ตอนที่ 88-2 คฤหาสน์หลังใหม่

เมื่อมองเข้าไปในดวงตาที่คุ้นเคยและสวยงามคู่นั้น หลี่เสี่ยวหรันก็รู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมากจึงรีบพยักหน้าและรีบเดินตามหลี่เว่ยหยางไป

เมื่อพวกเขาเข้าไปในห้อง หลี่เว่ยหยางได้สั่งให้จ้าวหยูนําแม่นมหลินที่ถูกมัดเอาไว้ตลอดทั้งคืนออกมาแต่หลี่เสี่ยวหรันไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นและเหลือบมองไปยังจิวหยินเหนียง ทําให้พบว่าดวงตาของนางเป็นประกายด้วยน้ําตาที่เปียกชุ่มคล้ายกับทะเลสาบที่ลึกและใส

อย่างไรก็ตามเขาสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มีคลื่นแห่งความไม่พอใจและความขุ่นเคืองเกิดขึ้นในทะเลสาบเหล่านี้ทันใดนั้นจิวหยินเหนียงก็ได้คุกเข่าลงพร้อมกับเอ่ยว่า

“นายท่าน โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ปล่อยข้าไป!”

ถ้อยคํานี้มันเหมือนกับมีมีดมากรีดหัวใจ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“เจ้าหมายถึงสิ่งใด? เกิดอันใดขึ้น?”

หลี่เสี่ยวหรันเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ และจิวหยินเหนียงยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้น ขณะที่น้ําเสียงของนางสั่นสะท้านแต่ความมุ่งมั่นของนางนั้นมีความชัดเจน:

“ข้าขอร้อง! นายท่านปล่อยข้าไปปล่อยเถิด…ให้ข้าจบชีวิตที่เลวร้ายอย่างเงียบ ๆ ด้วยเถิด”

หลี่เสี่ยวหรันรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

“นี่เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอันใดอยู่? ทุกอย่างก็เรียบร้อยดี แล้วเหตุใด ..”

ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจถึงเหตุผลทั้งหมดและกล่าวด้วยความโกรธเคือง:

“ฮูหยินใหญ่ สร้างปัญหาให้เจ้าใช่หรือไม่?”

หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนที่จะกล่าวว่า:

“ท่านพ่อ,ท่านแม่ใหญ่มเพียงสร้างปัญหาให้จิวหยินเหนียงเท่านั้น แต่นางยังต้องการให้จิวหยินเหนียงตายด้วย”

“เจ้าหมายถึงสิ่งใด?!” หลี่เสี่ยวหรันถึงกับตกตะลึงทันที

“ท่านพ่อ เหตุเพลิงไหม้เมื่อวานนี้ เกิดขึ้นโดยเจตนาของใครบางคน และผู้กระทํามุ่งเป้าไปที่จิวหยินเหนียง”

ความจริงผู้ลอบวางเพลิงมุ่งเป้าไปยังหลี่เว่ยหยางเท่านั้น แต่ตอนนี้จิวหยินเหนียงถูกลากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเพราะความเจ้าเล่ห์ของเด็ก

“ครั้งนี้โชคดีที่จิวหยินเหนียงมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองจึงรอดชีวิตมาได้ ดังนั้นผู้บงการจึงต้องวางแผนอีกครั้งเพื่อบีบบังคับให้จิวหยินเหนียงออกไปจากบ้านตระกูลหลี่และใส่ร้ายลูกแม่นมหลินผู้นี้มาที่นี่เพื่อสอดแนมแต่สาวใช้ของลูกพบนางโดยบังเอิญ…เราจึงจับตัวนางมัดเอาไว้”

“เจ้าหมายถึงสิ่งใด?” หลี่เสี่ยวหวั่นกล่าวอย่างโกรธเคือง

“นายท่าน ท่านทราบดีว่าข้าเป็นผู้หญิงที่มีชาติกําเนิดที่ต้อยต่ําและในตอนแรกข้าเป็นนักแสดงงิ้ว ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงมิได้ที่จะมีข่าวซุบซิบแพร่กระจายไปทั่ว ดังนั้นฮูหยินใหญ่จึงใช้โอกาสนี้กล่าวหาว่าข้าเป็นชู้กับนักแสดง หนุ่ม แต่แท้จริงนางทุบตีและพยายามบีบบังคับให้เขายอมรับมัน

ดังนั้นข้าจึงมิมีทางเลือกอื่นนอกจากขอร้องให้ฮูหยินใหญ่ละเว้นข้า ฮูหยินกล่าวว่านางจะให้โอกาสโดยในระหว่างการเดินทางมายังภูเขานี้ข้าสามารถหลบหนีออกไปได้

แต่ก่อนอื่นข้าจะต้องช่วยนางทํางานให้สําเร็จ โดยข้าจะต้องทําให้คุณหนูสามได้รับโทษ และข้ารู้ว่าคุณหนูสามและฮูหยินมิค่อยลงรอยกันเท่าใด…”

ตอนนี้การแสดงออกของหลี่เสี่ยวหวั่นเกินกว่าคําว่าตกใจ ขณะที่จิวหยินเหนียงจับแขนเสื้อของเขาอย่างหมดหวัง:

“เนื่องจากข้าได้รับความรักและเมตตาจากนายท่าน สิ่งนี้ทําให้ฮูหยินใหญ่มิสามารถเอาผิดข้าได้อันที่จริงการบังคับให้ข้าออกไปมิใช่เรื่องยาก แต่ข้าทนมิได้ที่จะใส่ร้ายคุณหนูสามผู้บริสุทธิ์ ..”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของหลี่เสี่ยวหรันก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มจนลมออกหูด้วยความโกรธเคืองและคํารามออกมา:

“นังแพศยา นางกล้าที่จะทําเช่นนั้นจริงหรือ?!”

