ตอนที่ 169 ปัญหามาเยือน!

แสงสีเงินทําให้ตาพร่าเข้าปกคลุมร่างขนยาวของถังลี่เสวี่ย

ชั่วครู่หลังจากที่แสงสีเงินวาบวับหายไป ถังลี่เสวี่ยก็ได้เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์

เธอวิ่งเข้าไปในห้องนอนอย่างตื่นเต้น และยืนอยู่หน้ากระจกที่โต๊ะเครื่องแป้งเพื่อสังเกตรูปลักษณ์ใหม่ของ เธอในปัจจุบั

ส่วนสูงปัจจุบันของเธอสูง 150-160 ซม. และดูเหมือนเด็กสาววัยรุ่นอายุสิบห้าหรือสิบหกปี เอวที่เพรียวของเธอรวมกับหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น ทําให้เธอดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม

ผิวเรียบเนียนของเธอยังคงขาวราวกับหิมะ แต่แก้มของเธอน้อยลง ทําให้ใบหน้าดูน่ารักน้อยลง และสวยงามมากกว่าแต่ก่อนมาก

ริมฝีปากซากุระสีชมพูของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ทําให้เธอดูเย้ายวนยิ่งขึ้น

ดวงตาสีฟ้าบุษราคัมคู่สวยของเธอยังคงดูไร้เดียงสาเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวีรบุรุษที่สูงส่งที่สามารถสะกดใจคนทั้งโลกได้ ทําให้ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะจืดชืดขาดสีสันไปทันทีที่พบเจอกับความงามของเธอ

ผมยาวสีเงินเป็นประกายเรียบลื่นและนุ่มสลวย เนื่องจากเธอสูงขึ้นเล็กน้อย ผมสีเงินของเธอถึงเพียงแต่ถึงต้ นขาของเธอเท่านั้

หญิงสาวสวยในกระจกสะท้อนความงามอันน่าที่งยิ่งกว่าเมื่อก่อน แบบที่แม้แต่ความงามบนท้องฟ้าทั้งหมดก็สูญเสียเสน่ห์ไปต่อหน้าเธอ ช่างงดงามเสียจนไม่จริงราวกับความฝัน

แม้แต่ถังเสวี่ยเองก็ไม่สามารถหยุดจ้องมองภาพสะท้อนที่สมบูรณ์แบบของเธอบนกระจกได้ เธอจ้องมองตัวเธอเองนานกว่าสิบนาที

หลังจากที่ได้สติแล้ว เธอก็เกาหัว และยิ้มด้วยความเขินอาย ขณะที่หน้าแดงเล็กน้อย เพราะเธอรู้สึกทิ้งจากเงาขของตัวเองบนกระจก

ถังลี่เสวี่ยยกมือสีขาวดอกลิลลี่ของเธอขึ้น และสัมผัสเบา ๆ … ที่หน้าอกของเธอเอง และค่อยๆลูบไล้

“อะไรกัน! นี่มันคัพ B… ไม่ นี่ควรเป็นคัพ C หวังว่ามันจะไปถึงคัพ D หลังจากที่ฉันวิวัฒนาการเป็นสัตว์อสูรระดับ [หายาก]!! ดวงตาสีฟ้าบุษราคัมของถังลี่เสวี่ยส่องประกายด้วยความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้า

ด้วยเหตุนี้ ถังลี่เสวี่ยจึงได้รับแรงจูงใจที่แข็งแกร่งขึ้นอีกประการหนึ่งในการวิวัฒนาการต่อไป

“แต่จริงๆแล้ว… รูปลักษณ์ของฉันในตอนนี้… มีเสน่ห์เกินกว่าจะดีสําหรับตัวฉันเอง! ฉันคิดว่ามันจะนําปัญหามาให้ในภายหลังอย่างแน่นอน ฉันไม่ต้องการให้คนจํานวนมากมารุมดูฉัน ราวกับว่ากําลังมองสัตว์ประหลาดที่หายากอยู่” ถังลี่เสี่ยนั่งบนเตียงของเธอเองและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

