บทที่ 270 ดูแลเธอดีๆ
รถของลี่จุนถิงยังไม่ทันขับถึงบริษัทก็ได้รับสายจากเจ้าของร้าน
“ว่าไงครับ?” ลี่จุนถิงพิงที่เบาะอย่างเนือยๆ
“คุณชายลี่คะ เป็นอย่างที่คุณคิดเลยค่ะ เมื่อครู่นี้คุณหนูส้งขอดูกล้องวงจรปิดจริงๆ” เจ้าของร้านพูด
ลี่จุนถิงยกมุมปากขึ้นเหมือนรู้อยู่แล้ว “ไม่ถูกจับได้ใช่ไหมครับ?”
เจ้าของร้านหัวเราะพูดประจบ “คุณชายลี่วางใจได้เลยค่ะ ไม่ถูกจับได้แน่นอน คุณบอกฉันก่อนล่วงหน้าแล้ว ฉันก็ให้เจ้าหน้าที่ห้องควบคุมกล้องวงจรปิดไปดัดแปลงแล้ว ไม่มีทางจับได้แน่นอนค่ะ”
ลี่จุนถิงพยักหน้าพอใจ “งั้นก็ดีครับ คุณไปทำเรื่องของคุณเถอะ เรื่องนี้ผมจะตอบแทนคุณเป็นอย่างดี”
เจ้าของร้านหัวเราะสองที “คุณชายลี่ไม่ต้องเกรงใจค่ะ นี่คือสิ่งที่ฉันควรทำ”
ลี่จุนถิงไม่พูดอะไรพลันวางสายลง สีหน้าขรึมลงทันที
ดูท่าส้งหวั่นหวั่นจะไม่ใช่คนที่รับมือด้วยได้ง่าย มิน่าล่ะ เจียงหยุนเอ๋อถึงได้โดนใส่ร้ายครั้งแล้วครั้งเล่า
คนที่ใสซื่ออย่างเจียงหยุนเอ๋อจะเป็นคู่ปรับของส้งหวั่นหวั่นได้อย่างไร
เมื่อครู่นี้ลี่จุนถิงกลัวว่าจะเป็นอย่างที่คิด ถ้าส้งหวั่นหวั่นสงสัยเลยอยากไปแน่ใจให้ได้ว่าคนนั้นใช่เจียงหยุนเอ๋อหรือเปล่าก็จบกัน
เพราะฉะนั้นก่อนที่ลี่จุนถิงจะออกมา ก็ได้บอกกับเจ้าของร้านไว้แล้ว
โชคดีที่ตัวเองเตรียมการไว้ก่อน ไม่งั้นก็จะทำให้เจียงหยุนเอ๋อตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง
และในเวลาเดียวกันนี้เอง ซู่จี้งยี้ที่ขับรถอยู่ด้านหน้าก็เปิดปากพูดขึ้น “คุณชายลี่ พวกเราเหมือนจะโดนสะกดรอยตามนะครับ”
ต้องรู้ว่าซู่จี้งยี้เคยถูกฝึกมาก่อน ความระแวดระวังตัวนั้นสูงมาก
ลี่จุนถิงหัวเราะหยัน ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเป็นใคร “ให้เขาตามมา พวกเรากลับไปบริษัทเลย”
ซู่จี้งยี้พยักหน้าแล้วขับรถไปบริษัท
หลังจากที่รถของลี่จุนถิงขับเข้าไปในบริษัทแล้ว คนที่ส้งหวั่นหวั่นส่งมาขับเข้าไปไม่ได้จึงไม่ได้ตามต่อไป
“คุณหนูครับ คุณชายลี่กลับบริษัทจริงๆครับ” คนนั้นรายงานกับส้งหวั่นหวั่น
เห็นลี่จุนถิงไม่ได้โกหกตัวเอง ส้งหวั่นหวั่นก็โล่งใจเล็กน้อย “งั้นนายเฝ้าอยู่ข้างนอกก่อน ดูว่าแต่เดี๋ยวเขาจะออกมาหรือเปล่า ถ้าออกมาก็ต้องตามไป เข้าใจไหม?”
