บทที่ 205 ใครเห็นพวกเราอยู่ในสายตา

บัลลังก์หมอยาเซียน / ยอดหมอยา ชายาอ๋องเจ้าเล่ห์

หยวนชิงหลิงมองเขา “จัดการแล้วหมายความว่าอย่างไร”

หยู่เหวินเห้าเล่าเรื่องวันนั้นที่จวนอ๋องจี้ให้ฟังอย่างละเอียดทั้งหมด รวมถึงเรื่องที่ลงโทษแม่นมข้างกายของพระชายาจี้ไปอย่างหนัก แต่ก็เก็บเรื่องที่พระชายาจี้พูดกับเขาในตอนท้ายเอาไว้ คิดแล้วก็ยังไม่วางใจ พูดกำชับว่า “พระชายาจี้หรือคนอื่นๆ หากมาพูดเรื่องอะไรที่เสี้ยมความสัมพันธ์ระหว่างพวกเรา เจ้าอย่าไปเชื่อเด็ดขาด ”

หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “ข้าไม่ใช่คนโง่ จริงเท็จข้าจะไม่รู้จักแยกแยะได้อย่างไร ”

ในใจของหยู่เหวินเห้ายังคงเป็นกังวลอยู่ดี

เขาดีกับหยวนชิงหลิง หลังจากที่นางรักษาไท่ซ่างหวง นางเคยคิดในใจบ้างหรือไม่ว่า แท้จริงในใจเขานั้นมีแผนการอื่น

เพราะความกังวลนี้ ทำให้อารมณ์ของหยู่เหวินเห้าดิ่งลงทันที

เขาอยากฟังคำพูดจากใจจริงของหยวนชิงหลิง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการให้ความรู้สึกยิ่งปิดยิ่งอยากรู้แก่คนอื่น

น้ำแกงหวานที่เสด็จปู่ส่งมาให้ ทำให้หยวนชิงหลิงมีชีวิตเสมือนอยู่บนสวรรค์อยู่สองวัน

ไม่อาเจียน ยังสามารถกินอาหารได้นิดหน่อย มีคลื่นไส้เป็นบางครั้ง แต่เมื่อเทียบกับช่วงแรก อาการน้อยจนไม่คู่ควรที่จะเอ่ย

อีกอย่าง ภายใต้การวินิจฉัยของหมอหลวง นางสามารถลงจากเตียงมาเดินได้ทุกวัน ไปเดินเล่นในลานได้

แต่ถ้าด้านหลังไม่มีคนตามเป็นโขยง คงจะอิสระมากกว่านี้

หยู่เหวินเห้าที่เมื่อก่อนไม่เคยตื่นเต้น ก่อนออกจากบ้าน คอยกำชับเป็นพันเป็นหมื่นครั้ง โดยเฉพาะกับสวีอีและหมอหลวง ขอแค่นางลงจากเตียงเท่านั้น ด้านหลังนางต้องมีเขาสองคนคอยประกบเอาไว้

ผ่านไปสองวัน หยวนชิงผิงหอบข้าวของมา พูดอย่างดีใจว่า “ครั้งนี้ท่านพ่อขอร้องให้ข้ามาอยู่เป็นเพื่อนท่าน”

“ขอร้อง”หยวนชิงหลิงหัวเราะ รู้สึกว่าหยวนชิงผิงใช้คำพูดได้ตลกมาก

หยวนชิงผิงเลิกคิ้ว “แม้จะเป็นคำสั่ง แต่น้ำเสียงดีขึ้นมากเลย”

หยวนชิงผิงนำข่าวการเคลื่อนไหวของจวนเจ้าพระยามาด้วย

ช่วงนี้แม่เฒ่ากินข้าวได้มากขึ้น ยังขอดื่มยาด้วยตนเอง ทุกวันยังไปเดินเล่นที่สวน

ส่วนพี่ชายหยวนหลุนเหวินก็ถูกย้ายไปที่กรมคลังแล้ว

วันที่ฮูหยินรองสั่งสอนผู้ดูแลบ้าน แม่เฒ่ากลับยื่นมือเข้าไป ช่วยเหลือผู้ดูแลบ้านเอาไว้

หยวนชิงผิงพูดกลั้วหัวเราะว่า “ท่านไม่ได้เห็น สีหน้านางเปลี่ยนไปจนไม่น่าดูในทันที ดวงตาเบิกกว้างมาก ตกใจที่สุด”

“นางตกใจเรื่องอะไร”หยวนชิงหลิงที่กำลังกินบ๊วยแห้ง ถามขึ้น

“แน่นอนว่าต้องตกในที่ท่านย่ายื่นมือออกมายุ่งเรื่องในจวนอย่างไรเล่า จากนั้นท่านย่าเห็นนางอ้าปากตาค้าง ยังบอกกับนางว่าให้ไปเอาบัญชีมาตรวจดู นี่ก็ทำเอานางตกใจจนทำอะไรไม่ถูก”