รูปลักษณ์ก่อนหน้านี้ของถังลี่เสวี่ยก็มีเสน่ห์เช่นกัน แต่เธอก็ยังดูเด็กเกินไป และยังไม่บรรลุนิติภาวะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทําไมผู้คนจํานวนมากจึงมองเธอเพียงชั่วครู่เท่านั้น พวกเขาแค่คิดว่าต้องการมีลูกที่น่ารักแบบเธอเหมือนกัน

แต่รูปลักษณ์อันน่าทึ่งในปัจจุบันของเธอก็แตกต่างออกไป เธอไม่ต้องการเห็นผู้หญิงที่หึงหวง หรือดึงดูดความสนใจของผู้ชาย เพราะมันเสียเวลา เธอต้องการที่จะใช้เวลาเพื่อเพิ่มการฝึกฝน หรือการจารึกของเธอเพียงเท่านั้น

ในท้ายที่สุดถังลี่เสี่ยตัดสินใจใช้ [การจัดการพลังงาน] ของเธอเพื่อสร้างหน้ากากจิ้งจอกเหมือนที่อาจารย์เหมยหลานสวมใส่ในการทดสอบก่อนหน้านี้

หน้ากากจิ้งจอกดูดีมากราวกับแกะสลักจากหยกขาว มันเข้ากันได้ดีกับผมยาวสีเงินแวววาวของเธอและผิวสีขาวราวหิมะของเธอ

ถังลี่เสวี่ยสวมหน้ากากจิ้งจอกเพื่อปกปิดใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเธอ และออกจากห้องพร้อมกับญาญ่า

ถังลี่เสวี่ยเคาะประตูห้องของปิงอี้ และเฮยหยิงห่าวเพื่อปลุกพวกเขาให้ตื่น และไปที่อาคารการศึกษาด้วยกัน ในวันนี้

ช่วงเวลาที่ปิงอี้ และเฮยหยิงห่าวเปิดประตูออกมานั้น และได้เห็นการสวมหน้ากากของถังลี่เสวี่ย ทั้งคู่ก็เข้าสู่โหมดการต่อสู้ในทันที

เฮยหยิงห่าวพุ่งเข้าหาถังลี่เสวี่ย และแทงกรงเล็บอันแหลมคมของเขาไปที่คอของเธอ ขณะที่ปิงอี้ควบแน่น น้ําแข็งแหลมคมหลายอันแล้วยิงไปที่ถังลี่เสวี่ย

ถังลี่เสวี่ยรู้สึกประหลาดใจกับปฏิกิริยาที่เกินจริงของพวกเขา ดังนั้นเธอจึงไม่มีเวลามากพอที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีเหล่านั้น

เมื่อญาญ่าต้องการช่วยถังลี่เสวี่ย เพื่อป้องกันการโจมตี แต่ถังเสวี่ยก็หยุดญาญ่าเอาไว้

ถังเสวียจับมือของเฮยหยิ่งห่าวได้อย่างง่ายดายด้วยมือขวาของเธอ และก็เหวี่ยงหมัดอย่างรวดเร็วด้วยมือซ้าย ทําลายหนามแหลมน้ําแข็งอันแหลมคมของปิงอี้ทั้งหมด

ถังลี่เสวี่ยหยุดการโจมตีทั้งหมดอย่างสบาย ๆ ในลมหายใจเดียว เธอไม่ได้ใช้ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอแม้แต่หนึ่งในสิบ

การแสดงออกของเฮยหยิงห่าว และปิงอี้ดูเคร่งขรึมมากขึ้น เมื่อพวกเขาเห็นว่าถังลี่เสวี่ยแข็งแกร่งเพียงใด และทั้งคู่ต้องการโจมตีเธออีกครั้ง

“เดี๋ยวก่อน! หยุดก่อน! นี่ฉันเอง! เกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณเนี่ย! ในอาคารที่พักอาศัยนี้จําเป็นต้องระมัดระวังตัวขนาดนี้ไหม! คุณสองคนอยากโดนลงโทษเหมือนก่อนหน้านี้งั้นหรอ!” ถังลี่เสวี่ยรีบตะโกนเพื่อหยุดพวกเขา

ถังเสวี่ยก็กระตือรือร้นที่จะประลองกับเฮยหยิงห่าว และปิงอี้ เพื่อทดสอบความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอ แต่เธอก็ไม่ต้องการถูกลงโทษเพราะเหตุนั้น

