ตอนที่ 308 เชื่อฟังลูกรัก
สองศิษย์กับอาจารย์กลับถึงตำหนักพระจันทร์ในเวลาพลบค่ำ แสงอาทิตย์อัสดงปกคลุมทั่วท้องฟ้า
เย่ว์เลี่ยงเข้ามาจูงทั้งสองคนพลางถามด้วยสีหน้าตะลึง “เสี่ยวเยาเยา ทำไมดูแตกต่างจากเดิมล่ะ เกิดสิ่งมหัศจรรย์ในป่าพิษหมาป่าเหรอ”
พอได้ฟังคำพูดของเย่ว์เลี่ยง ตี้อู๋เปียนก็ยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย
เขารู้!
เขารู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในป่า!
มีพลังวิเศษสื่อสารกับพวกต้นไม้ได้มันดีอย่างนี้!
ตอนนี้เขาไม่รังเกียจแล้ว
มู่เถาเยาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าให้ทุกคนฟังอย่างกระชับ ทั้งยังหยิบนกหวีดหมาป่าที่เรียวยาวเหมือนหยกออกมาให้พวกเขาดู
“ลูกสาวพ่อเป็นเด็กที่จิตใจดีที่สุดในโลก”
เย่ว์หลั่งเป็นคนที่อวยมู่เถาเยาก่อนเสมอ
มู่เถาเยา “…”
นึกถึงเมื่อชาติก่อนที่เธอเคยเหยียบภูเขาซากศพผ่านทะเลเลือด เธอแบกรับคำชมนี้ไม่ไหวจริงๆ
ลุงหลาน “คุณท่านครับ อาหารเย็นเสร็จหมดแล้ว กินข้าวกันก่อนดีไหมครับ”
พวกเจ้าหญิงน้อยอยู่ในป่ากันนานขนาดนั้น ไม่ได้กินอาหารดีๆ ร้อนๆ ต้องบำรุงให้มากหน่อย
ย่าเย่ว์จูงหลานสาวเข้าบ้าน “ใช่ พวกเรากินข้าวกันก่อน กินอิ่มค่อยคุยกัน”
พอนั่งลงแล้วเห็นเหลืออยู่หนึ่งที่ ในที่สุดก็มีคนฉุกคิดขึ้นมาได้
ลุงหลาน “เจ้าหญิงน้อย คุณชายรองล่ะครับ!”
ทุกคน “!”
มู่เถาเยาอธิบายด้วยสีหน้าเรียบเฉย “พี่รองอยู่ต่อในป่าพิษหมาป่าเพื่อช่วยใส่ยาให้แม่หมาป่าค่ะ พรุ่งนี้หลังจากหนูฝังเข็มให้ตี้อู๋เปียนเสร็จก็จะไปทำยาแล้วเอาเข้าไปให้ในป่า พอถึงตอนนั้นจะกลับมาพร้อมพี่รองค่ะ”
เมื่อกี้เธอก็บอกไปแล้ว ไม่มีใครฟังเลยเหรอ
เย่ว์หลั่งส่ายมืออย่างไม่แคร์ “วรยุทธ์ของอากวงก้าวหน้าขึ้นไม่ใช่แค่เท่าเดียวแล้ว แถมยังมีฝูงหมาป่าอยู่ เขาไม่มีทางเป็นอะไรหรอก ลูกพ่อ รีบกินข้าวนะ นี่หอยนางรมที่ลูกชอบกินมากที่สุด ย่างกับกระเทียมให้เลยนะ”
จัดการแงะเนื้อหอยนางรมที่ลูกสาวชอบกินออกมา แกะกั้งเอาเนื้อวางใส่จานของลูกสาว
มู่เถาเยา “…อืม”
ตอนนี้เธอแอบรู้สึกสงสารพี่รอง
หลังกินเสร็จก็ไม่มีใครกวนมู่เถาเยากับลู่จือฉิน อยากให้ทั้งสองคนรีบพักผ่อน
แต่มู่เถาเยากับลู่จือฉินไม่ได้รู้สึกเหนื่อย
“อันนั่ว เสี่ยวอิน ช่วงสองวันนี้พวกเธอพักที่ตำหนักพระจันทร์เถอะ พรุ่งนี้ฉันกับอาจารย์จะทำยา มาเรียนรู้ไว้”
“ได้เลย”
ปาเฝ่ย “ผมขอดูด้วย”
มู่เถาเยาพยักหน้า
พ่อบ้านจงพูดตะกุกตะกัก “เสี่ยวเยาเยา ลุงขอยาจื่อตันสักเม็ดได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
