ตอนที่ 240 ประหารเก้าชั่วโคตร

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 240 ประหารเก้าชั่วโคตร

ท้องฟ้าในยามราตรีเปรียบดั่งม่านดำผืนใหญ่ที่ปกคลุมไปทั่วท่าเรือเขตเริ่นอัน คืนนี้ไร้แสงจันทร์จึงมีเพียงแสงไฟจากเรือตกปลาที่ล่องอยู่ในแม่น้ำ ท่าเรือจึงเหมือนโดนย้อมไปด้วยสีดำสนิท

ผู้เคาะบอกเวลาตีบั้งซื่อ1สามครั้ง ดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้เป็นเวลาที่ผู้คนมักจะเข้านอน แต่คืนนี้กลับมีคนไม่ยอมนอน ชายชุดดำหลายคนปรากฏตัวขึ้นบนท่าเรือ ในมือถือไหใบหนักและเมื่อมาถึงหน้าโกดังแล้วพวกมันก็หันมาสบตากัน ทันใดนั้นไหใบหนักในมือก็ถูกโยนไปที่กำแพงโกดังพร้อมกลิ่นหอมของสุราที่ลอยคละคลุ้งในอากาศ !

“สหายทั้งหลาย กลางดึกเช่นนี้ไม่ยอมหลับยอมนอน กำลังจะเชิญพวกเราไปชมจันทร์ด้วยกันหรือ ? ” หลินเว่ยเว่ยปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหลังคนกลุ่มนี้ หลังสูดหายใจเข้าแล้วนางก็กล่าวต่อ “สุราเป็นสุราดี น่าเสียดายที่…บางคนใช้มันในทางที่ผิด ! ”

“ผู้ใด ! ” คนชุดดำเหล่านั้นรีบหันมามอง ทันใดนั้นก็พบกับหลินเว่ยเว่ยและเจียงโม่หานอยู่ตรงหน้า นอกจากนี้หลิวว่ายจื่อและหลิวเอ้อร์ล่ายที่ตัวอ่อนปวกเปียกเพราะฤทธิ์สุราก่อนหน้านี้ก็มายืนอยู่ด้านหลังพวกมันด้วย

“เจ้า…ไม่ใช่ลูกสาวของหลิวว่ายจื่อหรือ ? ” หนึ่งในชายชุดดำถามด้วยความตื่นตระหนก

“ผู้ดูแลชิว หลักกลศึกไม่หน่ายเล่ห์ หากเจ้ายังไม่เข้าใจ ไฉนเลยจะมีความสามารถเป็นผู้ดูแลได้ ? ถ้าไม่เอ่ยเช่นนั้น เจ้าจะปล่อยวาง แล้วลากพวกหนูที่ทั้งโสโครกและเหม็นเน่าเหล่านี้ออกมาได้อย่างไร ? ” หลินเว่ยเว่ยยกยิ้มมุมปาก แต่คิ้วที่โค้งมนกลับไร้ซึ่งรอยยิ้ม

ผู้ดูแลชิวคิดไม่ตกว่าทำผิดพลาดตรงไหน…แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญ เพราะเขาเหลือบมองกำแพงที่ชุ่มไปด้วยสุราและฟืนกองใหญ่ที่อยู่นอกกำแพงแล้วตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ลงมือ ! ”

อีกฝ่ายมี 4 คน หนึ่งในนั้นยังเป็นเด็กสาวที่อ่อนแอ ฝ่ายตนพาลูกน้องมาถึง 7 คน ไม่ว่าใครก็อย่าคิดจะขวางทาง !

หนึ่งในลูกน้องรีบจุดไฟแล้วโยนไปบริเวณกำแพงโกดังที่ราดสุราไว้ก่อนหน้านั้น เปลวเพลิงลุกโชนและกระจายไปโดยรอบอย่างรวดเร็ว แต่มีฟืนบางกอง…ไฟไม่ลุกเหมือนที่ผู้ดูแลชิวคิดไว้ มันกลายเป็นควันปกคลุมไปทั่วโกดังแทน !

“แย่แล้ว ผู้ดูแล ! พวกมันทำฟืนของเราเปียก…” หนึ่งในลูกน้องรีบเข้ามารายงาน

“ดับไฟ ! ” อึดใจต่อมาเสียงเย็นชาของใครบางคนก็ดังขึ้นพร้อมร่างคนหลายสิบคนที่พุ่งออกมาจากความมืด แต่ละคนถือพลั่วไว้ในมือ จากนั้นก็เริ่มขุดดินเพื่อดับไฟ เดิมทีกำแพงโกดังก็ถูกก่อด้วยอิฐอยู่แล้ว กอปรกับฟืนเปียก ที่แม้ในตอนแรกไฟจะลุกโหมกระหน่ำ แต่ฤทธิ์สุราก็ถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็ว เมื่อสัมผัสกับดินที่เข้าปกคลุมจึงทำให้ไฟโดนควบคุมได้อย่างรวดเร็ว

“ใต้เท้าจ้าว ท่านก็เห็นแล้วว่าคนพวกนี้จงใจจุดไฟ วันนี้อากาศแห้งจึงง่ายต่อการเกิดประกายไฟ ไกลออกไปก็มีห้องแถวมุงหญ้าคาอยู่ ถ้าพวกเราไม่ได้เตรียมการป้องกันไว้ล่วงหน้า ท่าเรือก็อาจโดนพวกมันทำลายไปแล้ว ! มือลอบวางเพลิงที่ร้ายกาจเช่นนี้จะอ่อนข้อให้ไม่ได้เจ้าค่ะ 0 !”

