เห็นหยวนชิงหลิงน้ำตาตก หยู่เหวินเห้าก็ขอบตาร้อนผ่าว กอดนางไว้และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“หยู่เหวินเห้า ข้าคิดถึงบ้าน ข้าอยากกลับบ้าน”หยวนชิงหลิงร้องไห้ออกมา มีหญิงสาวกี่คนกันที่หลังจากแต่งงานออกเรือนแล้ว ยังสามารถกลับบ้านมารดาได้

มีหญิงสาวกี่คนกันที่ตั้งท้องแล้ว แม่ยังหอบของมาดูแล

ช่วยจัดการเรื่องเสื้อผ้า ถุงเท้าของหลานน้อย ยังคอยเตือนเรื่องควรระวังขณะตั้งท้อง

นางถูกทิ้งให้อยู่ในห้วงเวลาไหนก็ไม่รู้ ชาตินี้คงไม่ได้เจอแม่อีกแล้ว

แม่จะรู้หรือไม่ว่าเธออยู่ที่นี่

หยู่เหวินเห้าคิดว่านางคิดถึงท่านย่า รีบเช็ดน้ำตาให้นาง “ได้ ได้ ข้าจะให้ลู่หยาไปเชิญท่านย่ามาเดี๋ยวนี้ ข้าจะเชิญท่านมา อยู่เป็นเพื่อนเจ้า ดีหรือไม่ ”

หยวนชิงหลิงส่ายหน้า ร้องไห้หนักกว่าเดิม

หยู่เหวินเห้าก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรแล้ว เขาไม่สามารถทรมานแทนนางได้ คำปลอบใจใดๆก็ไร้ประโยชน์เสียแล้ว

แม่นมฉีเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พูดว่า “ท่านอ๋อง ไท่ซ่างหวงเสด็จมาแล้ว”

หยู่เหวินเห้าอึ้ง รีบเงยหน้าขึ้น “อะไรนะ”

“เรื่องจริงเพคะ รออยู่ข้างนอกแล้ว แม่นมสี่ต้อนรับอยู่ด้านนอก”แม่นมฉีเอ่ยด้วยริมฝีปากสั่นเทา

สวรรค์ ไท่ซ่างหวงไม่ออกจากวังเป็นเวลานานแค่ไหนกันแล้ว แต่ไท่ซ่างหวงกลับออกมาเพื่อเยี่ยมพระชายา

หยวนชิงหลิงกลั้นน้ำตา ประสานสายตากับหยู่เหวินเห้า

นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไร

อีกทั้ง นี่มันช่าง ช่างน่าตกใจจริงๆ

แม้จะเป็นไทเฮา ฮองเฮาหรือเสียนเฟยเสด็จมา ก็เป็นไปไม่ได้ที่ไท่ซ่างหวงจะเสด็จมา

“มาเป็นการส่วนตัวหรือ”หยู่เหวินเห้าถาม

“ไม่ใช่เพคะ มีขบวนเสด็จด้วย”

หยู่เหวินเห้าพูดกับหยวนชิงหลิง “ข้าจะออกไปสักครู่”

เขารีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

ไปถึงด้านนอก ก็เห็นไท่ซ่างหวงเดินมาพร้อมกับฉางกงกง ขบวนเสด็จตามมาข้างหลัง มีบ่าวรับใช้ในวังเป็นโขยง ยิ่งใหญ่อลังการมาก

หยู่เหวินเห้าเดินเข้าไปคำนับ “ถวายบังคมเสด็จปู่”

ไท่ซ่างหวงสวมชุดมังกรสีดำ มวยผมขึ้น โกนหนวดเคราออก ดูแล้วแจ่มใสมาก อีกทั้งยังก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆ ไม่เหมือนคนป่วยมานานเลยสักนิดเดียว

“วันนี้ข้ามีเวลาว่าง เลยออกมาเดินนอกวัง เพิ่งจะไปที่จวนน้องหกของเจ้ามา เลยมาดูจวนอ๋องฉู่ของเจ้าเลยทีเดียว”ไท่ซ่างหวงมองไปรอบๆ “อืม จวนนี้ไม่เลว”

หยู่เหวินเห้านับถือจริงๆ แม้แต่ข้ออ้างในการออกนอกวังเสด็จปู่ก็คิดไว้แล้ว ไม่ให้คนรู้สึกว่าออกมาเพื่อเยี่ยมยายหยวนโดยเฉพาะ ในใจเกิดความอบอุ่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

เขาประคองไท่ซ่างหวงเดินเข้าไปที่ห้องโถงใหญ่ ไท่ซ่างหวงถามว่า“ใช่แล้ว ข้าได้ยินว่าพระชายาฉู่ตั้งครรภ์แล้ว จริงหรือไม่ ”

หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เรียนเสด็จปู่ จริงพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วยังสบายดีหรือไม่ ”ไท่ซ่างหวงนั่งลง มองและถามหยู่เหวินเห้า

หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างกลัดกลุ้มใจว่า “ไม่ค่อยดีเลย อาเจียน เวียนศีรษะ กินไม่ลง”

ไท่ซ่างหวงเอ่ยเสียงเรียบว่า “คนหนุ่มสาวสมัยนี้ ทนลำบากไม่ได้ ก็แค่ตั้งครรภ์ลูกเท่านั้น ยังมีอาการอะไรมากมายขนาดนี้ หนักไม่เอาเบาไม่สู้จริงๆเลย”

หยู่เหวินเห้าเม้มปาก “เสด็จปู่ท่านเองก็ไม่เคยตั้งครรภ์มาก่อน ไยจึงรู้ว่าหนักไม่เอาเบาไม่สู้ นางทรมานจริงๆนะ”

ไท่ซ่างหวงยกมือขึ้น พูดว่า “ไม่เคยกินเนื้อหมูแต่ก็เคยเห็นหมูวิ่ง คนตั้งครรภ์ ข้าเคยเห็นมาไม่น้อยแล้ว”

สมัยนั้นเสด็จปู่ร้ายกาจมาก ปีที่มากที่สุด คือมีลูกชายทีเดียวสองคนลูกสาวอีกสามคน

แต่ว่า ในปีเดียวกันนั้นเอง หลังจากนั้น ก็ไม่ได้มีความเคลื่อนไหวใดๆอีก

แค่ปีเดียว ก็ให้กำเนิดลูกที่ต้องกำเนิดในอีกหลายปีข้างหน้าออกมาจนหมดแล้ว

แต่ว่า เสด็จปู่ให้กำเนิดบุตรชายหลายคน ก็มีเพียงฮ่องเต้หมิงหยวนที่มีบุตรชายเก้าคน ส่วนอ๋องคนอื่นๆ ไม่ว่าจะให้กำเนิดเท่าใดก็เป็นบุตรสาว

เสด็จปู่รู้สึกว่าก็ไม่เป็นไร สุดท้าย เพราะสุดท้ายยังมีบุตรชายทั้งเก้าของฮ่องเต้อยู่ดี ไม่ว่าอย่างไรตระกูลหยู่เหวินก็สืบทอดต่อไปได้

สองปีมานี้ เริ่มร้อนใจขึ้นมาแล้ว

เจ้าหกไม่สบาย เจ้าแปดตาบอด เจ้าเก้ายังเป็นผู้เยาว์ ส่วนอ๋องคนอื่นๆ ที่แต่งงานแล้ว ก็ไม่มีใครให้กำเนิดบุตรชายแม้แต่คนเดียว

เสด็จปู่ภายนอกไม่พูด แต่ก็ร้อนใจอยู่ลึกๆ ต่อหน้าฮ่องเต้หมิงหยวน อย่างน้อยก็ต้องพูดสักสองสามคำ

เสด็จปู่ร้อนใจ ฮ่องเต้หมิงหยวนที่เป็นลูกกตัญญู แน่นอนว่าต้องร้อนใจตาม นี่จึงเป็นที่มาให้เหล่าขุนนางมีข้อเสนอว่าใครให้กำเนิดบุตรชายก็จะแต่งตั้งคนนั้นเป็นองค์รัชทายาท

หยู่เหวินเห้าไม่ได้ขานรับ เกรงว่าตนเองจะไปล่วงเกินผู้อาวุโสกว่า

“เอาขึ้นมา”เสด็จปู่ร้องบอกฉางกงกงหนึ่งเสียง

ฉางกงกงเอากล่องอาหารกล่องหนึ่งมาจากบ่าวรับใช้ในวังที่อยู่ข้างหลัง ยื่นให้กับแม่นมสี่ “นี่เป็นของที่ไท่ซ่างหวงประทานให้กับพระชายา แม่นมเอาไปให้พระชายาเสวยเถอะ”

แม่นมสี่รับมา ตอบรับเบาๆว่า “เกรงว่าจะทำให้ไท่ซ่างหวงผิดหวังต่อความเอ็นดูที่มอบให้แล้ว ตอนนี้พระชายาเสวยอะไรก็อาเจียนสิ่งนั้น ”

ฉางกงกงพูดว่า “เจ้ามีหน้าที่เอาไปส่งก็พอ เสวยได้คำหนึ่งก็ถือว่าไม่เสียน้ำพระทัยของไท่ซ่างหวงแล้ว”

แม่นมสี่รับไป ย่อคำนับแล้วถอยออกไป

แม่นมสี่ถือกล่องอาหารกลับไป หยวนชิงหลิงถามขึ้นว่า “ไท่ซ่างหวงกลับไปแล้วหรือ ”

“ยังเพคะ ยังอยู่ข้างนอก ทรงประทานกล่องอาหารมาให้ท่าน ท่านทานสักคำ ไม่ต้องทานมาก ถือเสียว่าขอบพระทัยท่าน”แม่นมสี่พูด

