ตอนที่ 88-1 หลุมพราง

สาวใช้ทั้งสามที่กล่าวถึงนั้นไม่กล้าขยับร่างแม้แต่น้อย และพวกนางต่างก็เหลือบมองไปทางหลี่เว่ยหยาง ด้วยความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก จากนั้นสาวใช้คนหนึ่งได้ตัดสินใจกล่าวขึ้นว่า

“นายท่าน วันนั้นบ่าวเห็นจิวหยินเหนียงคุกเข่าลงบนพื้นเพื่อขอร้องคุณหนูสาม แต่บ่าวมิทราบว่าพวกนางกําลังสนทนาเรื่องอันใดกัน!”

สําหรับหลี่จางเล่อที่ดูเหมือนจะรอคอยช่วงเวลานี้มานานแล้วรีบกระชากน้ําเสียงโกรธเคืองกับหลี่เว่ยหยาง

“เว่ยหยาง! นี่มันหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดเจ้าจึงช่วยจิวหยินเหนียงหลบหนีไป?”

“พวกเจ้าค้นหาพื้นที่โดยรอบอย่างละเอียดแล้วหรือ? บางทีจิวหยินเหนียงอาจจะมิได้หลบหนีไปก็เป็นได้” หลี่เสี่ยวหรันไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันจะเป็นไปได้

เมื่อได้ยินสามีกล่าวเช่นนั้นฮูหยินใหญ่จึงรีบสั่งสาวใช้

“เช่นนั้นพวกเจ้าจงออกไปตามหาให้ทั่วอีกครั้ง!”

จากนั้นคนรับใช้หลายคนก็รีบร้อนออกไปจากห้องรับแขกเพื่อตามหาจิวหยินเหนียง แต่พวกเขาก็กลับมาแจ้งว่าไม่พบวี่แววของนางเลย แม้จะตรวจสอบห้องโถงสําหรับสวดมนต์ทุกห้องแล้วก็ตาม

ขณะที่หลี่เว่ยหยางลดสายตาลงพร้อมกับแอบเยาะเย้ยอยู่ในใจเนื่องจากหาข้อสรุปได้แล้วว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เป็นหลุมพราง รวมถึงครั้งก่อนที่จิวหยินเหนียงร้องไห้ร้องห่มมาขอความช่วยเหลือจากนาง และเมื่อคืนวานก็มีการจัดให้พวกนางพักอยู่ห้องเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าทุกอย่างถูกจัดฉากเอาไว้เป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มต้น

“เจ้ามีสิ่งใดจะแก้ตัวหรือไม่น้องสาม!” หลี่จางเล่อกล่าวขึ้น

หลี่เว่ยหยางโต้ตอบอย่างใจเย็น:

“ตระกูลหลีได้จัดหาอาหารที่ดีและเสื้อผ้าที่หรูหราอย่างสมฐานะให้กับจิวหยินเหนียงแล้วเหตุใดนางจึงต้อง การที่จะหนีไปอีก?”

เมื่อได้ยินบุตรสาวกล่าวเช่นนั้น หลี่เสี่ยวหนก็ขมวดคิ้วพร้อมกับมีความคิดอย่างลึกซึ้งว่า ไฉนนางบําเรออันเป็นที่รักของตนเองจึงได้หลบหนีไปโดยมสนใจสิ่งอื่นใด ขณะที่หลี่จางเล่อเผยสีหน้าตื่นตกใจ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉยอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกล่าวว่า

“นางอาจจะ…ข้าจําได้วาครั้งสุดท้ายที่ท่านแม่เชิญคณะงิ้วมาแสดงในบ้านตระกูลหลี่ของเรา มีนักแสดงหลายคนได้ซุบซิบนินทาว่า จิวหยินเหนียงมีคนรักอยู่ในคณะเดียวกันกับพวกเขา….บางที ..จิวหยินเหนียงอาจหนี ไปกับผู้อื่น!” จากนั้นทุกคนก็ตกอยู่ในอาการตะลึงงัน

ขณะที่ใบหน้าของหลี่เสี่ยวหรันเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง และความอึดอัดที่ไม่สามารถกล่าวออกมาได้ หากนางบําเรออันเป็นที่รักของเขาได้หนีไปกับนักแสดงจริง ก็เห็นได้ชัดว่าความรู้สึกในใจของจิวหยินเหนียนั้น เขา ไม่สามารถแม้แต่จะเทียบกับนักแสดงงิ้วที่ต้อยต่ําได้เลย!