“เสียงนี้! เสวียน้อยงั้นหรอ? เสวียน้อย นันคุณจริงๆ หรอ?” ปิงอี้เบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจและถาม

ถังเสวี่ยก็ตระหนักว่าเสียงปัจจุบันของเธอเปลี่ยนไปเล็กน้อย มันกลับกลายเป็นหวานและเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก นั่นเป็นเหตุผลที่ปิงอี้ถามเธออีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ

ถังลี่เสวี่ยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทําไม เพราะในความเป็นจริง เธอไม่ได้พูดจริงๆ แต่ใช้ทักษะ [กระแสจิต] ในการสื่อสารกับผู้อื่นเท่านั้น

“อาจเป็นเพราะฉันอยู่ในเกรด [ไม่ธรรมดา] ตอนนี้?’ ถังเสวี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว และตัดสินใจที่จะลืมมันไปในตอนนี้

ถังลี่เสวี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อรู้ว่ามีรอยฟกช้ําหลายจุดบนใบหน้าของปิงอี้และเฮยหยิงห่าว

ตอนแรกเธอคิดว่ามันคือบาดแผนจากบทเรียนการต่อสู้กับอาจารย์เหมยหลาน แต่มันก็ไม่น่าจะใช่ เพราะพวกเขาถูกพาไปยังหอผู้ป่วยหลังจากต่อสู้เสร็จแล้ว และอาการบาดเจ็บต่างๆ ก็หายขาดทันทีโดยทีมแพทย์ที่

“ใช่แล้ว! ฉันเอง! คุณสองคนช่างโหดร้ายจริงๆ! คุณสองคนลืมฉันได้ยังไง ฉันลาไปแค่สี่วันเองนะ!” ถังลี่เสวี่ยหัวเราะและล้อเลียนพวกเขา

“เสวี่ย! คุณ…คุณสูงขึ้นแล้ว! ฉัน… ขอโทษที่จําคุณไม่ได้! แต่คุณสวมหน้ากาก และดูน่าสงสัยดังนั้น ฉัน… เสวี่ย ทําไมคุณสวมหน้ากากแบบนี้ล่ะ?” เฮยหยิงห่าวยิ้มอย่างเขินอาย และขอโทษถังลี่เสวี่ย และเขายังถามถังลี่เสวี่ยด้วยความสงสัย

ปิงอี้จ้องไปที่ถังลี่เสี่ยเช่นกันเพื่อรอคําตอบของเธอ

“โอ้… เอ่อ… ฉันจะพูดยังไงดี มีปัญหากับหน้าตาของฉันหลังจากที่ฉันวิวัฒนาการ ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจใช้หน้ากากจากนี้ไปเพื่อปกปิดมัน ฉันหวังว่าทุกคนจะไม่สนใจมัน” ถังลี่เสวี่ยสัมผัสหน้ากากของเธอ ขณะที่เธอ พยาามอธิบายให้ปิงอี้และเฮยหยิงห่าวฟัง

หน้ากากจิ้งจองของเธอเย็นเมื่อสัมผัส แต่ก็ทําให้รู้สึกปลอดภัยเช่นกัน เธอไม่อึดอัดเลยสักนิดที่สวมมัน แต่เธอกลับสบายตัวมาก อาจเป็นพราะเธอสร้างจากพลังงานของเธอเอง

ถังเสวี่ยรู้สึกว่าปิงอี้และเฮยหยิงห่าวจ้องมาที่เธอด้วยสายตาที่น่าสงสาร ดังนั้นเธอจึงถามพวกเขาด้วยความสงสัย

“ทําไมคุณสองคนถึงมองมาที่ฉันแบบนั้น?”