หยวนชิงหลิงตกใจ “จริงหรือ”

เรื่องตรวจสอบบัญชี เดิมที่เป็นเมียหลวงที่ทำร่วมกับห้องบัญชี แม่เฒ่าจะมาควบคุมเรื่องในบ้านหรืออย่างไร

ฮูหยินรองหลายปีมานี้ น่าจะมีการแอบเอาเงินทองของกองกลางไปไม่น้อย หากจะตรวจสอบบัญชี ฮูหยินรองคงต้องลงจากตำแหน่งแน่

แม่เฒ่าฉลาดมาก หากต้องการจะควบคุมจริงๆ ฮูหยินรองก็ปิดนางไม่ได้

หยวนชิงหลิงดีใจมาก ที่เห็นแม่เฒ่าเป็นอย่างนี้ เห็นได้ชัดว่าจิตใจฮึกเหิมขึ้นมาแล้ว

“ใช่แล้ว ข้าเอาของมาด้วยเยอะแยะเลย ท่านพ่อกับท่านแม่ก็ส่งของมาให้ท่านด้วย ยังมีของท่านพี่อีก”หยวนชิงผิงให้สาวรับใช้เปิดกล่องออก เอาของแต่ละชิ้นออกมา

เจ้าพระยาจิ้งกับฮูหยินส่งหมูทองคำมาให้

ปีหน้าเป็นปีกุน หากตั้งครรภ์ราบรื่นลูกก็จะเกิดในปีกุน ฉะนั้น ทำหมูทองคำมา ก็ถือว่าลงทุนไม่น้อยเช่นกัน

พี่ใหญ่หยวนหลุนเหวินส่งกลองไม้เขย่ามาให้

“พี่ชายทำเองกับมือเชียวนะ”หยวนชิงผิงยื่นให้ กลองไม้เขย่าอันนั้นใช้หนังวัวหุ้มด้านหน้า ลูกดีดสองอันทำมาจากไม้ หยวนชิงหลิงเขย่าดูดัง“ป๊อกๆ”เหมือนเสียงเต้นของหัวใจอยู่เล็กน้อย

ของขวัญชิ้นนี้ตรงใจเหลือเกิน ขณะที่เด็กยังอยู่ในท้องแม่ เสียงดนตรีที่น่าฟังที่สุดคือเสียงเต้นของหัวใจ และเสียงของกลองเขย่าไม้นี้ จะทำให้เด็กน้อยคุ้นเคยและสบายใจ

“พี่ใหญ่อยากซื้อของที่ดีหน่อย แต่เขาไม่มีเงิน เงินเดือนก็ถูกส่งเข้ากองกลาง จากนั้นค่อยมีการแบ่งส่วนเงินเดือนให้ ท่านเองก็รู้ ฮูหยินรองกำไว้แน่นมาก เงินที่แบ่งได้แต่ละเดือนก็น้อยมาก”หยวนชิงผิงเบ้ปาก

“ข้ารู้”หยวนชิงหลิงเอากล่องไม้เขย่าส่งให้กับแม่นมสี่ “เก็บไว้ให้ดี”

หยวนชิงหลิงก็ล้วงเอาเสื้อผ้าออกมาอีกสองชุด สีเขียวลายเมฆสีเทา ไม่มีรอยปัก อ่อนนุ่มน่าสบาย พูดขึ้นด้วยหน้าแดงๆว่า “นี่ข้าทำเอง”

หยวนชิงหลิงรับมา ใช้มือลูบคลำดู ยิ้มและพูดว่า “เจ้าทำเองหรือ สวยมาก”

แม่นมฉีก็พูดยิ้มๆว่า “คุณหนูรองช่างรู้ใจจริงๆ เสื้อนี้ทำได้สวยงามมาก ทำให้รู้สึกหัวใจอ่อนโยนลงในทันที”

หยวนชิงผิงเอ่ยด้วยสีหน้าเขินอาย“ข้าเป็นน้า ก็ไม่มีอะไรดีๆให้เขา มีแค่เสื้อสองตัวนี้ รอให้เขากำเนิดออกมาแล้ว ข้ายังจะทำให้อีก”

หยวนชิงผิงแต่ไหนแต่ไรก็ไม่สนใจไยดีอะไร หยวนชิงหลิงคิดไม่ถึงเลยว่าฝีมือเย็บปักถักร้อยของนางจะดีขนาดนี้ หากเจ้าหนุ่มกู้ซือคนนั้น ได้แต่งกับนาง ก็นับว่ามีวาสนาแล้ว