ทันใดนั้นความโกรธอันร้อนแรงก็ปรากฏขึ้นในหัวใจของเขาและเรียกร้องคําอธิบายด้วยน้ําเสียงดัง:

“เว่ยหยาง แท้ที่จริงแล้วเกิดสิ่งใดขึ้น?!” เขาโกรธเคืองมาก เพราะไม่เข้าใจว่าเหตุใดหลเว่ยหยางจึงต้องช่วยจิวหยินเหนียงด้วย!

สําหรับหลี่เว่ยหยางไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่บิดารู้สึกโกรธมากถึงเพียงนี้ แต่กลับเห็นอกเห็นใจเสียด้วยซ้ํา อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันนางก็ดูถูกเขาที่สูญเสียศักดิ์ศรีของตนเองไป เพียงเพราะผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นนั้น!

สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าคนผู้หนึ่งจะฉลาดมากไหนความคิดของเขาก็ยังคงสับสนในช่วงเวลาวิกฤต แต่ฮูหยินใหญ่สามารถเข้าใจสามีอย่างถ่องแท้ในเรื่องนี้!

จากนั้นคุณหนูใหญ่ผู้งดงามก็ได้กล่าวว่า

“น้องสาม! เจ้าอาจเกลียดท่านพ่อที่ทิ้งให้เจ้าอยู่ในชนบทมานานหลายปี แต่เจ้าก็มิควรทําเช่นนี้ เนื่องจากตั้งแต่เจ้ากลับมา ท่านพ่อก็ปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี ดังนั้นเจ้าจะตอบแทนความเมตตาของท่านด้วยการอกตัญญเช่นนี้ได้อย่างไร!” หลี่จางเล่อกล่าว

ทันใดนั้นหลี่เว่ยหยางก็ยกยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ยังคงนิ่งเงียบราวกับว่า นางไม่เต็มใจที่จะอธิบายสิ่งใด ทําให้หลี่เสี่ยวหรันโกรธมากจนดวงตาของเขาเป็นสีแดง และฮูหยินใหญ่ก็รีบกล่าวแทรกขึ้นมา:

“นางยังเป็นเด็ก โปรดอย่าถือสานางเลย!”

สําหรับซื้อหยินเหนียงรั้น นางไม่เชื่อว่าหลี่เว่ยหยางผู้ชาญฉลาดจะยืนนิ่งเฉยเมื่อความหายนะกําลังจะคืบคลานเข้ามาใกล้ตนเอง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า:

“นายท่าน! ข้าเชื่อว่าคุณหนูสามจะมทําสิ่งนั้นแน่นอน ได้โปรดอย่าได้ฟังความข้างเดียว…เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดเสียก่อน!”

“เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นซื่อหยินเหนียงเจ้ามิควรพยายามที่จะเล่นลิ้นเพื่อช่วยคนผิด!” หลี่จางเล่อตอบโต้อย่างเย็นชา

ตอนนี้ซื่อหยินเหนียงรู้สึกตกใจมาก แต่ก็ทําได้เพียงมองออกไปทางอื่นโดยไม่กล่าวอันใดออกมา

ส่วนฮูหยินใหญ่นั้นต้องการที่จะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้นก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ เกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงรีบเอ่ยถามด้วยท่าทางร้อนใจว่า

“ท่านพี่ เราจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรดี?”

การปล่อยตัวนางบําเรอของบิดาตนเองโดยพลการ นับว่าเป็นการกระทําที่ร้ายแรงมากซึ่งการลงโทษสถานเบาที่เขาสามารถทําได้คือการขับไล่หลีเว่ยหยางออกจากบ้านตระกูลหลี และเนื่องจากเหตุการณ์เพลิงไหม้มิสามารถเผาผลาญชีวิตของเด็กสาวคนนี้ได้ ฮูหยินใหญ่จึงจําเป็นต้องบีบบังคับให้นางจนมุมโดยไม่สามารถหลุดรอดไปได้!

หลี่เสี่ยวหรันกําลังจะกล่าวต่อ แต่เมื่อเขาเห็นหญิงสาวผู้อ่อนโยนกําลังเดินเข้ามาอย่างสง่างามพร้อมคนรับใช้ของนาง ซึ่งสิ่งนี้ทําให้ผู้คนตกอยู่ในความงุนงง

“นายท่าน? เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่?”