“เสี่ยน้อย… ไม่ว่ารูปลักษณ์ปัจจุบันของคุณจะเป็นยังไง… ฉันสาบานว่าจะอยู่กับคุณตลอดไป! คุณไม่ต้องกังวลไป! ฉันได้ยินมาว่ามียาหายาก หรือผลไม้มหัศจรรย์อยู่มากกว่าที่จะทําให้คุณสวยขึ้น! ฉันสัญญาว่าจะหามันมาให้คุณในสักวันหนึ่ง! และคุณจะกลับมาสวยเหมือนก่อนหน้านี้แน่นอน!” ปิงอี้แสดงสีหน้าเคร่งขรึม และกล่าวคําปฏิญาณของเธอด้วยน้ําเสียงเคร่งขรึม

ปิงอี้ยังลูบหัวของถังหลี่เสวี่ยอย่างนุ่มนวลเหมือนเคยเพื่อปลอบโยนเธอ

ถังเสวี่ยจ้องมองพวกเขาด้วยความสับสนมากขึ้นในดวงตาสีฟ้าบุษราคัมของเธอ ในขณะที่คิดว่า

“สวยกว่านี้เหรอ? ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่จําเป็นต้องสวยไปกว่านี้แล้ว แต่ฉันสงสัยว่าผลไม้เหล่านั้นมีรสชาติอย่างไร? อยากชิมจังเลยแฮะ…

“เสวี่ย! คุณ… คุณไม่จําเป็นต้องสนใจ! ไม่ว่าตอนนี้คุณจะดูเป็นอย่างไร เพราะฉัน เฮยหยิงห่าว จะรักคุณเพียงผู้เดียว…” เฮยหยิงห่าวต้องการกล่าวคําปฏิญาณตนด้วย แต่ปิงอี้ก็เตะเขาออกไปอย่างรวดเร็ว

“ไอ้บ้านี่! คุณกล้าดียังไงถึงใช้โอกาสในตอนที่หัวใจของหญิงสาวอยู่ในสภาพเปราะบางที่สุด สารภาพความรู้สึกของคุณ! คุณเป็นผู้ชายหรือไม่!” ปิงจ้องไปที่เฮยหยิงห่าวอย่างคุกคาม และเยาะเย้ยเขาด้วยน้ําเสียงขู่เข็ญ

“คุณทั้งสองไม่ต้องกังวลไปหรอก ฉันไม่เป็นไรแล้ว ไปที่อาคารการศึกษากันก่อนที่เราจะสาย! ดูสิ แม้แต่หลี่จิงและคนอื่นๆ ก็ออกไปจากห้องของวกเขาแล้ว” ถังลี่เสวี่ยเกลี้ยกล่อมพวกเขาในขณะที่ชี้ไปที่หลี่จึงและคน อื่น ๆ ที่ออกจากห้อง

หลี่จึงยังถามอีกว่าทําไมถึงลี่เสวี่ยสวมหน้ากาก เมื่อเธอเห็นถังลี่เสวี่ย แต่ก่อนที่ถังลี่เสวี่ยจะพูดอะไร เฮยหยิงห่าว และปิงได้อธิบายให้หลีจึงฟังโดยคําอธิบายนั้นเกินจริงไปมาก ราวกับว่าหน้าตาของเธอนั้นน่ากลัวเหมือนสัตว์ประหลาดจนไม่มีใครกล้ามอง

“โอ้ ฉันขี้เกียจที่จะอธิบายมันอยู่แล้ว แค่ปล่อยให้พวกเขาคิดอะไรก็ได้ที่พวกเขาต้องการถังลี่เสวี่ยส่ายหัว และตัดสินใจที่จะไม่อธิบาย

ระหว่างทางออกจากอาคารที่พักอาศัย ถังลี่เสวี่ยก็ตระหนักว่าหลี่จิง กันอาโอเมียวและหวงห่าวต่างก็มีรอยฟกช้ําหลายจุดบนใบหน้า

ถังเสวี่ยพยายามถามเหตุผลด้วยความอยากรู้ แต่ทันทีที่เธอถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทุกคนต่างก็โกรธแค้นและเริ่มถ่มน้ําลายออกมาจากปากของพวกเขา

แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดไม่ได้โกรธถังลี่เสวี่ย แต่โกรธคนที่ทําอย่างนั้นกับพวกเขา!