หลินเว่ยเว่ยทำมือคารวะชายชรารูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ถูกต้อง ท่านผู้นี้ก็คือเจ้าหน้าที่ดูแลราษฎรซึ่งเจียงโม่หานเชิญมา…แม้ในเขตเริ่นอันจะไม่มีที่ทำการตั้งอยู่ แต่ก็มีหน่วยงานเจ้าหน้าที่ดูแลราษฎรซึ่งทุกคนลงมติเลือกมา โดยมีหน้าที่เดินลาดตระเวนและดูแลความปลอดภัยด้านต่าง ๆ เมื่อกล้าวางเพลิงในถิ่นของพวกเขาก็แปลว่าไม่เกรงกลัวอำนาจกันเลยใช่หรือไม่ ?

บรรพบุรุษของเจ้าหน้าที่จ้าวเป็นถึงแม่ทัพขั้น 4 เป็นผู้ร่ำรวยในเขตเริ่นอันและชอบทวงความยุติธรรมให้ราษฎร มีความอาจหาญพอสมควร พอมีหน้ามีตาในเมืองอยู่บ้าง คราวก่อนที่นายอำเภอมาเยือนก็เอ่ยปากชมเขาด้วย !

แต่ใครจะรู้ นี่เพิ่งผ่านไปไม่ถึงเดือนก็มีเรื่องใหญ่เพียงนี้เกิดขึ้น ! ต้องทราบก่อนว่าท่าเรือตั้งอยู่ในเขตเริ่นอัน เป็นหนึ่งในแหล่งเก็บภาษีสำคัญของอำเภอเป่าชิง เสบียงบรรเทาทุกข์ที่องค์ชายเจ็ดขนมาก็เคยถูกเก็บไว้ที่นี่ ถ้าโดนทำลายไปเช่นนี้ อย่าว่าแต่เขาจะนั่งตำแหน่งเจ้าหน้าที่ดูแลราษฎรไม่ได้เลย ด้านชีวิตน้อย ๆ ก็อาจรักษาไว้ไม่ไหว

เจ้าหน้าที่จ้าวแทบข่มโทสะไม่อยู่ “จับตัวกบฏเหล่านี้กลับไปให้ข้า ! ”

ผู้ดูแลชิวได้ยินก็ตกตะลึง กบฏเช่นนั้นหรือ ? หากโทษมหันต์นี้มาอยู่บนศีรษะตนจะหมายถึงโดนตัดศีรษะทั้งตระกูล ประหารเก้าชั่วโคตร ! ขณะที่เขากำลังหันหลังคิดหนีก็ถูกสาวน้อยรูปร่างสูงโปร่งผู้นั้นเข้ามาขวางไว้

“ไสหัวไป ! ” ผู้ดูแลชิวไม่ลดความเร็วลง เขายังพุ่งเข้ามาหานาง ในสายตาของเขาคือเด็กน้อยคนหนึ่งจะมีสิ่งใดน่ากลัว แต่พอพุ่งชนแล้ว เขากลับเหมือนชนเข้ากับแผ่นเหล็ก

ผู้ดูแลชิวรู้สึกเพียงฟ้าดินกลับหัว หลังจากความเจ็บปวดแล่นมาที่แผ่นหลังแล้ว ตัวเขาก็นอนราบลงกับพื้น ขณะพยายามจะลุกขึ้นยืน ไหล่ของเขาก็โดนรองเท้าปักลายงดงามเหยียบไว้ แต่นั่นเป็นเพียงเท้าที่ไหนเล่า มันเป็นเหมือนหุบเขาสูง 5 ชุ่นชัด ๆ ไม่ว่าตะเกียกตะกายอย่างไรก็ไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่น้อย !

