ตอนที่ 239 วางแผนมานาน

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 239 วางแผนมานาน

หลินเว่ยเว่ยบอกมารดาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นจึงต้องเข้าไปดูแลโกดังที่เขตเริ่นอันเสียหน่อย นางหวงเห็นเจียงโม่หานก็ตามไปด้วย จึงกำชับสองสามประโยคแล้วยอมปล่อยบุตรสาวคนรองออกมา

“เฮ้อ ! ข้าดูไม่น่าเชื่อถือถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ข้ากล้าพูดเลยนะ ถ้าคราวนี้ไม่มีบัณฑิตน้อยอย่างเจ้าตามมาด้วย ท่านแม่ไม่มีทางยอมให้ข้าออกนอกหุบเขา ! ” หลินเว่ยเว่ยมุ่ยปาก

ทันใดนั้นเจียงโม่หานก็ใช้พัดเคาะศีรษะของนาง “ปล่อยเจ้าออกนอกหุบเขาอันใดกัน เจ้าคิดว่าตนเป็นเสือหรือไร ! ถ้าอยากทำให้ท่านป้าเชื่อใจก็อย่าทำเรื่องเสี่ยงอันตรายแล้วทำให้ตนบาดเจ็บ ! ”

“เกิดอันใดขึ้น ? หลานสาว บาดแผลของเจ้าได้มาอย่างไรกันแน่ ? ” เป็นอย่างที่คิดว่าหลิวว่ายจื่อมีนิสัยชอบนินทาเหมือนพวกหญิงสูงวัยจริง ๆ

พอได้ยินว่าเพียงเพื่อเก็บเห็ดหลินจือแล้ว ทั้งสองคนก็เกือบตกสู่เหวลึก หลิวว่ายจื่อก็หันมามองนางอย่างไม่เห็นด้วย “ชีวิตหรือเงินทองสำคัญกันแน่ ? เจ้าน่ะเห็นแก่เงินจนลืมห่วงชีวิต ! แล้วจะให้พี่สะใภ้หลินวางใจในตัวเจ้าได้อย่างไร ? ”

หลินเว่ยเว่ยกลอกตา…นี่ก็ผ่านมานานแล้วยังพูดเรื่องในอดีตอยู่ได้ อย่าเอาแต่เอ่ยถึงมันได้หรือไม่ ?

เมื่อถึงตัวเมือง เจียงโม่หานก็ขอลงที่ถนนเส้นหลักก่อน ส่วนหลินเว่ยเว่ยและหลิวว่ายจื่อมาที่โกดัง เพื่อตรวจผ้าที่อยู่ด้านใน…ทุกอย่างปกติดี หลินเว่ยเว่ยจึงเริ่มสบายใจขึ้นบ้าง

ชายแซ่ชิวผู้มีจิตใจคดโกงบอกหลิวว่ายจื่ออย่างโจ่งแจ้งว่าเป็นสินค้ามีตำหนิ ทว่าราคาที่เขียนไว้ในสัญญากลับยึดตามราคาผ้าในท้องตลาดและยังต้องชดใช้ถึง 10 เท่า…นี่ไม่เท่ากับอยากได้เงินจากค่าเสียหายหรือไร !

สีหน้าของหลิวว่ายจื่อดูแย่ในทันตา เขากำหมัดทุบกำแพงอย่างแรง “ชั่วช้า คนแซ่ชิวสารเลวอาศัยที่ข้าไม่รู้หนังสือมาเปลี่ยนสัญญาของเรา หลอกให้ข้าทำสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ! ”

เดิมทีสัญญาเช่าโกดังเป็นฝั่งพวกตนร่างเอาไว้แล้ว ด้านบนเหลือช่องว่างเอาไว้เพื่อให้ผู้เช่าและเจ้าของโกดังลงนาม แค่เขียนวันที่และประทับรอยนิ้วมือก็ได้แล้ว เนื้อความในสัญญาของพวกตนเขียนไว้อย่างชัดเจนว่าฝ่ายผู้เช่าต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของสินค้าเอง คาดไม่ถึงว่า…

กล่าวได้ว่าคนผู้นี้วางแผนมานานแล้ว ไม่เพียงเข้าใจในตัวหลิวว่ายจื่อ เพราะแม้แต่สัญญาของพวกเขาก็ยังรู้ดี ไม่อย่างนั้นก็คงจินตนาการได้ไม่ถึงขั้นนี้ เนื้อหาตรงกันข้ามกับสัญญาเดิมโดยสิ้นเชิง !