หลี่จึงรู้สึกว่าถังเสวี่ยจําเป็นต้องรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของพวกเขาในตอนนี้ ดังนั้นเธอจึงเล่าเรื่องของพวกเขาให้ถังลี่เสี่ยฟัง เพื่อที่ถังลี่เสวี่ยจะได้เตรียมตัวสําหรับชั้นเรียนวันนี้

เรื่องราวของพวกเขาเริ่มต้นเมื่อสี่วันก่อน เมื่ออาจารย์เหมยหลานหายตัวไปอย่างกะทันหัน และแจ้งเอาไว้สองเรื่อง

เรื่องแรก คือ ไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของถังเสวี่ย เพราะเธอเพิ่งวิวัฒานการเป็นระดับ [ไม่ธรรมดา] และต้องการพักผ่อนหลายวันก่อนที่เธอจะสามารถฟื้นตัวได้เต็มที่

เรื่องที่สอง คือ อาจารย์เหมยหลานไม่สามารถสอนพวกเขาได้มากหรือน้อยหนึ่งเดือน เนื่องจากเธอมีภารกิจเร่งด่วนที่เธอต้องทําให้เสร็จโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะมีเวลาอยู่เฉยๆ หรือผ่อนคลายได้ อาจารย์เหมยหลานสั่งให้พวกเขาทั้งหมดเข้าร่วมชั้นเรียนแบบผสมตั้งแต่นี้เป็นต้นไปตั้งแต่เมื่อสี่วันที่แล้ว

ดังนั้นหลี่จิง ปิงอี้ เฮยหยิงห่าว และคนอื่นๆจากชั้นเรียนของถังลี่เสวี่ยจึงเข้าร่วมชั้นเรียนผสมที่เต็มไปด้วยสุนัขจิ้งจอกตัวอื่นจากคลาสอื่นตั้งแต่สี่วันก่อน

แต่ใครจะรู้ว่านักเรียนจากคลาสปฏิบัติการได้ยั่วยุพวกเขาในทันทีที่หลี่จึงและคนอื่นๆ เข้ามาในชั้นเรียนแบบผสม!

อันที่จริงพวกถังลี่เสวี่ยไม่รู้ว่าอาจารย์คนอื่นๆ ได้สอนให้ยั่วยุนักเรียนในคลาสอื่นๆ และจะให้รางวัลกับพวกเขา อย่างที่อาจารย์เหมยหลานสอนรึเปล่า

แต่ก็แน่นอน อาจารย์คนอื่น ก็สอนแบบเดียวกันกับอาจารย์เหมยหลาน โดยมีจุดประสงค์เพื่อปลูกฝังจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันให้กับนักเรียนทุกคน เพื่อที่ทุกคนจะได้มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการพันาตัวเอง อยู่เสมอ เมื่อได้มีการแข่งขันกับนักเรียนคนอื่นๆ

หลี่จิง ปิงอี้ เฮยหยิงห่าวและคนอื่น ๆ ไม่สนใจการยั่วยุจากคลาสปฏิบัติการ

แต่หลี่จิงและคนอื่นๆ ก็ยินดีรับคําท้าจากนักเรียนคลาสปฏิบัติการ พวกเขายังวางเครดิตทั้งหมดเป็นเดิมพัน ก่อนที่ะยอมรับการท้าทาย

หลี่จึงและคนอื่นๆ ชนะหลายครั้ง และทําให้เครดิตทั้งหมดของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายเท่าในเวลาเพียงสองวัน!

ทุกคนบอกว่าการพนันเป็นสิ่งเสพติดมาก และมันก็ถูกต้องที่สุด! แม้แต่หลี่จิงและคนอื่นๆ ก็ยังเสพติดเรื่องนี้ และท้าทายนักเรียนจากคลาสเรียนปฏิบัติการ

น่าเสียดายที่การชนะของพวกเขาก็พังทลายลง เมื่อสถานการณ์ของพวกเขาลุกลามเกินกว่าจะควบคุมได้ และพวกเขาถูกท้าทายโดยนักเรียนจากคลาสชั้นสูงในวันที่สาม

กฎของแผนกการศึกษาระบุว่าหากมีทีมที่ชนะมากกว่า 3 ครั้งแล้ว พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธการท้าทายจากทีมอื่นได้ ดังนั้นหลี่จิงและคนอื่นๆ จึงถูกบังคับให้ยอมรับความท้าทายจากนักเรียนคลาสชั้นสูงด้วยเดิมพันทั้งหมด และพวกเขาก็เสียเครดิตไปอย่างน่าสังเวชในที่สุด

หลังจากที่พวกเขาพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์แล้ว ในที่สุดพวกเขาก็รู้ตัวตนที่แท้จริงของนักเรียนคลาสชั้นสูงคน นั้น