“ครับ ทราบแล้วครับ”
ส้งหวั่นหวั่นกำมือถือ ถึงแม้จะไม่รู้ว่าใช่ตัวเองคิดมากไปเองหรือเปล่า แต่เผื่อไว้ก่อนก็ดี
ดีที่ตอนนี้ลี่จุนถิงคิดได้แล้วที่ตกลงแต่งงานกับตัวเอง แล้วยังไปลองชุดเจ้าสาวกับตัวเอง เมื่อกี้บอกจะกลับบริษัทก็ไม่ได้โกหกเธอ
แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ หลังจากที่ซู่จี้งยี้จอดรถเรียบร้อยแล้ว ลี่จุนถิงก็ลงจากรถทันทีแล้วเดินไปที่ชั้นใต้ดิน เปลี่ยนรถที่ไม่ได้โดดเด่นสะดุดตาขับออกมา
ทางออกของชั้นใต้ติดขับอ้อมไปด้านหลังของคนที่ส้งหวั่นหวั่นส่งมาได้ แน่นอนว่าพวกเขาก็ไม่ได้สังเกตเห็น
และตอนนี้ลี่จุนถิงก็ขับตรงไปที่อยู่ของเจียงหยุนเอ๋อเลย
เมื่อครู่นี้ลี่จุนถิงเหลือบมองเห็นสีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อ ดูแย่มากจริงๆ
และช่วงนี้เจียงหยุนเอ๋อก็เหมือนจะผอมลง ลี่จุนถิงนึกสภาพของเจียงหยุนเอ๋อในตอนนี้ก็รู้สึกปวดใจ
เขาเป็นห่วงว่าเจียงหยุนเอ๋อจะเสียใจที่เห็นตัวเองกับส้งหวั่นหวั่นเลือกชุดเจ้าสาวกันเมื่อครู่นี้
ที่อยู่ของเจียงหยุนเอ๋อ
วันนี้บริษัทของเหยนกวานซืไม่ได้มีงานเยอะพอดี เหยนกวานซืถึงกลับมาเร็วได้ ตอนกลับมาก็เอาข้าวกลับมาให้เจียงหยุนเอ๋อด้วย
ตอนที่ออกไปเห็นเจียงหยุนเอ๋ออารมณ์ไม่ดี แถมยังจิตตกจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เขาก็ไม่กล้าจากไปนานมาก
“พี่ ผมเอาข้าวเที่ยงมาให้ พี่ต้องกินนะ” เหยนกวานซืพูดพลางเปิดปิ่นโตให้เจียงหยุนเอ๋อ
แต่เจียงหยุนเอ๋อไม่มีอารมณ์เดินไปกินข้าว แค่นั่งใจลอยอยู่บนโซฟา
เหยนกวานซืไม่เห็นเจียงหยุนเอ๋อตอบรับตัวเองจึงถอนหายใจออกมาอย่างจนใจ “ผมว่านะพี่ พี่เป็นแบบนี้ไม่ได้นะ คนเรากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ต่อให้พี่อารมณ์ไม่ดีหรือไม่สบายก็ไม่กินข้าวไม่ได้”
เหยนกวานซืถูกอบรมสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กๆว่าไม่กินข้าวไม่ได้ ต่อให้ยุ่งมากแค่ไหนเขาก็ต้องกินข้าว
ห้ามพลาดแม้แต่มื้อเดียว
เหยนกวานซืเอาข้าวเที่ยงยื่นไปที่หน้าของเจียงหยุนเอ๋อ “พี่ พี่กินหน่อยเถอะ”
เจียงหยุนเอ๋อเห็นเหยนกวานซืเกลี้ยกล่อมตัวเองขนาดนี้ ถ้าไม่กินก็ไม่ดี เลยฝืนใจหยิบตะเกียบขึ้นมากินสองสามคำ
เหยนกวานซืเห็นเจียงหยุนเอ๋อกินข้าวแล้วก็ดีใจ จึงนั่งลงมาที่โซฟา “พี่รีบกินนะ ผมจะดูพี่กินให้หมด”
“นายกินแล้วยัง?”