พ่อบ้านจงดีใจสุดขีดขึ้นมาทันที
เฉิงอันนั่วอิจฉามาก แต่ไม่พูดอะไร
เขารู้ว่าตัวเองไม่มีพรสวรรค์ด้านฝึกยุทธ์ ปรมาจารย์ที่เก่งที่สุดสองคนต่างตัดสิน ‘โทษประหาร’ ให้เขา
ดังนั้นเอาให้เขากินก็สิ้นเปลืองเปล่า ไม่สู้เอาไปให้คนที่มีประโยชน์กิน
แต่ตี้อู๋เปียนไม่ได้มีความสำนึกแบบเฉิงอันนั่ว เขาคิดว่าพอถึงหน้าหนาวก็เป็นเหมือนคนปกติแล้ว ฝึกยุทธ์แปบเดียวก็เป็นยอดฝีมือได้ จึงถามขึ้นด้วยความสนใจ “ซาลาเปาน้อย ฉันขอด้วยหนึ่งต้น”
เขาอยากได้ดอกจื่อตันทั้งต้น ไม่ใช่ยาจื่อตันเม็ดเดียว
มู่เถาเยาตอบตรง “คุณยังใช้ไม่ได้”
สุขภาพของตัวเองเป็นยังไงไม่รู้เลยเหรอ
ทุกคนต่างก็มีสีหน้าพูดไม่ออก
ตี้อู๋เปียนพูดอย่างไม่ยอมแพ้ “สักวันฉันต้องใช้ได้แน่นอน”
“ปีหน้าหรือปีต่อๆ ไปในช่วงเวลานี้ก็ยังเก็บได้อีก”
ตอนนี้เลิกฝันได้เลย
เม็ดเดียวยังกินไม่ได้ ยังจะเพ้อถึงทั้งต้น!บราวนี่ออนไลน์
ตี้อู๋เปียน “…”
พ่อบ้านจงพูดปลอบ “คุณชายเล็กอย่าเสียใจไปเลยครับ คุณชายจะมีกำลังภายในหรือไม่มีก็ไม่สำคัญ ใช้ผมไปทำธุระได้เสมอครับ”
ตี้อู๋เปียน “…”
พ่อบ้านจง แบบนี้ไม่ใช่ปลอบใจ เรียกแทงใจดำ!
“ซาลาเปาน้อย ฉันกินไม่ได้จริงๆ เหรอ ไม่ต้องทั้งต้นก็ได้ เม็ดเดียวก็พอ”
“สิ้นเปลืองเปล่าๆ”
ไม่ใช่ว่าเธองก แต่เขาไม่มีทางฝึกฝนดึงประสิทธิภาพของยาออกมาได้ต่างหาก
เอาให้เขากินไม่สู้เอาให้อันนั่วกิน
พรสวรรค์ของอันนั่วถือว่าธรรมดามากสำหรับยอดฝีมืออย่างพวกเธอ แต่กลับเป็นเรื่องปกติสำหรับคนทั่วไป ขอเพียงแต่ยาของเธอมากพอ เอาให้เขากินเป็นกำก็ใช่ว่าจะฝึกจนถึงขั้นสูงสุดของคนธรรมดาไม่ได้
อืม ไว้เสร็จธุระพวกนี้เธอค่อยทำยากำลังภายในแบบธรรมดา ก็คือแบบที่ให้พ่อบ้านจงกับพวกอาคุนกิน มีตัวช่วยนี้ ลองดูว่าปีหน้าหรือปีหน้าๆ จะมีความสามารถย่อยยาจื่อตันได้หรือเปล่า
“ซาลาเปาน้อย พอถึงหน้าหนาวฉันก็ฝึกแบบคนอื่นได้แล้วใช่ไหม”
“ขึ้นอยู่กับสุขภาพของคุณ ระยะนี้คุณก็ฝึกโยคะให้ร่างกายปรับตัวไปก่อน”
ตี้อู๋เปียน “…ก็ได้”
ไม่ได้ก็ต้องได้
มู่เถาเยาหยิบเข่งที่ใส่ดอกจื่อตันขึ้นมา จากนั้นก็ยหยิบต้นที่ดูดีมากส่งให้เย่ว์เลี่ยง
“อาคะ ตอนเย็นกินแล้วก็ฝึกฝนร่างกายให้มันออกฤทธิ์นะคะ”
“อืม”
“ยาเม็ดออกฤทธิ์ง่าย พ่อกับพี่ใหญ่เหมาะกินแบบเป็นเม็ดมากกว่าค่ะ”
ทาสลูกสาวอย่างเย่ว์หลั่งรีบขานรับ “พ่อเชื่อลูกเสมอ”
เย่ว์จือเหิงก็พยักหน้า
“คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยายไม่เคยฝึกวรยุทธ์ ไม่เหมาะที่จะกินยากำลังภายในค่ะ”
เหล่าผู้อาวุโสยิ้มพลางพยักหน้า
