ตอนที่ 241 ไม่รู้ความ

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 241 ไม่รู้ความ
“ไป๋ชิงเหยียน เราเห็นเจ้าเป็นคนกันเอง ดังนั้นเราจะไม่อ้อมค้อมกับเจ้า! เหลียงอ๋องปลอมแปลงจดหมายใส่ร้ายว่าเจิ้นกั๋วอ๋องสมคบคิดกับหนานเยี่ยน แม้คดีจะถูกพิสูจน์จนกระจ่างแจ้งแล้ว แต่เจ้าก็ควรระวังตัวและอยู่ให้ห่างจากหนานเยี่ยนไม่ใช่หรือ เหตุใดเจ้าต้องส่งหรู่ซยงของเจ้าไปยังหนานเยี่ยน หรือว่าหรู่ซยงของเจ้าแอบเดินทางไปเองโดยที่เจ้าไม่รับรู้…”

ไป๋ชิงเหยียนเข้าใจในทันที

“องค์ชายสงสัยกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนราบเรียบ

องค์รัชทายาทแสดงท่าทีราวกับโกรธและผิดหวังเป็นอย่างมาก ขึ้นเสียงสูงกว่าเดิม “หากเราสงสัยเจ้า ตอนนี้เจ้าจะได้มายืนอยู่ตรงหน้าเราเช่นนี้หรือ หากกลับไปแล้วเสด็จพ่อทรงตรัสถาม เจ้าก็จะตอบพระองค์เช่นนี้อย่างนั้นหรือ เจ้าคิดจะปิดบังเราอีกหรืออย่างไร!”

ขันทีเล็กคนหนึ่งเดินเข้ามาในกระโจม ทำความเคารพจากนั้นรายงาน “องค์ชาย หรู่ซยงของแม่ทัพไป๋มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ให้เข้ามา!”

เซียวรั่วเจียงได้ยินว่าองค์รัชทายาทเรียกพบเขากับไป๋ชิงเหยียน รู้ว่าพระองค์คงมีเรื่องต้องการสอบถาม เพื่อไม่ให้เป็นการผิดสังเกตไป๋ชิงเหยียนจึงล่วงหน้ามาก่อน ชายหนุ่มรีบไปที่กระโจมขององค์รัชทายาทอย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้นหากองค์รัชทายาทถามสิ่งใดที่เขาและไป๋ชิงเหยียนตอบไม่ตรงกันจะแย่กันหมด เขาแทบใส่เสื้อผ้าพลางเดินไปพลาง

เซียวรั่วเจียงหายใจหอบ ก้มหน้าเดินเร่งฝีเท้าเข้าไปด้านใน ชายหนุ่มคุกเข่าลงบนพื้น แสดงท่าทีทำเป็นหวาดกลัว น้ำเสียงเบาหวิว “กระหม่อม คา…คารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อเห็นว่าเซียวรั่วเจียงก้มศีรษะคำนับแนบพื้นราวกับเกรงกลัวบารมีขององค์รัชทายาทเป็นอย่างมาก ขณะกล่าววาจาก็กล่าวอย่างตะกุกตะกัก องค์รัชทายาทจึงเบาใจลงเล็กน้อย เขากลัวว่าชายหนุ่มจะเป็นคนหัวแข็ง ไม่อาจสืบรู้เรื่องราวอันใดจากปากของเขาได้

องค์รัชทายาทวางมาดอย่างเต็มที่ เหลือบมองไปยังเซียวรั่วเจียงที่นั่งคุกเข่าตัวสั่นอยู่ที่พื้น “เราขอถามเจ้า หลายวันก่อนเจ้าไปที่หนานเยี่ยนเพราะเหตุใด ผู้ใดสั่งให้เจ้าไป”

เซียวรั่วเจียงตกใจกับน้ำเสียงประโยคสุดท้ายที่กล่าวดังลั่นขององค์รัชทายาทจนร่างสั่นเทิ้ม ชายหนุ่มหันไปมองทางไป๋ชิงเหยียน

“เราถามเจ้าอยู่ เหตุใดเจ้าต้องมองแม่ทัพไป๋ด้วย!” องค์รัชทายาทเดือดดาล

เซียวรั่วเจียงก้มศีรษะแนบพื้นทันที ไม่กล้าหันมองไปทางอื่นอีก “กระหม่อม…กระหม่อม…”

ไป๋ชิงเหยียนถอยหายใจ “องค์ชาย หรู่ซยงค่อนข้างขี้ขลาด อีกทั้งเพิ่งเคยพบพระองค์เป็นครั้งแรก หากเสียมารยาทไปบ้างหวังว่าองค์ชายจะเข้าพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ในเมื่อองค์ชายต้องการทราบ…”