เจ้าหน้าที่จ้าวส่งลูกน้องสองคนเข้ามารับตัว หลินเว่ยเว่ยจึงถอยออกไปสองสามก้าว จากนั้นก็ฉีกยิ้มให้ผู้ดูแลชิวที่โดนเจ้าหน้าที่พาตัวออกไป

หลิวว่ายจื่อและหลิวเอ้อร์ล่ายก็ช่วยจับคนร้ายด้วย ลูกน้อง 8 คนที่ผู้ดูแลชิวพามาด้วยไม่มีใครรอดไปได้สักคน

“ใต้เท้าจ้าว องค์ชายเจ็ดตรัสแล้วว่าเสบียงบรรเทาทุกข์ของเขตเริ่นอันอยู่ระหว่างเดินทาง หากท่าเรือเขตเริ่นอันถูกทำลาย มันจะไม่เท่ากับทำลายหนทางอยู่รอดของราษฎรในเขตเริ่นอันหรอกหรือ แม้แต่ทั่วอำเภอเป่าชิงนี้ด้วย ! เมื่อราษฎรไม่มีอาหารก็จะโดนความหิวครอบงำสติ…ถึงเวลานั้นเขตเริ่นอันก็จะเกิดความโกลาหล…แล้วพวกโจรกบฏในราชวงศ์ก่อนหรือกองทัพตงหูจะพลาดโอกาสดีเช่นนี้หรือ ? ใต้เท้าจ้าว ข้าสงสัยว่าพวกเขาเป็นไส้ศึกที่กบฏส่งมาเพื่อทำให้แคว้นเราโกลาหลอีกครั้ง ! ” หลินเว่ยเว่ยยัดคำพูดที่สมเหตุสมผลใส่ผู้ดูแลชิว !

ทันใดนั้นใบหน้ามืดมนของเจ้าหน้าที่จ้าวก็เหมือนท้องฟ้าในค่ำคืนนี้ “นำไส้ศึกพวกนี้กลับไป พรุ่งนี้ส่งตัวให้ที่ว่าการอำเภอเป่าชิง ! ”

“ใต้เท้าปราดเปรื่องยิ่งนัก ! อ้อใช่ หมินอ๋องซื่อจื่อน่าจะยังรักษาตัวอยู่ที่อำเภอเป่าชิง ! ลูกน้องของเขามากมายต้องตกตายด้วยน้ำมือพวกกบฏ จะต้องไม่ยอมปล่อยไส้ศึกเหล่านี้ไปแน่นอน ! พวกกบฏชั่วควรประหารเก้าชั่วโคตร ! ” หลินเว่ยเว่ยยกแขนขึ้นแล้วพูดปลุกใจ !

หลิวว่ายจื่อและหลิวเอ้อร์ล่ายก็ให้ความร่วมมือ “ใช่ ควรประหารพวกมันเก้าชั่วโคตร ! ”

“ปรักปรำ ใต้เท้าจ้าว นี่คือการปรักปรำ ! ” ผู้ดูแลชิวไม่เหลือสติอีกต่อไป เขาแค่รับคำสั่งให้มาทำงานนี้ จะกลายเป็นกบฎได้อย่างไร ? ไม่ได้การ เขาจะไม่ยอมแบกรับชื่อเสียงกบฏ !

เจ้าหน้าที่จ้าวและเจียงโม่หานหันมาสบตากัน คิดว่าเติมเชื้อไฟจนได้ที่แล้วจึงทำการสอบสวนกลางดึกนั้นเลย สุดท้ายเพื่อคนแก่และเด็กในครอบครัวแล้ว จึงเป็นธรรมดาที่ผู้ดูแลชิวจะสารภาพออกมาทั้งหมด

“ตระกูลอู๋ ? ตระกูลอู๋อีกแล้วหรือ ! ” เจ้าหน้าที่จ้าวขมวดคิ้ว คราวก่อนร้านขายผ้าตระกูลอู๋หลอกลวงชาวบ้าน สร้างชื่อเสียงฉาวโฉ่มากพอแล้ว ท้ายที่สุดพอชดใช้ค่าเสียหายทางร้านก็ปิดตัวลง…คาดไม่ถึงว่าจะมีความคิดชั่วช้าอีก !

ที่แท้ผู้บงการก็คือท่านอาของอู๋ปัว คราวก่อนตระกูลอู๋ไม่ได้ถูกพ่อค้าต่างถิ่นหลอกเงินไปหลายหมื่นตำลึงหรอกหรือ ? ไม่รู้เพราะเหตุใดสินค้าในโกดังของตระกูลอู๋จึงกลายเป็นสินค้ามีตำหนิเสียหมด

เรื่องที่ร้านขายผ้าตระกูลอู๋หลอกลวงชาวบ้าน ตอนแรกก็ขายให้เพียงชาวบ้านธรรมดา พอพวกชาวบ้านมาเรียกร้องก็ข่มขู่แล้วไล่ออกไป คาดไม่ถึงว่าต่อมาบิดาของอนุภรรยาผู้โปรดปรานของใต้เท้าจ้าวก็ชอบสินค้าราคาถูก เขาไม่รู้ตัวว่าซื้อผ้าที่ไม่สามารถตัดเป็นเสื้อผ้าไปตั้งหลายพับ สุดท้ายเมื่อขอคืนเงินไม่ได้ เขาจึงโมโหจนล้มป่วยลงในที่สุด

1 บั้งซื่อ คือ บล็อกไม้ขนาดเล็กให้เสียงโทนสูง