เหยนกวานซืพยักหน้า “พี่วางใจได้เลย ผมไม่พลาดแม้แต่มื้อเดียวอยู่แล้ว”
เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า กินไม่กี่คำก็รู้สึกว่ากินต่อไม่ไหวแล้ว
เจียงหยุนเอ๋อวางตะเกียบลง “ฉันพออิ่มแล้ว”
“พี่กินแค่ไม่กี่คำเองนะ แบบนี้ได้ยังไงกัน” เหยนกวานซือยากให้เจียงหยุนเอ๋อกินต่ออีกสองสามคำ แต่ยังไม่ทันพูดจบก็สังเกตเห็นสีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อผิดปกติ
เจียงหยุนเอ๋อจู่ๆก็รู้สึกเจ็บตรงท้องน้อย เจ็บจนคิ้วขมวดเข้าด้วยกัน
“พี่ พี่เป็นอะไร?” เหยนกวานซืสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อผิดปกติ หน้าผากเริ่มผุดเหงื่อขึ้นมาแล้ว
“พี่ พี่ปวดท้อง เจ็บจังเลย” เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกว่าท้องกำลังกระตุก เจ็บจนเริ่มพูดติดอ่าง
เหยนกวานซืเริ่มลนลานแล้ว ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง
“พี่ครับ ผม……จริงด้วย พวกเราไปโรงพยาบาลกัน ใช่ ไปโรงพยาบาล” เหยนกวานซือุ้มเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมาแล้วรีบพุ่งออกนอกบ้าน
และในตอนนี้เอง ลี่จุนถิงก็ขับรถมาถึงหน้าบ้านของเจียงหยุนเอ๋อแล้ว
ในขณะที่เขากำลังลังเลว่าจะขึ้นไปดีหรือเปล่านั้น ก็เห็นเหยนกวานซืกำลังอุ้มเจียงหยุนเอ๋อวิ่งออกมา
ลี่จุนถิงเห็นสีหน้าของเจียงหยุนเอ๋อแย่มาก มือก็กุมท้องอยู่ตลอด ในใจเป็นห่วงจนแทบบ้า แต่เขากลับอยู่ข้างๆเจียงหยุนเอ๋อไม่ได้
ลี่จุนถิงจึงรีบโทรหาหลันเยว่เฉิน
“เยว่เฉิน”
“ว่าไง? ใจร้อนเชียว?” ฟังน้ำเสียงของลี่จุนถิง หลันเยว่เฉินก็รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นอีกแล้วแน่ๆ
“เดี๋ยวเจียงหยุนเอ๋อจะถูกส่งไปโรงพยาบาล นายดูแลเธอให้ดีๆ ไม่ว่าเธอขออะไรนายก็ต้องรับปากเธอ เข้าใจมั้ย?”
หลันเยว่เฉินงง นี่มันเรื่องอะไรกัน แต่เขาก็รับปากแต่โดยดี
เป็นอย่างที่พูด ผ่านไปได้ไม่นานเจียงหยุนเอ๋อก็ถูกส่งมาโรงพยาบาล
ลี่จุนถิงสั่งตัวเองมาแล้ว หลันเยว่เฉินจะกล้าเมินเฉยได้ยังไง เขาจึงเป็นคนไปรับด้วยตัวเองเลย
พอเจียงหยุนเอ๋อเห็นหลันเยว่เฉินก็กำแขนเสื้อของหลันเยว่เฉินแน่นพลางพูดขึ้นอย่างอ้อนวอน “เยว่เฉิน นายห้ามบอกเรื่องที่ฉันมากับจุนถิงเด็ดขาดนะ ห้ามบอกเขาเด็ดขาด”
หลันเยว่เฉินไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาสองคน ลี่จุนถิงรู้ว่าเจียงหยุนเอ๋อมาแท้ๆ แต่เจียงหยุนเอ๋อกลับไม่รู้ว่าลี่จุนถิงรู้?
แต่เห็นสภาพของเจียงหยุนเอ๋อตอนนี้ บวกกับที่ลี่จุนถิงกำชับมา เขาก็ได้แต่ตกลง “โอเค ฉันรู้แล้ว”
เจียงหยุนเอ๋อก็ยังไม่วางใจ “ไม่ได้ นายต้องสาบาน”
“หา?” หลันเยว่เฉินตกใจ แต่เห็นสายตาของเจียงหยุนเอ๋อก็ไม่เหมือนกับล้อเล่น จนปัญญาเลยจริงๆ