น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนชะงักไปเล็กน้อย กำหมัดคารวะองค์รัชทายาท “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียง องค์ชายทรงโปรดกันคนออกไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวรั่วเจียงที่ก้มศีรษะแนบพื้นอยู่เอาแต่จ้องไปที่หัวเข่าของตัวเอง ชายหนุ่มเข้าใจความหมายที่ไป๋ชิงเหยียนต้องการสื่อ เกี่ยวข้องกับชื่อเสียง…เช่นนั้นแสดงว่าต้องกล่าวถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของคุณหนูใหญ่

องค์รัชทายาทได้ยินเช่นนี้ก็เลิกคิ้วสูง โบกมือส่งสัญญาณให้ฟางเหล่าและเฉวียนอวี๋ออกไปทั้งหมด

ไม่นาน ในกระโจมใหญ่ก็เหลือเพียงแค่องค์รัชทายาท ไป๋ชิงเหยียนและเซียวรั่วเจียงสามคนเท่านั้น

“หรู่ซยงไม่ต้องกลัว องค์ชายเข้าข้างข้า มิเช่นนั้นเวลานี้ท่านคงไม่ได้มาอธิบายต่อหน้าพระองค์เช่นนี้หรอก ท่านคงโดนจับกลับไปเมืองหลวงแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวปลอบเซียวรั่วเจียงแผ่วเบา

องค์รัชทายาทได้ยินคำกล่าวของไป๋ชิงเหยียนก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก เขากล่าวเสริมอีกประโยค “เจ้ากล่าวมาได้เลย!”

“ทูลองค์องค์รัชทายาท กระหม่อมไปที่หนานเจียงตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่ไป๋ของกระหม่อมพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไปพบพ่อค้าเซียวหรงเหยี่ยนพ่ะย่ะค่ะ!” น้ำเสียงของเซียวรั่วเจียงแฝงไปด้วยความหวาดกลัว เขาเงยหน้าขึ้นอธิบายอย่างรีบร้อน “ทว่า คุณหนูใหญ่ไป๋ของข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์ลับอันใดกับเซียวหรงเหยี่ยนนะพ่ะย่ะค่ะ! องค์ชายอย่าทรงเข้าพระทัยผิดนะพ่ะย่ะค่ะ เซียวหรงเหยี่ยนผู้นั้นเป็นคนตอแยคุณหนูใหญ่ของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวรั่วเจียงกล่าวอย่างร้อนรนจบก็รีบก้มศีรษะลงอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะหวาดกลัวมาก

องค์รัชทายาทเลิกคิ้วสูง เซียวหรงเหยี่ยนอย่างนั้นหรือ!

ตั้งแต่ที่แยกจากกับเซียวหรงเหยี่ยนที่เมืองหวั่นผิง ชายหนุ่มเดินทางไปที่เมืองผิงหยาง จากนั้นก็ไม่ได้รับข่าวคราวจากชายหนุ่มอีกเลย เซียวหรงเหยี่ยนไปหนานเยี่ยนนี่เอง! เซียวหรงเหยี่ยน…ชอบไป๋ชิงเหยียน ตอแยไป๋ชิงเหยียนอย่างนั้นหรือ

องค์รัชทายาทมองไปทางไป๋ชิงเหยียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟ คลายคิ้วที่ขมวดออก…

แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด ไป๋ชิงเหยียนมีใบหน้าที่งดงามน่าตราตรึงใจมากจริงๆ แต่ไรมาวีรบุรุษล้วนหลงใหลสาวงาม…ทว่า สาวงามที่เซียวหรงเหยี่ยนชอบดูจะดุดันแข็งกร้าวไปสักหน่อย ผู้ใดจะรับไหวกัน

“เซียวหรงเหยี่ยนผู้นั้นเสียมารยาทมากพ่ะย่ะค่ะ! เขามอบม้าผิงอันตัวนั้นให้คุณหนูใหญ่ไป๋ของกระหม่อม คุณหนูสี่ชอบ คุณหนูใหญ่จึงรับม้าตัวนั้นไว้แล้วมอบมันให้คุณหนูสี่ เขายังเขียนจดหมายมาหาคุณหนูด้วยพ่ะย่ะค่ะ ในจดหมาย…ล้วนเป็นถ้อยคำล่วงเกินเกี้ยวพาราสีทั้งสิ้น!” เซียวรั่วเจียงกล่าวถึงตรงนี้ก็แสร้งทำเป็นเดือดดาลขึ้นมา “คุณหนูใหญ่เผาจดหมายทิ้งต่อหน้าคนที่มาส่งจดหมาย ทว่า ลูกน้องของเซียวหรงเหยี่ยนยังกล้านำจดหมายมาส่งอีกพ่ะย่ะค่ะ! คุณหนูใหญ่ไม่อยากถูกเซียวหรงเหยี่ยนตามตอแยอีกจึงสั่งให้กระหม่อมไปอธิบายกับเซียวหรงเหยี่ยนให้ชัดเจนว่าคุณหนูใหญ่จะไม่แต่งงานตลอดชีวิต! ต่อให้แต่ง…ก็ไม่มีวันแต่งงานกับคุณชายเจ้าสำราญและมีฐานะเป็นพ่อค้าอย่างเขา!”

