หยวนชิงหลิงถูกหามออกมา ไท่ซ่างหวงนั่งอยู่ตรงกลางโถง เห็นตั้งนานแล้ว ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “นางออกมาทำไม”
หยวนชิงหลิงเองก็เห็นสีหน้ารังเกียจของไท่ซ่างหวงมาแต่ไกลแล้ว เสด็จปู่ มาเยี่ยมนางถึงจวน ยังแต่งองค์ทรงเครื่องมาอีก
หยู่เหวินเห้ารีบเดินออกไป อุ้มหยวนชิงหลิงเข้ามา
เพราะหมอหลวงเคยพูดไว้ว่า อย่าให้นางลงเดินกับพื้น ฉะนั้น ไม่ว่าจะทำธุระส่วนตัวหรืออาบน้ำ ล้วนเป็นเขาที่อุ้มไป
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่าตัวเองเหมือนคนไร้ประโยชน์ ตีที่แขนของเขาพูดอย่างจนใจว่า “ปล่อยให้ข้าลงมาเดินก้าวสองก้าวจะเป็นไรไป”
“ไม่ได้ หมอหลวงบอกว่าเจ้ายังลงจากเตียงมาเดินไม่ได้ ”ระหว่างที่หยู่เหวินเห้าพูด ก็วางนางลงบนเก้าอี้ “เจ้าไม่เชื่อฟังเอาซะเลย อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะ ตอนที่ข้าไม่อยู่จวน เจ้าแอบลงจากเตียงอยู่บ่อยๆ”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “ถ้าข้าไม่เดินสักหน่อย แข้งขาของข้าก็จะพิการแล้ว”
นางมองไท่ซ่างหวงอย่างรันทดใจ “เสด็จปู่ ท่านว่าจริงหรือไม่ ”
ไท่ซ่างหวงมองนางแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองหยู่เหวินเห้า ขมวดคิ้วถามว่า “ตอนเจ้าออกจากจวนทำไมไม่รู้จักมัดนางไว้กับเตียงเล่า ถ้ามัดแล้วยังไม่เป็นผลก็ไม่รู้จักตีสั่งสอนหรืออย่างไร ”
หยู่เหวินเห้าพยักหน้า ขยิบตาให้กับหยวนชิงหลิง “พ่ะย่ะค่ะ หลานจะจำเอาไว้”
หยวนชิงหลิงมองเสด็จปู่อย่างจนใจ “ท้องนี้ก็ไม่ได้ทำผิดอะไร ยังสามารถลงมาเดินได้เป็นบางครั้ง ข้ารู้ตัวเองดี ข้าเป็นหมอนะ”
ไท่ซ่างหวงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “รักษาคนอื่นได้แต่ไม่รักษาตัวเอง เป็นอย่างไรบ้าง ดื่มน้ำแกงนั้นลงหรือไม่ ”
ดวงตาของหยวนชิงหลิงสว่างขึ้นชั่วครู่ “ดื่มลงเพคะ อีกทั้งดื่มแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยอึดอัด มันคืออะไรกัน ข้าดูแล้วมีรังนกและน้ำมะพร้าวด้วย”
ฉางกงกงพูดยิ้มๆว่า “ท่านอย่าสนใจเลยว่าคืออะไร รู้แต่ว่าเป็นสูตรดีแน่ๆ กินแล้วนอกจากจะแก้อาการคลื่นไส้แล้ว ยังบำรุงครรภ์อีกด้วย”
หยู่เหวินเห้าได้ยิน ก็รีบขอสูตรทันที “เสด็จปู่ สูตรนี้ให้ข้าได้หรือไม่ ข้าจะให้คนทำให้นางกิน ช่วงนี้นางยังไม่ได้กินของดีของอะไรเลยแม้แต่คำเดียว”
“ไม่จำเป็น ของนี้กินมากไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าจะให้คนส่งมาให้”ไท่ซ่างหวงพูดพลางยกมือขึ้น
เขาค่อยๆลุกขึ้น “นี่ก็สายแล้ว ข้ายังต้องไปที่จวนพี่สามของเจ้าอีก”
หยวนชิงหลิงรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง “นี่จะเสด็จแล้วหรือเพคะ ไม่พูดคุยกันอีกหน่อยหรือเพคะ”
พอเขาไป นางคงต้องถูกหามกลับไปนอนที่ห้องอีกตามเคย
ไท่ซ่างหวงมองนาง “เจ้าดูแลครรภ์ให้ดี สำหรับเจ้าแล้ว นี่เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด จำได้หรือไม่”