หยวนชิงหลิงสีหน้าลำบากใจ “ข้ากินไม่ลงจริงๆ”

แม่นมสี่เปิดกล่องอาหารออก เห็นเพียงด้านในมีถ้วยวางอยู่เหมือนจะเป็นน้ำซุปหวาน เป็นสีขาว แต่ว่ามีกลิ่นหอมมาก เหมือนกลิ่นของมะพร้าว

นางยกออกมา พูดว่า “ท่านลองชิมนิดเดียวก็พอ”

“น้ำหวานหรือ สวรรค์ ข้ายิ่งไม่อยากจะกินเข้าไปใหญ่”หัวคิ้วของหยวนชิงหลิงขมวดเป็นปม

แม่นมสี่หยิบช้อนขึ้นมา เอาช้อนตักน้ำซุปขึ้นมา “ท่านแค่เลียช้อนก็ได้ ก็ถือได้กินแล้ว”

หยวนชิงหลิงยิ้ม “นี่ไม่เท่ากับทำพอเป็นพิธีหรอกหรือ”

“ก็ถือว่ากินแล้ว ไม่ให้เสียน้ำใจของผู้ใหญ่”แม่นมสี่พูดยิ้มๆ

หยวนชิงหลิงเอาช้อนขึ้นมาเลียไปหนึ่งครั้ง อึ้งไปสักพัก เงยหน้าขึ้นมองแม่นมสี่ “นี่ไม่ได้หวานนะ”

นางยันตัวขึ้นมานั่งลงข้างเตียง รับเอาถ้วยซุปมา ไม่ต้องใช้ช้อน ดื่มลงไปทันที

แค่อึดใจเดียว ก็ดื่มไปได้ครึ่งถ้วยแล้ว

แม่นมสี่กังวลเป็นอย่างยิ่ง กลัวว่าอีกสักครู่นางจะอาเจียนหนัก รีบไปเอากระโถนมา

หยวนชิงหลิงกุมที่หน้าอก เรอออกมาคำหนึ่ง ที่จริงยังอยากจะดื่มอีก แต่จะดื่มมากไม่ได้ รสชาติของการอาเจียนทรมานจนนางยากจะลืมได้

“ไม่อาเจียน”แม่นมสี่วางกระโถนลง เช็ดมือ แล้วลูบหลังให้นาง

หยวนชิงหลิงพูดว่า “ของสิ่งนี้น่าดื่มมาก ไม่รู้ว่าเป็นอะไร มีกลิ่นหอมของน้ำมะพร้าว ข้างในยังมีรังนก หวานเล็กน้อย แต่ที่มีมากกว่าคือกลิ่นหอมชุ่มชื้น อาการคลื่นไส้ข้างในของข้าถูกกำจัดออกไปหมด ”

แม่นมสี่เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เจ็ดแปดวันมานี้ ไม่ว่านางจะกินอะไรก็อาเจียนออกมาหมด ทำให้ผอมลงไปมาก

“ข้าจะออกไปพบเสด็จปู่สักหน่อย ”หยวนชิงหลิงพูด

“ยังไปไม่ได้เพคะ ท่านต้องนอนพักผ่อน”แม่นมสี่เอ่ยขึ้นพร้อมกดลงไปที่ไหล่ของนาง

หยวนชิงหลิงพูดว่า “เจ้าให้คนหามข้าออกไปก็ได้”

แม่นมสี่ลังเลอยู่ชั่วครู่ หยวนชิงหลิงดึงมือนางแล้วพูดขอร้อง“ข้าอยากคุยกับเสด็จปู่ ”

นางอุดอู้จะตายแล้ว นอนอยู่บนเตียงเฉยๆตั้งหลายวันแล้ว ชีวิตนางแคบลงเรื่อยๆ

ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์สักหน่อยก็ยังดี

แม่นมสี่เห็นสีหน้าของนางที่เต็มไปด้วยคำอ้อนวอน ได้แต่บอกว่า “เช่นนั้นก็เอาเถอะ”

นางออกไปเรียกให้คนเตรียมรถหาม ประคองหยวนชิงหลิงขึ้นไปอย่างระมัดระวัง กำชับกับบ่าวรับใช้ว่า “เดินระวังหน่อย อย่าเดินเร็วเกินไป ค่อยๆเดินทีละก้าว”

“ขอรับ”บ่าวรับใช้สองคนขานรับ

ไท่ซ่างหวงกำลังพูดคุยกับหยู่เหวินเห้าอยู่ที่โถงใหญ่ ล้วนเป็นไท่ซ่างหวงที่ถามถึงอาการของหยวนชิงหลิง หยู่เหวินเห้าพูดความทุกข์ใจของตน บอกว่าช่วงนี้ยายหยวนนั้นทรมานเหลือเกิน ทำเอาฉางกงกงที่ได้ยินก็รู้สึกปวดใจไปตามกัน