ตอนที่ 310 เข้าใจภาษาหมาป่าแล้ว

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 310 เข้าใจภาษาหมาป่าแล้ว

ตอนเช้าเมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้าออกมาแล้ว พวกมู่เถาเยาสามคนก็กลับมาจากไปล้างหน้าล้างตาที่น้ำตก

“เจ้าเทา!”

มู่เถาเยารู้ว่าวันนี้แม่หมาป่าจะลุกขึ้นมาเดินเหินได้ แต่พอเห็นหมาป่าที่เดิมทีนอนซมมาตลอดกำลังยืนอยู่หน้าปากถ้ำมองมาทางน้ำตก เธอก็รู้สึกเซอร์ไพรส์มาก

บรู้ววว

แม่หมาป่าเห็นพวกเธอกลับมาก็หอนเรียกด้วยความดีใจ

มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมนวางอุปกรณ์ล้างหน้าแปรงฟันในมือแล้วรีบไปช่วยตรวจดูบาดแผลให้มันบนหินก้อนใหญ่

“ใช้ได้ แผลเริ่มสมานกันแล้ว ดีเหมือนที่คิดไว้เลย วันนี้ไม่ต้องใส่ยาพันแผลแล้ว พวกเราไม่กลับมาไม่มีใครเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เธอได้อีก”

มู่เถาเยาหยิบยาของแม่หมาป่าออกมาจากกระเป๋าผ้าของตัวเอง

ยาตัวนี้มีแค่สิบห้าเม็ด ไม่ได้ใส่ขวดมา ใส่ในกล่องไม้ เพื่อให้หมาป่าสะดวกเอาออกมากิน

ป้อนให้แม่หมาป่ากินก่อนหนึ่งเม็ด จากนั้นก็สื่อสารกับมันอย่างอดทน “เจ้าเทา นี่ยาของเธอ กินทุกเช้าวันละเม็ด”

หยิบออกมาจากกล่องหนึ่งเม็ด ชูนิ้วชี้ “วันละเม็ดนะ กินทุกเช้า”

นิ้วชี้นั้นยังชี้ไปยังดวงอาทิตย์ที่กำลังขึ้น จากนั้นก็ทำเป็นเอายาเข้าปาก…

พูดพร้อมแสดงท่าทางประกอบ

“เจ้าขาว นายช่วยเมียจำด้วย วันละเม็ด กินตอนดวงอาทิตย์ขึ้น”

มู่เถาเยาทำท่าทางให้หมาป่าขาวดูอีกรอบ

เย่ว์จือกวงกับลู่จือฉินเก็บสัมภาระพลางฟังแล้วกลั้นขำ

มู่เถาเยาแสดงท่าทางอย่างจริงจัง จากนั้นก็อุ้มแม่หมาป่าเข้าไปในถ้ำ เอายาวางข้างตัวมันปิดฝาไม้ที่แค่สะกิดเบาๆ ก็เปิดออก

“เจ้าขาว เจ้าเทา ตกลงกันได้หรือยัง ฉันจะเอาลูกสีเทาสองตัวของพวกนายไป…”

กลัวพวกมันไม่เข้าใจ เธอจึงเอาเข่งเข้ามาใส่ลูกหมาป่าสีเทาสองตัว แบกขึ้นหลัง ชี้ท้องฟ้าด้านนอก…ความหมายคือเหาะไป

“เข้าใจแล้วใช่ไหม” เธอพยายามแสดงท่าทางอย่างสุดความสามารถแล้วจริงๆ

ราชาหมาป่าขาวกับเมียหอนพร้อมกัน

มู่เถาเยาแอบเหนื่อยใจ คิดว่าพวกมันคงเข้าใจแล้ว

อืม พวกมันเข้าใจแน่ๆ

เย่ว์จือกวงตะโกนอยู่ตรงปากถ้ำ “เสี่ยวเยาเยา ออกมากินข้าวเช้าได้แล้ว”

“ค่ะ”

มู่เถาเยาขานตอบพี่ชายแล้วอุ้มลูกหมาป่าเทาสองตัวออกมาวางข้างแม่หมาป่า ให้พวกมันได้อยู่ด้วยกันอีกหน่อย

ออกไปล้างมือ ทั้งสามคนนั่งกินนม ขนมปัง และผลนมหมาป่า

ครึ่งชั่วโมงต่อมา เก็บขยะเรียบร้อย เตรียมยาเสร็จ มู่เถาเยาก็เอานกหวีดหมาป่าออกมาเป่า รวมตัวหมาป่าทั้งฝูง พร้อมทั้งให้พวกมันยืนแยกเป็นกลุ่มลูกหมาป่า กลุ่มหมาป่าตัวเมีย

