด และนำเครื่องดื่มเย็น ๆ นั้นให้เจ้าหน้าที่แต่ละคน

“พวกคุณทำงานหนัก ดื่มน้ำเพื่อคลายความโกรธของคุณก่อน ผู้หญิงคนนี้ไม่เคารพคนอื่น และพี่ชายของเราก็เป็นคนซื่อสัตย์ด้วย เขาให้บทเรียนกับเธอเบา ๆ เท่านั้น”

เครื่องดื่มไม่กี่ขวดทำให้ท่าทีของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นอ่อนลง

“ระวังผลกระทบที่จะเกิดขึ้นด้วย พิธีเปิดกำลังจะมาถึง รีบจัดการให้ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ”

สือจื่อจิ้นปล่อยมือของเขาและมองไปที่เจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่

เจ้าหน้าที่ต่างก็ต้องตกใจ และรีบวางเครื่องดื่มลงทันที พร้อมกับคืนให้หม่าต้าเพ่า แล้วรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อถามว่า

“ท่านคือพลตรีสือใช่ไหม ทางเราต้องขอโทษด้วยจริง ๆ…”

เจียงชิงเซียงคิดว่าแสงแห่งความชอบธรรมกำลังจะมาถึง แต่ก่อนที่เธอจะได้ทันตอบโต้ เธอก็ถูกผู้คุมสองคนพาตัวออกไปในข้อหาทะเลาะวิวาทและก่อปัญหา

คนจากโส่วอันทำได้เพียงเฝ้าดูเธอถูกพาตัวไปโดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย

ซูเถาถามสือจื่อจิ้นด้วยเสียงเบา ๆ “บอกฉันมานะ คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับซินตูแบบไหนกันแน่”

สือจื่อจิ้นตอบคำถามของเธอ เขาลดศีรษะลงและเข้าใกล้เธอมากพร้อมกับเอ่ยว่า “ผมเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ”

ซูเถาพยาพยามนึกถึงสิ่งที่เขาพูดกับแม่และลูกสาวของตระกูลเติ้งที่ทุบรถได้ราง ๆ โดยบอกว่าเขาสนิทสนมกับกัปตันหลิงแห่งซินตู

“กัปตันหลิงคือใคร?”

สือจื่อจิ้นเพิ่งพูดว่า

“เพื่อนเก่าของพ่อผม อดีตเขาเคยเป็นกัปตันตัวเล็ก ๆ และพ่อของผมก็ช่วยชีวิตเขาไว้”

นี่เป็นครั้งแรกที่สือจื่อจิ้นพูดถึงพ่อของเขาด้วยตัวของเขาเอง ซูเถากลัวว่าเขาจะพูดเรื่องเศร้า ๆ ขึ้นมา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าถามคำถามใด ๆ อีกต่อไป และสนใจอู๋เจิ้นแทน

“คุณโอเคไหม?”

หลังจากถามเขา เธอก็แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ในวันนี้ที่อาจทำให้อู๋เจิ้นเศร้าใจ

อู๋เจิ้นส่ายหัว เขารู้สึกขอบคุณเล็กน้อยที่ซูเถาพูดแทนเขาในตอนแรก

เจียงชิงเซียงทนเห็นเขาได้ดีไม่ได้ และนั่นทำให้เธอโกรธมาก

พิธีเปิดเริ่มขึ้นและสถานที่หลักอยู่ที่พื้นที่ตรงกลางของศูนย์ประชุม เจ้าภาพทั้ง 2 กล่าวขอบคุณแขกที่มาและจากนั้นแนะนำกำหนดการสำหรับวันนี้ทั้งวัน

ซูเถาเห็นคุณหลิงที่สือจื่อจิ้นกล่าวถึง เขาเหมือนชายวัย 40 กว่า ที่มีท่าทางที่สงบและเก็บตัว ดูมีความเป็นผู้นำ

คนที่อยู่ถัดจากเขาคือรองหัวหน้าฐานจั๋วเอ่อร์เฉิง ซึ่งเธอได้ยินมาว่าเขาอายุ 30 ต้น ๆ หน้าตาหล่อเหลามาก ด้วยดวงเป็นประกายคู่นั้น ผสมกับรอยยิ้มที่ดึงดูดใจผู้หญิงส่วนใหญ่ในห้องประชุม

เจียงจิ่นเวยที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชมรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย ชายคนนี้เป็นของเธอและไม่มีประโยชน์ที่จะอิจฉา

ในเวลานี้เธอต้องการหาใครสักคนเพื่ออวด แต่จู่ ๆ ก็พบว่าในห้องประชุมขนาดใหญ่นี้ เธอไม่มีใครที่จะแบ่งปันด้วย