“รู้ว่าตนไม่รู้หนังสือจึงทำให้พบช่องโหว่ อาว่ายจื่อไม่คิดจะพูดสิ่งใดหน่อยหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยยิ้มแล้วถามหลิวว่ายจื่อ

หลิวว่ายจื่อกัดฟันกล่าว “เรียน ! ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ต้องจดจำอักษรให้ได้ ! ข้าไม่เชื่อจริง ๆ ว่าเติบโตถึงเพียงนี้แล้วจะต้องมาจนปัญญาเพราะตัวอักษรไม่กี่ตัว ! ”

“อาว่ายจื่อ ข้าเชื่อว่าท่านจะต้องทำได้แน่นอน ! ตัวอักษรก็เหมือนกับมนุษย์ เจอทุกวัน ทุกเวลา ยังจำไม่ได้อีกหรือ ? เรียนวันละ 10 คำ ปีหนึ่งท่านก็ได้เรียนอักษรพื้นฐานครบแล้ว ! ขอแค่มีความเพียรและจิตใจแน่วแน่ ท่านจะต้องทำได้แน่นอน ! ” เป็นธรรมดาที่นายจ้างมักชื่นชมและสนับสนุนความก้าวหน้าของลูกจ้าง !

หลิวเอ้อร์ล่ายก็พุ่งเข้ามาเช่นกัน “พี่ว่ายจื่อ ข้าก็จะเรียนกับท่านด้วย ! มีคำกล่าวว่าคนเขลาสามคนเทียบเท่าหนึ่งจูกัดเหลียง1 ไม่ว่าอย่างไรเราสองก็เป็นเหมือนจูกัดเหลียงครึ่งหนึ่งแล้ว ! ”

หลินเว่ยเว่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะสอนพวกท่านให้รู้จักอักษรสองสามตัวที่พบได้บ่อยในสัญญา พูดตามข้า…เช่า…ค่าเช่า…ยกเว้น…ชดใช้…ชำระ…”

“โอ้ ! กำลังทำอันใดอยู่หรือ ? น้องหลิวเป็นถึงผู้ดูแลแล้วยังต้องเรียนอักษรเหมือนลูกน้องอีกหรือ ? กู่เหนียงน้อยท่านนี้คือใคร ? บุตรสาวของน้องหลิว ? ถือว่าดูดีใช้ได้ ! ” ผู้ดูแลชิวที่หายตัวไปสองสามวันเดินถือไหสุราเข้ามาสองไห

หลิวว่ายจื่ออยากเข้าไปคุยให้รู้เรื่อง แต่โดนหลินเว่ยเว่ยหยุดไว้เสียก่อน…อย่าวู่วาม จงสละเหยื่อเพื่อจับปลาตัวใหญ่ !

หลิวว่ายจื่อพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา สีหน้าไม่ค่อยดี หลิวเอ้อร์ล่ายก็กลอกตาไปมา จากนั้นพูดกับผู้ดูแลชิวว่า “ผู้ดูแลชิวอย่าถือสาเลย ปกติพี่ว่ายจื่อของข้าเห็นนางเป็นบุตรสาวสุดที่รัก นี่ก็ให้โรงเรียนในหมู่บ้านสอนเขียนและอ่านหนังสือให้นางด้วย…ดังนั้นพี่ว่ายจื่อจึงให้ท้ายลูกไปหน่อย ! ”

หลินเว่ยเว่ยส่งสายตาชื่นชมให้หลิวเอ้อร์ล่าย…หัวไวมาก !

พอได้ยินว่าเด็กสาวคนนี้รู้หนังสือ ผู้ดูแลชิวก็ใจสั่นขึ้นมาทันที เขาคลี่ยิ้มแล้วถามหยั่งเชิงว่า “โอ้ ! กู่เหนียงรู้จักอักษรไม่น้อยเลย…น้องหลิวจะได้มีคนช่วยอ่านสัญญาต่าง ๆ…”

“เด็กน้อยคนหนึ่งจะเข้าใจสิ่งใด ? เจ้านายของพวกเราพูดแล้วว่าสัญญา…คืออะไรนะ ? อ้อ ใช่ ! เป็นความลับทางการค้า ไฉนเลยจะให้เด็กน้อยคนหนึ่งเข้ามายุ่ง ? สัญญานั้นข้าเก็บไว้อย่างดี นอกจากข้าแล้ว คนอื่นก็อย่าคิดจะได้เห็น ! ” หลิวว่ายจื่อเผยท่าทางจงรักภักดีออกมา

ผู้ดูแลชิวพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นก็หันมามองหลินเว่ยเว่ยและพูดกับหลิวว่ายจื่อต่อ “ลูกสาวของเจ้า…”

“นางจำที่ข้าเคยซื้อดอกไม้กลับไปให้ นี่ก็เพราะกลับไปมือเปล่า นางจึงขึ้นเกวียนเทียมล่อในหมู่บ้านตามมา ได้ ได้ ! พ่อจะซื้อให้เจ้า นี่เป็นเงิน 100 อีแปะ อยากซื้อสิ่งใดก็ไปซื้อ ตอนนี้พ่อกำลังทำงานอยู่ ออกไปเป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้ ! ” หลิวว่ายจื่อสวมบทบาทความเป็นบิดาอย่างโอ้อวด…ถ้าเขามีลูกสาวที่เก่งอย่างนางหนูรองก็คงต้องหัวเราะจนตื่นจากฝัน !