ครอบครัวหมาป่าขาวก็ออกมาจากถ้ำ รวมถึงแม่หมาป่าที่เดินออกมาเอง

ป่าพิษหมาป่ากว้างขวางเกินไป ก็ไม่รู้ว่ารวมตัวกันครบหรือยัง อย่างไรเสียในสายตาของพวกเธอก็มีแต่หมาป่าละลานตา

มู่เถาเยา ลู่จือฉิน เย่ว์จือกวง ป้อนยาลูกหมาป่าก่อน ตัวละเม็ด

ทั้งสามคนนับไปด้วย กินหมดก็รู้ได้แล้วว่ามีลูกหมาป่ากี่ตัว

ลู่จือฉินยิ้มพูด “เสี่ยวเยาเยา นึกไม่ถึงว่าจะมีลูกหมาป่าเยอะขนาดนี้ ขนาดพวกเจ้าตัวเล็กยังไม่พอแบ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตัวเมียเลย”

ในบรรดาหมาป่าหลายพันตัวน่าจะมีลูกหมาป่าอยู่เจ็ดแปดร้อยได้หรือเปล่า

“นั่นสิคะ เมื่อก่อนหมาป่ามีการแบ่งแยกชนชั้น ราชาหมาป่าเท่านั้นที่มีสิทธิ์ผสมพันธุ์ แต่นั่นก็แค่ในยุคสมัยที่อาหารขาดแคลน…ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว อาหารมีมากพอ…” มู่เถาเยาวิเคราะห์ความเป็นไปได้

“เป็นแบบนั้น”

เย่ว์จือกวง “อันที่จริงสัตว์ชนิดหนึ่งมีมากเกินไปจะส่งผลต่อสมดุลของระบบนิเวศ”

“พี่รองไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ พวกหมาป่ารู้กฎของป่า” ไม่อย่างนั้นผ่านมาหลายพันปีแล้วคงไม่ได้มีแค่ไม่กี่พันตัวหรอก

“อืม”

อยู่กับฝูงหมาป่าอีกสักพักมู่เถาเยาก็เป่านกหวีดหมาป่าให้พวกมันแยกย้าย

“เอาล่ะ พวกเราควรไปกันได้แล้วค่ะ ลากันตรงนี้เลยแล้วกัน วันหน้าค่อยกลับมาเยี่ยมพวกแกอีกนะ” เธอลูบหัวราชาหมาป่าขาวกับลูกตัวสีขาวของมัน

“เอ๊ะ เจ้าพวกเด็กๆ ตัวสีเทาล่ะ” เมื่อกี้สองตัวนั้นยังอยู่ตรงนี้เลย

หมาป่าขาวตัวน้อยส่งเสียงหอนหนึ่งทีแล้ววิ่งเข้าถ้ำ

มู่เถาเยากับครอบครัวหมาป่าขาววิ่งตามเข้าถ้ำด้วย

เห็นเพียงเจ้าสองตัวน้อยนั้นกำลังขดตัวอยู่ในเข่งของเธอ

เมื่อกี้ไม่ได้พาพวกมันออกไป เวลานี้พวกมันกลับมุดเข้าไปอยู่ในเข่งของเธอเองบราวนี่ออนไลน์

ฉลาดจริงๆ!

มู่เถาเยาเดินเข้าไปใกล้ ลูบหัวทีละตัว จากนั้นก็อุ้มออกมา

หมาป่าเทาตัวน้อยส่งเสียงหอนเบาๆ

“นี่มันเข่งไว้ใส่อุปกรณ์ เราสองตัวอยู่ในนี้นานเข้าจะไม่สบายตัว เดี๋ยวพวกเราจะเอาของออกจากกระเป๋าเต็นท์ พวกนายไปอยู่ในนั้นสองสามวันก่อนนะ”

เย่ว์จือกวงหยิบกระเป๋าเป้เข้ามาพอดี

มู่เถาเยาเอาลูกหมาป่าตัวหนึ่งใส่เข้าไป จากนั้นก็วางลงในเข่ง

ส่วนอีกตัวหนึ่งแค่เอาใส่กระเป๋าไว้ เพราะเข่งอีกใบต้องเอาไว้ใส่สมุนไพรที่ขุดได้

เต็นท์สองหลังรวบเอาใส่ถุงสานที่พวกเธอพกมาเมื่อวาน

เย่ว์จือกวงสะพายเข่งที่มีลูกหมาป่า หิ้วถุงสาน ลู่จือฉินสะพายเข่งอีกใบที่ในนั้นมีกล่องยา เสียมขุด มือหิ้วน้ำสองขวด มู่เถาเยาสะพายลูกหมาป่าอีกตัว มือหิ้วอาหาร

