ตอนที่ 240 เตือน

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 240 เตือน
“สำนึกขอรับ!” บัดนี้ตู้ซานเป่าเลือกร้อนพุ่งพล่าน เขาหันกายไปโค้งคำนับทางประตูกระโจม จากนั้นเงยหน้าตะโกนเสียงดัง

“แม่ทัพไป๋ แม่นางจี้ ตู้ซานเป่าสำนึกผิดแล้วขอรับ! ข้าจะไปรับโทษเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปตู้ซานเป่าจะกลับไปตั้งต้นเป็นทหารธรรมดาใหม่ จะดึงความตั้งใจแรกเริ่มของการเป็นทหารกลับมาให้ได้ขอรับ!”

คำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนทำให้ตู้ซานเป่าหวนนึกถึงความตั้งใจแรกเริ่มตอนเข้ามาเป็นทหาร…เพราะศัตรูสังหารชาวบ้านแถบชายแดน ข่มเหงรังแกสตรีแคว้นต้าจิ้น เขาเป็นชายเลือดร้อนของต้าจิ้น เมื่อได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ชายแดนจึงรู้สึกโมโหอยากสังหารศัตรูให้ราบเรียบ ดังนั้นเขาจึงสมัครมาเป็นทหาร

เพราะอยาก…ปกป้องบ้านเมือง คุ้มครองชาวบ้าน

ต่อมาเขาได้เลื่อนขึ้นเป็นนายกองห้า นายกองสิบ จวบจนบันนี้เป็นถึงนายกองร้อย ตำแหน่งของเขาสูงขึ้นเรื่อยๆ ความตั้งใจเดิมก็ลดลงเรื่อยๆ เช่นเดียวกัน

ถ้อยคำของแม่ทัพไป๋ในวันนี้เหมือนเป็นการเตือนสติเขา

ตู้ซานเป่ายินดีรับโทษในครั้งนี้!

ไป๋ชิงเหยียนหันไปมองนอกกระโจมแวบหนึ่ง เมื่อเห็นจี้หลางหวาก้มหน้าใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาพลางกอดเสื้อคลุมกันลมไว้ในอ้อมกอดแน่น หญิงสาวจึงเอ่ยถามเสียงแผ่วเบา “เสื้อคลุมนี่…”

จี้หลางหวากัดริมฝีปาก ลูบเสื้อคลุมอย่างเสียดาย จากนั้นยื่นให้ไป๋ชิงเหยียนทั้งน้ำตา กล่าวเสียงสะอื้น

“เป็นของแม่ทัพไป๋ชิงหมิงเจ้าค่ะ ข้าถูกทหารซีเหลียงย่ำยี แม่ทัพไป๋ชิงหมิงเป็นคนช่วยชีวิตข้าเอาไว้ เดิมทีข้าอยากเก็บเสื้อคลุมตัวนี้เอาไว้ดูต่างหน้า บัดนี้…ข้าควรจะคืนมันให้แก่เสี่ยวไป๋ไซว่เจ้าค่ะ!”

ไป๋ชิงเหยียนเอื้อมมือไปลูบเสื้อคลุมกันลมที่จี้หลางหวายื่นให้ เสื้อคลุมตัวนี้ถูกซักจนสะอาดเกลี้ยงเกลา ส่วนที่ขาดวิ่นก็ถูกเย็บอย่างเรียบร้อย ดวงตาของหญิงสาวร้อนผ่าวเล็กน้อย ที่แท้เป็นของอาหมิง มิน่า…นางถึงได้รู้สึกคุ้นตานัก

ไป๋ชิงเหยียนมองจี้หลางหวา “ในเมื่อเจ้าอยากเก็บไว้ดูต่างหน้าก็เก็บไว้เถิด จงมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี!”

จี้หลางหวาน้ำตาเอ่อล้น กัดริมฝีปากของตัวเองแน่น กอดเสื้อคลุมไว้ในอ้อมกอดอย่างแรง มองไปทางไป๋ชิงเหยียนอย่างขอบคุณ

“ขอบพระคุณเสี่ยวไป๋ไซว่มากเจ้าค่ะ ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ดี จะไม่ทำผิดต่อแม่ทัพไป๋ชิงหมิงและกองทัพไป๋เจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า มองไปทางจี้หลางหวาพลางเอ่ยถาม “เจ้าจะจากไปแล้วหรือ” จี้หลางหวาพยักหน้า “สองแคว้นทำสัญญาสงบศึกกันแล้ว ในเมื่อไม่มีสงครามแล้ว ข้าก็ควรกลับไปแล้วเจ้าค่ะ”

“เดินทางตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย หากเจ้าเจอฝูงหมาป่าจะทำเช่นไร เจ้าพักผ่อนให้เต็มที่ก่อนเถิด พรุ่งนี้ค่อยออกเดินทางพร้อมกับกองทัพ เมื่อเดินทางไปถึงเทียนเหมินกวน ข้าจะให้คนไปส่งเจ้า”

ไป๋ชิงเหยียนเห็นจี้หลางหวาเตรียมปฏิเสธจึงกล่าวต่อ “สองสามวันนี้ข้ายังต้องทำแผลอยู่ คงต้องรบกวนเจ้าด้วย!”