หลินเว่ยเว่ยรับเงินอีแปะมาด้วยความดีใจและเขินอาย “ขอบคุณท่านพ่อเจ้าค่ะ ถ้าเช่นนั้นท่านทำงานเถิด ข้าไปก่อน ! ”

“ซื้อเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้าน อย่าทำให้แม่เจ้าเป็นห่วง ! ” หลิวว่ายจื่อส่งหลินเว่ยเว่ยออกมา จากนั้นก็หันมาพูดกับผู้ดูแลชิว “เด็กคนนี้โดนแม่ตามใจจนเสียคน ! ”

ผู้ดูแลชิวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “เจ้าอย่าว่าน้องสะใภ้ เจ้าเองก็ให้ท้ายนางไม่ใช่หรือ ? ”

“แน่นอน ! มีแค่ลูกสาวคนเดียวจะไม่เอาใจได้อย่างไร ! เมื่อก่อนไม่มีเงินทำเช่นนั้น ! แต่ตอนนี้…งานที่ข้าดูแลอยู่เจ้านายให้เงินเดือนถึง 1 ตำลึงเชียวนะ ! พี่ชิว อย่างไรก็ต้องขอบคุณที่ท่านเลือกโกดังของเรา ! ข้ากล้ารับประกันเลยว่าโกดังของพวกเราใหญ่ที่สุดและสะอาดที่สุดในท่าเรือ ! ท่านเช่าโกดังของพวกเราไม่ขาดทุนแน่นอน ! ” หลิวว่ายจื่อยิ้มยิงฟัน

ผู้ดูแลชิวยิ้มอย่างเย็นชาในใจ รอให้ผ่านคืนนี้ไปก่อนเถิด ดูสิว่าเจ้ายังจะยิ้มออกหรือไม่ ?

“แน่นอน ! เรือของพวกเราอยู่ที่ท่าเรือสามวันกว่าจะพบโกดังที่เหมาะสม ไม่ต้องพูดขอบคุณข้าหรอก เป็นข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า ! ข้าได้สุราดีมา 2 ไห น้องหลิว น้องเอ้อร์ล่าย มาดื่มด้วยกันเถิด ! ” ผู้ดูแลชิวยกไหสุราขึ้นแล้วแกว่งไปมา

แต่หลิวว่ายจื่อโบกมือ “ไม่ได้ ไม่ได้ ! ข้ายังต้องดูแลโกดัง ท่านไม่รู้หรือว่าที่ท่าเรือแห่งนี้มีผู้ประสบภัยเร่ร่อนอยู่ข้างนอก ข้ากังวลว่าพวกเขาจะพุ่งเป้ามาที่สินค้า”

“ไม่เป็นไร ! ข้าทิ้งลูกน้องสองสามคนไว้ที่นี่แล้ว น้องหลิว เจ้าระแวงเกินไปไม่เหนื่อยบ้างหรือ ? ข้าจะบอกเจ้าว่าทำงานให้เจ้านายไม่ต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจถึงเพียงนี้หรอก ทำแค่ให้มันผ่านไปได้ก็พอแล้ว ! เจ้าดูพวกที่ได้หน้าในสายตาเจ้านายสิ มีคนไหนไม่รู้จักประจบเอาใจบ้าง ? ส่วนพวกทำงานจริง ๆ ต้องไปยืนอยู่อีกด้าน…ไป พี่จะสอนเจ้าสักสองสามบทเรียน ! ”

ผู้ดูแลชิวโยนไหสุราไปที่อกของเขาแล้วลากตัวเขาออกไปทันที ! หลิวเอ้อร์ล่ายก็ถูกลูกน้องของเจ้านี่ลากออกไปเช่นกัน !

กลางดึกของวันนั้น ผู้ดูแลชิวและลูกน้องพาหลิวว่ายจื่อและหลิวเอ้อร์ล่ายที่ไม่ได้สติกลับมา ลูกน้องคนนั้นถามว่า “ผู้ดูแลจะเอาเจ้าสองคนนี้ไปไว้ที่ใด ? ”

“ห้องแรกก็แล้วกัน…” จะหนีได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชะตาของพวกมันแล้ว ! “ประเดี๋ยวทิ้งไหสุราทั้งสองไว้ในที่เกิดเหตุด้วย ! ”

1 คนเขลาสามคนเทียบเท่าหนึ่งจูกัดเหลียง (ขงเบ้ง) หมายความว่าหากร่วมแรงร่วมใจกันก็จะสามารถคิดวิธีดีๆ ออกเช่นเดียวกับจูกัดเหลียง