แบบนี้แต่ละคนก็มีมือว่างหนึ่งข้างแล้ว

“เจ้าขาว เจ้าเทา ขาวน้อย พวกเราไปแล้วนะ ไว้วันหลังจะมาเยี่ยมใหม่” มู่เถาเยาโบกมือให้พวกหมาป่า

ถ้าเธอมีเวลาจะพาเจ้าเทาน้อยสองตัวมาเยี่ยมพวกมัน

บรู้ววว

ทั้งสามคนใช้วิชาตัวเบาเหาะไปทางแหล่งดอกจื่อตันท่ามกลางเสียงหอนของหมาป่า

มู่เถาเยาคิดว่า ในเมื่อทางนี้มีดอกจื่อตันขึ้นตั้งมากขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นเป็นไปได้ไหมว่าจะมีสมุนไพรวิเศษอื่นๆ อีก

จึงตัดสินใจเริ่มต้นหาจากตรงนี้

เทาน้อยสองตัวตื่นเต้นมาก

ถ้าไม่ติดว่าร่างกายพวกมันไม่แข็งแรง พวกมันคงวิ่งพล่านไปทั่วเหมือนหมาทั่วไปแน่นอน

มู่เถาเยารู้สึกว่าเจ้าสองตัวนี้เหมือนตี้อู๋เปียน น่าสงสาร

พอถึงเวลากินข้าวก็ป้อนยาบำรุงที่เปลี่ยนสูตรให้เจ้าสองตัวนี้ จากนั้นค่อยอุ้มออกมาให้พวกมันเดินเล่นแถวนั้น

พวกมันเดี๋ยวหอนเดี๋ยวเห่า…เปลี่ยนเสียงเรียกแบบ ‘หลายภาษา’ ไม่นานหมาป่าแถวนั้นก็ตามเสียงพวกมันมา

เคยเจอพวกมู่เถาเยาแล้วทั้งนั้น พวกหมาป่าจึงล้อมเข้ามาอย่างเป็นมิตร

เทาน้อยสองตัวเล่นกับลูกหมาป่าตัวอื่นอย่างสนุกสนาน สุดท้ายก็ล้มนอนเพราะความเหนื่อย

มู่เถาเยาหลุดขำ รู้ว่าพวกมันไม่เป็นอะไรมาก จึงปล่อยพวกมันนอนไป รอพวกเธอกินข้าวกลางวันเสร็จ พักอีกครึ่งชั่วโมงค่อยอุ้มเจ้าสองแสบเข้ากระเป๋าเป้

เมื่อเริ่มออกเดินทางต่อหมาป่าพวกนี้ก็ตามไปกันหมด

เส้นทางแล้วเส้นทางเล่า แม้แต่ตอนกลางคืนก็ไม่ไปไหน แถมคณะเดินทางยังใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถึงวันเสาร์ที่เตรียมตัวกลับ พวกมู่เถาเยาสามคนก็เรียนภาษาร่างกายของพวกหมาป่าเป็นกันแล้ว!

“เอาล่ะ คราวนี้พวกเราต้องไปแล้วจริงๆ พวกแกก็กลับกันได้แล้วนะ…” บลาๆๆ

บรู้ววว

ลู่จือฉินกับเย่ว์จือกวงรู้สึกขำ มองมู่เถาเยาที่ร่ำลาฝูงหมาป่าอยู่สิบนาทีแล้วยังไม่จบ แต่ก็ไม่ได้เร่งเธอ

“…พวกเราไปแล้วจริงๆ นะ…อาจารย์ พี่รอง ไปกันค่ะ”

ลู่จือฉินเลิกคิ้วพูด “อาจารย์คิดว่าต้องรอถึงเย็นเสียอีก”

“…พี่ใหญ่จะมารับตอนห้าโมง” ถ้าไม่เจอใครเดี๋ยวจะเป็นห่วง

เย่ว์จือกวงลูบศีรษะน้องสาวสุดที่รัก ยิ้มพูด “อืม กลับกันเถอะ”

มู่เถาเยาหยิบของแล้วกระโดดปลายเท้าแตะยอดไม้

อีกสองคนตามไปติดๆ