ที่แท้ก็เป็นเรื่องรักๆ ใคร่ๆ นี่เอง

“องค์ชาย เดิมทีชิงเหยียนเห็นว่าเซียวเซียนเซิงสนิทกับองค์ชาย ไม่อยากทำให้องค์ชายรู้สึกลำบากพระทัยจึงส่งให้หรู่ซยงเดินทางไปพบเขา นึกไม่ถึงเลยว่าจะเกิดการเข้าใจผิดเช่นนี้ ชิงเหยียนขอกล่าวอย่างไม่ปิดบัง หรู่ซยงผู้นี้ค่อนข้างขี้กลัว กระทำการสิ่งใดมักทำอย่างรอบคอบ หากเขาไปหนานเจียงเพื่อพบกับแคว้นศัตรูจริงๆ ไม่มีทางถูกจับได้แน่นอนเพคะ!”

ไป๋ชิงเหยียนมองเซียวรั่วเจียงจากนั้นกล่าวเสริมอีกประโยค “การเดินทางมาหนานเจียงในครั้งนี้ หรู่ซยงของหม่อมฉันเดินทางล่วงหน้ามาสำรวจสถานการณ์ของค่ายทหารซีเหลียงให้ก่อน ทว่า ซีเหลียงไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดเพคะ”

ดวงตาขององค์รัชทายาทเป็นประกาย เลิกคิ้วมองไปยังเซียวรั่วเจียงที่นั่งก้มหน้าคุกเข่าอยู่ที่พื้น ไป๋ชิงเหยียนกล่าวถูกต้องแล้ว คนขี้ขลาดมักรอบคอบระมัดระวังตัวกว่าผู้อื่น!

ไป๋ชิงเหยียนเดินทางมาหนานเจียงกับเขาในครั้งนี้ ข้างกายของนางมีเพียงหรู่ซยงคนเดียว เขายังคิดอยู่เลยว่าเป็นเพราะไป๋ชิงเหยียนไม่มีทหารหน่วยกล้าตายคอยปกป้องแล้ว…ตอนที่คุณชายทั้งสิบเจ็ดของตระกูลไป๋ไปออกรบ เหล่าทหารหน่วยกล้าตายล้วนติดตามไปคุ้มครองคุณชายเหล่านั้นหมดแล้ว!

ที่แท้หรู่ซยงของไป๋ชิงเหยียนมีความสามารถเช่นนี้ซ่อนอยู่นี่เอง!

“ชิงเหยียนยังมีหรู่ซยงอีกคน ตอนออกเดินทางองค์ชายทรงเคยพบแล้วเพคะ เขาเป็นคนร่างแผนที่ค่ายทหารของซีเหลียงในสงครามแม่น้ำจิง บัดนี้เขาน่าจะอยู่ที่ภูเขาถงกู่แล้ว เพื่อป้องกันซีเหลียงถือโอกาสตอนที่ทหารของสองแคว้นแลกเปลี่ยนดินแดนมีเล่ห์เหลี่ยมเพคะ”

ไป๋ชิงเหยียนอธิบายกับองค์รัชทายาทก่อนที่จะถูกเขาซักถามต่อ

“รอบกายของแม่ทัพไป๋มีคนเก่งเต็มไปหมดจริงๆ !” องค์รัชทายาทอดอุทานออกมาไม่ได้

“บัดนี้ตระกูลไป๋ก็มีเพียงหรู่ซยงทั้งสองที่พอจะใช้งานได้เพคะ องค์ชายมองคนเก่งและใช้คนเป็น รอบกายมีแต่คนคมในฝักทั้งสิ้น…” ไป๋ชิงเหยียนก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มในดวงตา “ไม่ว่าจะเป็นฟางเหล่าหรือฉินเซียนเซิง หรือแม้แต่เริ่นเซียนเซิงผู้นั้น ผู้ใดไม่ใช่คนเก่งกาจ มีสติปัญญามากล้ำบ้างเพคะ”

หากถ้อยคำนี้ออกมาจากปากของผู้อื่นอาจสงสัยได้ว่าเป็นคำเยินยอ ทว่าเมื่อออกมาจากปากของสตรีที่เก่งกาจอย่างไป๋ชิงเหยียน องค์รัชทายาทรู้สึกเชื่อเป็นอย่างมาก

ทว่า ไป๋ชิงเหยียนผู้นี้ช่างไม่รู้ความเอาเสียเลย คนที่เขากล่าวชม…นางควรมอบคนของนางให้เพื่อเอาใจเขาไม่ใช่หรืออย่างไรกัน

ช่างเถิด ตระกูลไป๋ทะนงในศักดิ์ศรี พวกเขาไม่ใช่คนชอบประจบสอพลอ ที่สำคัญต่อให้ไป๋ชิงเหยียนกล้ามอบสองคนนี้ให้เขา เขาก็คงไม่กล้าใช้สองคนนี้ไปทำเรื่องสำคัญอยู่ดี