ต่อให้เคยฝึกวรยุทธ์ แต่พวกเขาอายุปูนนี้แล้วไม่อยากกินให้เสียเปล่า
“พรุ่งนี้บ่ายพวกเราจะทำยารักษาแม่หมาป่ากับของขวัญที่เอาให้พวกลูกๆ หมาป่าก่อน จริงสิ ลูกหมาป่าเทาสองตัวนั้นอ่อนแอมาก หนูคิดว่าจะเอาพวกมันกลับมาเลี้ยงดู พอแข็งแรงแล้วค่อยเอาไปปล่อยกลับค่ะ”
เย่ว์หลั่ง “ลูกพ่ออยากทำอะไรก็เต็มที่เลยนะ พ่อสนับสนุนเสมอ”
คนอื่นๆ ก็พยักหน้า
ตี้อู๋เปียน “ซาลาเปาน้อย ป้าสะใภ้ฉันโทรมาถามว่าพวกเราจะกลับไปเมื่อไร พวกอาซานต้องมาตรวจซ้ำแล้ว ช่วงหลายวันนี้พวกเขาติดต่อเธอไม่ได้ถึงได้ร้อนใจไปหาป้าสะใภ้”
“ฉันจะให้พวกเขาไปหาอาจารย์ใหญ่ที่หมู่บ้านเถาหยวนแล้วกัน พวกเรากว่าจะได้กลับน่าจะสิ้นเดือน อีกสามวันยังต้องเข้าป่าพิษหมาป่าไปอยู่อีกสองสามวัน”
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาพวกเธอไปไหนไม่ได้ไกลเพราะต้องคอยดูแม่หมาป่า ยังอยากไปไกลอีกหน่อยเผื่อว่าจะพบเจออะไร
“ได้ งั้นเดี๋ยวฉันโทรบอกป้าสะใภ้”
“อืม โทรศัพท์ฉันอยู่ในห้อง พรุ่งนี้ค่อยโทรบอกอาจารย์ใหญ่”
รวมถึงลุงผู้ใหญ่บ้านด้วย เพราะต้องให้ลุงผู้ใหญ่บ้านส่งคนไปรับพวกอาซานขึ้นเขากับจัดหาที่พัก
พอคุยเรื่องสำคัญเสร็จทุกคนก็เร่งให้มู่เถาเยากับลู่จือฉินไปพักผ่อน
มู่เถาเยากับลู่จือฉินก็ไม่ปฏิเสธความหวังดีของทุกคนอีก
ฤดูร้อนฟ้ามืดช้า กว่าจะกินข้าวเสร็จก็สองทุ่มกว่าแล้ว นั่งคุยกันอยู่สักพัก ตอนนี้สามทุ่มกว่า ล้างหน้าแปรงฟันสี่ทุ่มขึ้นเตียง ไม่เร็วไม่ช้ากำลังดี
เวลานี้ทุกคนจึงแยกย้าย กลับห้องพักพร้อมมู่เถาเยากับลู่จือฉิน
มู่เถาเยาจัดการทำธุระส่วนตัวเสร็จก็ไปห้องของเย่ว์เลี่ยง
ลู่จือฉินยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา พรุ่งนี้เธอยังต้องฝังเข็มให้อู๋เปียนนะ รีบกลับไปพักผ่อน อาจารย์จะคอยคุ้มกันเย่ว์เลี่ยงให้เอง”
พวกเธอกับเย่ว์จือกวงกินดอกจื่อตันในป่า เดิมทีก็มีคนคอยเฝ้ายาม แถมยังมีฝูงหมาป่ารายล้อม จึงไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเหตุอะไรระหว่างการดึงฤทธิ์ยาของดอกจื่อตัน
เย่ว์เลี่ยง “ตำหนักพระจันทร์ปลอดภัยมาก ไม่ต้องให้ใครคุ้มกันหรอก กลับห้องไปพักผ่อนกันทั้งสองคนนั่นแหละ”
สองศิษย์อาจารย์พร้อมใจกันส่ายหน้า
หนึ่งต่อสอง เย่ว์เลี่ยงพ่ายแพ้
“งั้นจือฉินอยู่ต่อ เสี่ยวเยาเยาไปพักผ่อน พรุ่งนี้ต้องฝังเข็มให้อู๋เปียนอีก”
มู่เถาเยาเบะปาก แขนขายาวๆ ตะกายขึ้นเตียงของเย่ว์เลี่ยง พร้อมทั้งห่มผ้าเรียบร้อย “หนูจะนอนที่นี่”
เย่ว์เลี่ยงกับลู่จือฉินหลุดหัวเราะ พูดพร้อมกัน “เอาที่สบายใจเลยนะ”