จี้หลางหวามองดูใบหน้าที่งดงามของไป๋ชิงเหยียน กระชับเสื้อคลุมในอ้อมกอดแน่นพลางพยักหน้าอย่างซาบซึ้ง

เซียวรั่วเจียงฟื้นขึ้นมาแล้ว เขานั่งให้หมอทหารทำแผลให้อยู่ที่ริมหน้าต่าง เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนเดินเข้ามา ชายหนุ่มรีบคว้าเสื้อมาสวมอย่างลวกๆ การกระทำอย่างรีบร้อนกระทบกับบาดแผลจนชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างเจ็บปวด เมื่อผูกเสื้อเสร็จ เขาจึงทำความเคารพไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่!”

“วันนี้ดีขึ้นหรือไม่”

เซียวรั่วเจียงพยักหน้า “ดีขึ้นมากแล้วขอรับ!”

“พรุ่งนี้ต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมองค์รัชทายาทแล้ว การเดินทางขรุขระ ท่านได้รับบาดเจ็บอยู่คงทนทรมานไม่ไหว ท่านพักรักษาตัวให้หายก่อนแล้วค่อยตามกลับไปเมืองหลวงดีกว่า”

เซียวรั่วเจียงเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียน เมื่อเห็นแววตาล้ำลึกแจ่มชัดของหญิงสาว เซียวรั่วเจียงมอบสำรวจรอบกาย จากนั้นขยับเข้าไปใกล้ไป๋ชิงเหยียน “คุณหนูใหญ่สั่งมาได้เลยขอรับ”

“ก่อนเดินทางกลับไปยังเมืองหลวง หากร่างกายของเสี่ยวจิ่วยังทนไหว ข้าอยากพบเขาสักครั้ง”

บัดนี้ไป๋ชิงเจวี๋ยอยู่ข้างกายเซียวหรงเหยี่ยน นางคงไม่ได้เจอหน้าเขา ทว่า เสี่ยวจิ่วอยู่ที่เส้าหยางจวิ้น อาจมีโอกาสได้พบหน้ากันสักครั้ง ทว่า เรื่องนี้ต้องมีคนคอยช่วยจัดการ ไม่มีผู้ใดเหมาะสมไปกว่าเซียวรั่วเจียงอีกแล้ว

เซียวรั่วเจียงพยักหน้า

“ท่านเป็นหรู่ซยงของข้า หากอยู่รักษาตัวต่อที่นี่ องค์รัชทายาทต้องให้คนจับตาดูอย่างใกล้ชิดแน่นอน ท่านจงระวังตัวให้ดี แม้ว่าครั้งนี้จะไม่อาจเจอกันได้ก็ต้องจัดการอย่างเหมาะสมที่สุด!”

“คุณหนูใหญ่วางใจได้ขอรับ!”

“การเดินทางกลับในครั้งนี้ ข้าจะทูลขอแยกจากขบวนของรัชทายาทไปเคารพสถานที่ที่ท่านปู่ ท่านพ่อ บรรดาท่านอาและน้องชายเสียชีวิต หากพบได้…จงส่งสัญญาณเซ่ากู่!”

“เฉวียนอวี๋กงกง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไรขอเจ้าคะ”

ไป๋ชิงเหยียนยังกล่าวไม่จบก็ได้ยินเสียงของไป๋จิ่นจื้อดังแว่วมาจากนอกกระโจมเสียก่อน

เฉวียนอวี๋ที่เดินไปเกือบถึงประตูกระโจมหันกลับไปมอง เห็นไป๋จิ่นจื้อเดินเอามือไขว้หลังมาทางกระโจมด้วยท่วงท่าองอาจ เขาทำความเคารพไป๋จิ่นจื้อยิ้มๆ

“องค์รัชทายาทเรียกพบแม่ทัพไป๋ บ่าวจึงมาเชิญแม่ทัพไป๋ด้วยตัวเองขอรับ”

ไป๋จิ่นจื้อเร่งฝีเท้าเข้าไป สองมือไขว้อยู่ทางด้านหลัง เอ่ยถามเสียงเบาหวิว “องค์รัชทายาททรงทราบเรื่องที่พี่หญิงใหญ่ของข้าอาละวาดที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือเจ้าคะ องค์รัชทายาทไม่ได้ตำหนิพี่หญิงใหญ่ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

เฉวียนอวี๋หัวเราะออกมาน้อยๆ “คุณหนูสี่กังวลเกินไปแล้วขอรับ จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรขอรับ”

“ทรงทราบแล้วจริงๆ ด้วย” ไป๋จิ่นจื้อแสดงทำเป็นกังวล

เฉวียนอวี๋เงยหน้าขึ้นก็เห็นไป๋ชิงเหยียนเดินออกมาพอดี เขารีบเข้าไปทำความเคารพ

“แม่ทัพไป๋ องค์ชายทรงเรียกพบแม่ทัพไป๋และบ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลไป๋ที่คอยติดตามข้างกายของแม่ทัพไป๋ขอรับ!”