หยวนชิงหลิงมองสีหน้าจริงจังของเขา จึงเอ่ยขึ้นโดยปริยายว่า “จำได้เพคะ”
หยู่เหวินเห้าส่งไท่ซ่างหวงออกไป ไท่ซ่างหวงกำชับเขาอีกหลายอย่าง หยวนชิงหลิงมองออกไป สามารถมองเห็นเขาที่ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขากำลังกังวล
หยวนชิงหลิงรู้สึกเศร้า จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
นางเช็ดที่ดวงตา ช่วงนี้อ่อนแอมากเป็นพิเศษ เรื่องเล็กน้อยก็ทำให้น้ำตาไหลได้
หยู่เหวินเห้ากลับมาเห็นนางกำลังเช็ดน้ำตา คิดว่าเพราะคำตำหนิของไท่ซ่างหวงเมื่อครู่ ทำให้นางรู้สึกน้อยใจ
เขายื่นมือออกมาเช็ดน้ำตาให้นาง พูดเสียงอ่อนโยนว่า “เสด็จปู่ก็พูดไปอย่างนั้นเอง เขาเอ็นดูเจ้ามาก ออกจากวังครั้งนี้ ไปจวนทั้งหลายจนทั่ว เขาก็เหนื่อยมาก เขาออกจากวังเพื่อเจ้า”
หยวนชิงหลิงมองเขาด้วยน้ำตานองหน้า “ข้ารู้ เพราะอย่างนี้ข้าจึงร้องไห้”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ กุมมือนางยืนขึ้น “อยากเดินใช่หรือไม่ ข้าจะเดินเป็นเพื่อน แต่อนุญาตแค่ครั้งเดียว กลับไปยังคงต้องนอนพักผ่อน นอกจากหมอหลวงจะบอกว่าลงจากเตียงมาเดินได้แล้ว ”
หยวนชิงหลิงเปลี่ยนเป็นหน้ายิ้มทันที เอ่ยอย่างซุกซนว่า “รับบัญชา”
เดินจากโถงใหญ่กลับไป ที่จริงก็ไม่ใกล้
ทั้งสองเดินช้าๆ เชื่องช้ามาก ด้านหลังมีคนกลุ่มใหญ่ตามมาด้วย หมอหลวงเฉาได้ยินว่าพระชายาเดินด้วยตัวเอง ก็รีบตามมา เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้น
“ได้กินน้ำแกงที่ไท่ซ่างหวงส่งมาให้ รู้สึกดีขึ้นจริงๆหรือ ”หยู่เหวินเห้าถาม
“อืม ไม่ค่อยเวียนหัวแล้ว อีกทั้งกินแล้วยังไม่อาเจียนออกมา ไม่รู้ว่าเป็นอะไร อีกอย่างตอนนี้ก็เข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ไม่รู้ว่าไปเอามะพร้าวมาจากที่ไหน”
เมืองหลวงมีที่ตั้งอยู่ทางเหนือ เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงแล้วอากาศค่อนข้างเย็น มะพร้าวนั้นมาจากภาคใต้ แม้จะบอกว่าสามารถเก็บไว้ได้ระยะหนึ่ง แต่ว่า จนป่านนี้แล้ว ใครยังจะเก็บมะพร้าวไว้อีก
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “ในวังอยากได้อะไรแล้วไม่มี เป็นไปไม่ได้ ให้คนส่งมาจากทางใต้ก็เป็นได้ องครักษ์ลับผีของไท่ซ่างหวงร้ายกาจมาก”
“องครักษ์ลับผี”
“อืม องครักษ์ลับก่อตั้งขึ้นตอนที่ไท่ซ่างหวงยังครองบัลลังก์อยู่ เคยมีอำนาจน่าเกรงขามอยู่ช่วงหนึ่ง ใช้สอดแนมชาวบ้านกับเหล่าขุนนาง หลังจากที่เสด็จพ่อขึ้นครองราช องครักษ์ลับผีก็ถูกไล่ให้ไปช่วยทำงานจิปาถะของไท่ซ่างหวงแทน”
หยวนชิงหลิงได้ยินเป็นครั้งแรก นางจำได้ว่าเคยพบกับองครักษ์ที่สวมชุดสีดำทั้งตัวที่ตำหนักฉินคุน ไม่รู้ว่าใช่องครักษ์ลับผีหรือไม่
“เกรงว่าจะดูเหมือนทำงานทั่วไปแค่ภายนอกกระมัง ข้าเห็นข่าวสารของเสด็จปู่นั้นกว้างขวางมาก เกรงว่าองครักษ์ลับผีเหล่านี้คงยังทำงานสอดแนมเหมือนเก่า”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้าพูด “ไม่แปลกใจเลย ในเมื่อเรื่องในราชสำนักนั้นไม่มีใครปกปิดเสด็จปู่ได้เลย ”