จิวหยินเหนียงกล่าวเช่นนี้พร้อมกับมีความประหลาดใจปรากฏบนใบหน้าของนาง แต่ฮูหยินใหญ่ทําหน้าราวกับว่านางได้เห็นผีร้าย ขณะที่หลี่จางเล่อทําได้เพียงกล่าวอย่างตะกุกตะกัก:

“เจ้า.. เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”

ท่ามกลางความสับสนของผู้คนรอบข้าง ทันใดนั้นหลี่เสี่ยวหรันก็พุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อตรงไปหาจิวหยินเหนียงแล้วจับแขนนางไว้แน่น

“ข้าเพียงแค่ไปเข้าห้องน้ําด้านนอก เพราะเกรงว่าจะรบกวนคุณหนูสาม”

เมื่อจิวหยินเหนียงกล่าวจบ หลี่เสี่ยวหรันก็นิ่งเงียบด้วยอาการครุ่นคิด จากนั้นได้มองไปยังฮูหยินใหญ่ด้วยสีหน้าประหลาดใจ

แต่หลี่เว่ยหยางที่สงบเงียบมาตลอด ตอนนี้นางได้ถอนหายใจพร้อมกับกล่าวว่า

“ท่านพ่อตอนนี้ท่านทราบหรือยังว่าเสียงของคนส่วนใหญ่สามารถพลิกเรื่องถูกให้กลายเป็นเรื่องผิดได้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องไร้ประโยชน์ที่จะสนทนากับผู้ที่ปั้นน้ําเป็นตัว”

หลังจากเห็นเหตุการณ์นี้แล้ว ผู้ที่เคยกล่าวเกี่ยวกับการหลบหนีของจิวหยินเหนียงเริ่มมีความเกรงกลัวและประหลาดใจระคนกันปรากฏขึ้นทั่วใบหน้าอย่างเด่นชัด เนื่องจากจิวหยินเหนียงไม่ได้หลบหนีไปจริง ดังนั้นคนที่กล่าวหานางก็จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตนเองกล่าว…

ตอนนี้สายตาของหลี่เสี่ยวหรันกําลังตรวจสอบผู้ที่เกี่ยวข้องฮูหยินใหญ่, หลี่จางเล่อ, แม่นมตูและสาวใช้ทั้งสาม โดยที่จิวหยินเหนียงและหลี่เว่ยหยางไม่ได้กล่าวอันใดออกมา

และนี่นับเป็นครั้งแรกที่ความกลัวปรากฎบนใบหน้าของฮูหยินใหญ่ แต่นางก็สามารถสงบสติอารมณ์ลงได้ภายในเวลาอันสั้น จากนั้นทุกคนก็ได้ยินคุณหนูสามกล่าวว่า

“ท่านพ่อ! โปรดตามมาทางนี้ ข้ามีผู้ที่อยากให้ท่านพบ”

ทันใดนั้นฮูหยินใหญ่ก็เข้าใจถึงความหมายเบื้องหลังคํากล่าวนี้จึงรีบก้าวออกมาด้วยความร้อนรน

“ท่านพี่!”

นางร้องเรียกและทรุดตัวลงกับพื้นอย่างอ่อนแรงราวกับว่าไม่มีแรงที่จะยืน ทําให้แม่นมดูรีบก้าวไปข้างหน้า เพื่อช่วยพยุงร่างของฮูหยินใหญ่ขึ้นมาและเรียกคนรับใช้ที่ยืนอยู่โดยให้เข้ามาช่วย

“พวกเจ้ารอสิ่งใดอยู่! ช่วยพาฮูหยินกลับห้องไปพักผ่อนเดี๋ยวนี้!”

จังหวะนั้นหลี่จางเล่อได้พุ่งตัวเข้าไปหามารดาของตนเองและคร่ําครวญ:

“ท่านพ่อ! ไม่ทราบว่าท่านแม่เป็นอันใด”

หลี่เสี่ยวหรันมีความลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง และในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้จิวหยินเหนียงได้ก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับน้ําตาที่เอ่อล้นอยู่ในดวงตาของนาง

“นายท่าน ข้ามีบางอย่างจะบอกให้ท่านทราบ!”