ไป๋ชิงเหยียนกำดาบบริเวณเอวแน่น บ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลไป๋หมายถึงเซียวรั่วเจียงสินะ

“บ่าวรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของตระกูลไป๋ที่คอยติดตามข้างกายของข้าอย่างนั้นหรือ” ไป๋ชิงเหยียนแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ท่านหมายถึงหรู่ซยงของข้าหรือ”

“ขอรับ!” ท่าทีของเฉวียนอวี๋นอบน้อมมาก เขาก้าวเข้าไปกระซิบบอกไป๋ชิงเหยียนด้วยเสียงเบาหวิว

“หลังจากองค์ชายพบกับแม่ทัพของตระกูลไปก็ทรงอารมณ์ไม่ค่อยดี แม่ทัพไป๋รีบไปโดยเร็วเถิดขอรับ อย่ารีรออีกเลย!”

เฉวียนอวี๋กล่าวเตือนไป๋ชิงเหยียน

ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าให้เฉวียนอวี๋อย่างขอบคุณ “ขอพระคุณที่เตือนขอรับ!”

“เสี่ยวซื่อ เจ้าไปบอกเซียวรั่วเจียงว่าองค์รัชทายาทต้องการพบเขา ให้เขารีบเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วตามไปโดยเร็ว พี่จะล่วงหน้าไปกับเฉวียนอวี๋กงกงก่อน”

ไป๋ชิงเหยียนผายมือเชิญเฉวีบนอวี๋สื่อให้เขาเป็นคนเดินนำ

ไป๋จิ่นจื้อเห็นสายตาที่ไป๋ชิงเหยียนส่งมาให้ นางพยักหน้ารับน้อยๆ

เมื่อเห็นว่าไป๋ชิงเหยียนและเฉวียนอวี๋จากไปแล้ว ไป๋จิ่นจื้อรีบเข้าไปในกระโจมทันที

ระหว่างที่ไป๋ชิงเหยียนเดินตามเฉวียนอวี๋ไปโดยไม่หยุดพัก สมองของนางก็ประมวลผลไปตอลดเช่นเดียวกัน

เฉวียนอวี๋กล่าวว่ารัชทายาทอารมณ์ไม่ค่อยดีหลังจากพบบรรดาแม่ทัพของกองทัพไป๋ เป็นเพราะแม่ทัพของกองทัพไป๋ต้องการพบนางและคนของนางหรือเพราะสาเหตุอื่นกันแน่

หากเกี่ยวข้องกับกองทัพไป๋ เหตุใดเขาต้องเรียกพบเซียวรั่วเจียงด้วย

หรือเขามีเรื่องสอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ชิวซานกวน

หรือว่ารัชทายาทพบว่าเซียวรั่วไห่ที่เคยดูแลข้างกายนางกลายเป็นเซียวรั่วเจียง เขาเป็นกังวลเรื่องการเปลี่ยนคนดูแลข้างกายนางอย่างนั้นหรือ

จางตวนรุ่ยไม่ได้รายงานเรื่องนี้ให้รัชทายาททราบนานแล้วหรือ เหตุใดรัชทายาทจึงเพิ่งมาถามตอนนี้กัน

ไม่นาน ไป๋ชิงเหยียนก็เดินมาถึงกระโจมของรัชทายาท

“คาราวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนทำความเคารพอย่างนอบน้อม เมื่อเห็นฟางเหล่านั่งอยู่ข้างกายของรัชทายาท หญิงสาวยิ้มพลางโค้งคำนับให้ฟางเหล่า

รัชทายาทนั่งอยู่หน้ากระดานหมากล้อม ดูไม่ออกว่าเขาอารมณ์ไม่ดี เขาจ้องไปที่กระดานหมากล้อมพลางกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน “คนรับใช้ข้างกายของเจ้าล่ะ”

“องค์ชาย นั่นคือพี่ชายที่ดื่มนมร่วมเต้าเดียวกันกับกระหม่อม ไม่ใช่คนรับใช้ของตระกูลไป๋พ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเสียงราบเรียบ

เฉวียนอวี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างเงยหน้ามองรัชทายาทสลับกับไป๋ชิงเหยียน เขาลอบปาดเหงื่อแทนไป๋ชิงเหยียน ก่อนหน้านี้เขาเตือนหญิงสาวไปแล้วว่ารัชทายาทอารมณ์ไม่ดี เหตุใดคุณหนูใหญ่ไป๋จึงกล้ากล่าวเสียงแข็งกับองค์ชายเช่นนี้อีก นางจะอ่อนให้องค์ชายสักหน่อยไม่ได้หรืออย่างไรกัน!

รัชทายาทโยนหมากในมือทิ้งไปในกล่องใส่หมาก หันไปมองไป๋ชิงเหยียน