คำพูดนี้ หยวนชิงหลิงเคยได้ยินแม่นมสี่พูดมาก่อน
แม่นมสี่เป็นคนรับใช้ข้างกายของไท่ซ่างหวงมาหลายปี นางน่าจะรู้เรื่องการใช้ประโยชน์องครักษ์ลับผีดี
หยู่เหวินเห้ามองนาง “เรื่องนี้ ข้าคอยปิดบังเจ้าตลอดมา ”
หยวนชิงหลิงพูดว่า “วันนี้ข้าอารมณ์ดี นอกจากเรื่องแต่งพระชายารอง หรือเรื่องที่เกี่ยวกับหญิงสาว เรื่องอื่นข้าให้อภัยให้ท่านได้ทั้งสิ้น ”
หยู่เหวินเห้าหัวเราะ “แต่งพระชายารองอะไรกัน แต่ว่าก็มีความเกี่ยวข้องกับหญิงสาวอยู่”
“ฉู่หมิงชุ่ย”หยวนชิงหลิงเอียงหน้ามองเขา
หยู่เหวินเห้าอึ้ง “ฉู่หมิงชุ่ยเป็นใคร ไม่รู้จัก”
หยวนชิงหลิงหยิกแขนเขา “เอาตัวรอดเก่งจริง”
หยู่เหวินเห้าเข้าใจแจ่มแจ้งทันที หัวเราะคิกคิกแล้วพูดว่า “เจ้าพูดถึงพระชายาฉีหรือ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนางเลย เป็นพระชายาจี้”
“นางทำไมอีก”หยวนชิงหลิงถาม
“วันก่อนนางให้คนส่งพระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตรมาไม่ใช่หรือ”
“ใช่ พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตร สีสันไม่เลวเลย แต่ว่าแม่นมสี่กลับเอาไปซ่อนเอาไว้ บอกว่าไม่อยากวางประดับของที่นางส่งมาให้ ”หยวนชิงหลิงจำเรื่องนี้ได้
“พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตรองค์นั้นมีรอยร้าว อยู่ด้านหลังองค์พระ”หยู่เหวินเห้านึกแล้วก็ยังคงโมโห
หยวนชิงหลิงอุทานเสียงหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง “มีรอยร้าวหรือ น่าเสียดายจริงๆเลย ”
“เจ้าไม่โกรธหรือ ”หยู่เหวินเห้าคาดไม่ถึง คนใจน้อยขนาดนั้น เรื่องใหญ่ขนาดนี้ยังไม่รู้สึกโมโห
หยวนชิงหลิงมองเขา “ต้องโกรธด้วยหรือ ในเมื่อก็ได้มาเปล่าๆ มีรอยร้าวก็คิดเสียว่าไม่ได้รับมาก็พอ ข้าเองก็ไม่ได้หวังสิ่งของจากนาง แค่รู้สึกว่าองค์พระดีขนาดนั้น น่าเสียดาย”
หยกหากมีรอยร้าว นั่นไม่ใช่แค่เรื่องที่ทำให้คุณค่าลดลงเท่านั้น
ตามหลักคือไร้ประโยชน์แล้ว นอกเสียจากจะแยกชิ้นส่วนออกมาทำอย่างอื่น
หยู่เหวินเห้ากุมมือที่เย็นชืดของนางเอาไว้ “เจ้าท้องแล้ว นางส่งพระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตรมาให้ เจ้ารู้สึกว่ามีความหมายอะไร”
“คำสาปแช่งไร้สาระ ล้อเล่นเป็นเด็กไปได้”
หยู่เหวินเห้ามองนางอย่างกลุ้มใจ พูดมาตั้งนานนางก็ไม่โกรธเลยสักนิด ไม่สนใจด้วย กลับเป็นเขาที่ยังคงรู้สึกว่าพระชายาจี้ทำเกินไปแล้ว ไปหาเรื่องจัดการถึงที่ ก็เพื่อระบายแทนนาง กลับมาแล้วยังคงกลัวนางโมโหยังไม่กล้าบอกกับนางก่อน
หยวนชิงหลิงเอ่ยยิ้มๆ “หากท่านไม่อยากเห็นพระองค์นั้น ส่งคืนกลับไปให้นางก็พอ”
“ช่างเถอะ นางเองก็ได้รับบทเรียนแล้ว”หยู่เหวินเห้าคิด ยังคงรู้สึกว่าจัดการกับพระชายาจี้สักครั้งก็สมควร แม้ว่าจะไม่ได้ทำเพื่อยายหยวน แต่ก็ได้ระบายเพื่อตนเอง