“นายท่าน ข้ากลัวมาก! เนื่องจากการที่ข้าปฏิเสธที่จะจากไปครั้งนี้ ฮูหยินใหญ่คงจะมปล่อยข้าไปอย่างแน่นอน!”

จิวหยินเหนียงยังคงร้องไห้คร่ําครวญออกมาราวกับว่าหัวใจของนางกําลังจะฉีกขาดออกจากกันทําให้หลี่เสี่ยวหรันมีอาการตกตะลึงและไม่แม้แต่จะขยับร่างอันแข็งแกร่งนั้นแต่หลังจากที่ได้ยินคําอ้อนวอนของนางแล้วหลี่เว่ยหยางก็แสดงความเห็นอกเห็นใจ:

“ท่านพ่อ, บางทีท่านอาจสร้างคฤหาสน์ข้างนอกเพื่อให้จิวหยินเหนียงอยู่”

ทันใดนั้นการแสดงออกที่โหดร้ายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลี่เสี่ยวหรันอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

“มิต้องกังวล แม้ว่าจะเป็นนายหญิงของบ้าน ข้าก็จะจัดการนางให้เข็ดหลาบแน่นอน!”

“หาก…ข้ายอมละทิ้งความคิดของตัวเองและจากไปเสียตั้งแต่ตอนแรก นายท่านก็คงมิต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบากเช่นนี้ ..”

น้ําเสียงของจิวหยินเหนียงนั้นนุ่มนวลและเศร้าสลดราวกับว่านางกําลังจะขาดใจตายด้วยโรคซึมเศร้าหากเขาไม่ยอมให้นางออกไปอยู่นอกบ้านตระกูลหลี่ แต่ในความเป็นจริงนางเพียงกลัวว่าจะต้องเสียชีวิตด้วยเงื้อมมือของฮูหยินใหญ่ผู้ร้ายกาจ

เมื่อได้ยินน้ําเสียงที่น่าสงสารของหญิงสาวอันเป็นที่รัก…หลี่เสี่ยวหรันก็รู้สึกปวดใจ:

“หากเจ้ามิต้องการอยู่ที่บ้านตระกูลหลี่ ข้าจะสร้างคฤหาสน์ข้างนอกให้เจ้าเอง”

“ขอบคุณนายท่าน!”

หลังจากกล่าวจบจิวหยินเหนียงก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะที่หลี่เว่ยหยางมองดูฉากนี้ด้วยรอย

จากนั้นหลี่เสี่ยวหรันก็ก้าวออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยนางไม่เคยเห็นบิดาเดินอย่างรวดเร็วเช่นนี้มาก่อนจนทําให้หญิงสาวเกิดความรู้สึกประหลาดใจ และเมื่อหันกลับมาจิวหยินเหนียงก็กระซิบถามอย่างระมัดระวัง:

“คุณหนูสาม ข้าแสดงดีหรือไม่?”

“แน่นอน ทักษะการแสดงของจิวหยินเหนียงกําลังพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด” หลี่เว่ยหยางยิ้มอย่างเป็นมิตร

เวลานั้นไปจอได้จ้องมองไปยังแม่นมหลินพร้อมกับกล่าวว่า

“คุณหนู ให้จัดการกับหญิงชราผู้นี้อย่างไรดี?”

“นําตัวนางไปทิ้งไว้บนภูเขา…ให้หมาป่ากิน”

หลี่เว่ยหยางสั่งจ่าวหยูด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่คํากล่าวนี้ทําให้แม่นมหลินรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากและพยายามจะกล่าวบางสิ่งแต่จ้าวหยูได้ยกร่างของแม่นมหลินออกไปทางหน้าต่างเสียก่อน

หลี่เสี่ยวหรันเดิรชนกลับเข้ามาในห้องของภรรยาเอกด้วยความโกรธเคืองเป็นอย่างมากและเมื่อหลี่จางเล่อพยายามจะหยุดบิดา นางก็ถูกเตะลงไปนอนกองกับพื้น

จากนั้นเขาก็เดินตรงไปที่ฮูหยินใหญ่ในทันที และสาดน้ําชาใส่ใบหน้าของนางโดยตรงซึ่งสิ่งนี้ทําให้นางลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความตกใจพร้อมกับจ้องมองไปยังเขาอย่างว่างเปล่า

โดยฮูหยินใหญ่ทําราวกับว่าตนเองไม่เข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ขณะที่หลี่เสี่ยวหวั่นก้าวเข้ามาคว้าผมยาวสลวยของฮูหยินใหญ่อย่างรุนแรง:

“เจ้าทําสิ่งใดลงไป!”

ทําให้ฮูหยินใหญ่เกิดอาการกระตุกด้วยความหวาดกลัวและขยับคางด้วยความยากลําบาก ขณะที่รู้สึกราวกับว่าร่างกายของตนเองถูกแช่อยู่ในน้ําเย็นยะเยือก เพราะนางทราบได้ในทันทีว่าหลี่เสี่ยวหรันทราบเรื่องราวทุก อย่างโดยกระจ่างแจ้งแล้ว:

“ท่านพี่ ข้ามิทราบสิ่งใดเลย!”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลี่เสี่ยวหนก็จ้องมองนางอย่างเย็นชาราวกับงูพิษที่มองดูเหยื่อของมัน!!!