พูดถึงกู้ซือ หยวนชิงหลิงในคนในห้องต่างออกไปหมด เหลือเพียงสองพี่น้องพูดคุยกัน

“เรื่องแต่งงานของเจ้า มีความคืบหน้าหรือไม่”หยวนชิงหลิงถาม

หยวนชิงผิงระบายว่า “ก็อารมณ์ดีๆอยู่ อย่าพูดเรื่องนี้ได้หรือไม่ ทำลายอารมณ์ดีๆของข้าหมด”

“ก่อนหน้านี้ข้าเคยให้พี่เขยเจ้าสังเกตแล้ว”หยวนชิงหลิงพูด

หยวนชิงผิงอึ้ง จากนั้นก็หัวเราะ “ไม่น่าเชื่อ ท่านอ๋องจะยุ่งเรื่องนี้ด้วย ท่านไม่ต้องปลอบใจข้าหรอก แค่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ คนคนนั้นก็ไม่ได้แก่หงำเหงือก หรือว่าหน้าตาไม่ได้ขี้เหร่จนมองไม่ได้ ก็ช่างมันเถอะ”

“ทำไมเจ้าจึงคิดอย่างนี้ คิดในแง่ร้ายมากไปแล้ว ”หยวนชิงหลิงรู้สึกว่านางยังอายุน้อยๆแต่กลับมีความคิดเชิงลบมาก คิดทุกเรื่องในทางที่ไม่ดีไปหมด

หยวนชิงผิงเอ่ยเสียงเรียบๆว่า “ไม่ใช่คิดในแง่ร้าย ยังจำเสี่ยวหลันได้หรือไม่ นางจะแต่งงานแล้ว แต่งกับบัณฑิตอู๋ไปเป็นภรรยาใหม่ บัณฑิตอู๋ปีนี้ก็อายุหกสิบสองแล้ว เสี่ยวหลันยังอายุไม่ถึงสิบหกเลย”

เสี่ยวหลัน

ในสมองของหยวนชิงหลิงมีภาพของเด็กสาวที่ใบหน้ากลมแป้นไร้เดียงสา

เด็กสาวคนนั้นยิ้มแล้วมีลักยิ้มสองข้างที่น่ามองมาก

นางชื่นชอบการเตะลูกขนไก่ จับผีเสื้อ และฝีมือเย็บปักก็ดีมาก

พ่อของนางเหมือนจะทำงานอยู่ที่กรมการพระนคร

หยวนชิงหลิงนึกถึงเด็กสาวที่น่ารักขนาดนั้น ต้องแต่งงานกับคนแก่ ก็รู้สึกคลื่นไส้

หยวนชิงหลิงรู้สึกไม่ค่อยดีไปชั่วขณะ

นี่มันประเพณีสังคมอะไรกัน

“จะแต่งงานเมื่อไหร่”หยวนชิงหลิงราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปตัวหนึ่ง กุมหน้าอกและถามขึ้น

“เพิ่งจะแลกเปลี่ยนใบบันทึกวันเดือนปีเกิดไป ต้องรอส่งของกำนัล”หยวนชิงผิงเองก็เหมือนจะกลั้นความรังเกียจเอาไว้ พูดว่า “ก่อนที่ข้าจะมา นางมาหาข้า บอกว่าอยากจะพูดคุยกับข้า ข้าก็ต้องรีบมาที่นี่ จึงให้นางมาหาข้าที่นี่”

หยวนชิงหลิงมองนาง “หืม”

หยวนชิงผิงยิ้มขม “อย่างมองข้าอย่างนี้ ข้าต้องการคนหัวอกเดียวกันมาพูดคุยด้วย ให้กำลังใจข้า ท่านวางใจได้ ข้าจะไม่พานางเข้ามา จะคุยกันข้างนอก”

หยวนชิงหลิงพูดว่า “นางจะมาก็ไม่เป็นไร ข้าเองก็ใช่ว่าจะไม่รู้จักนาง”

“อืม ”หยวนชิงผิงเก็บข้าวของ “ท่านต้องพักผ่อนแล้ว ข้าจะออกไปก่อน”

หยวนชิงหลิงดึงนางให้นั่งลง “ข้าถามเจ้า เจ้ายังจำกู้ซือได้หรือไม่”

“กู้ซือ รู้จักสิ รองผู้บัญชาการมหาดเล็ก”หยวนชิงผิงพูด

“ถ้าเขาจะขอเจ้าแต่งงาน เจ้าจะยินยอมหรือไม่ ”หยวนชิงหลิงถาม

หยวนชิงผิงอึ้งไปชั่วครู่ ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมา

หัวเราะเสร็จ นางก็เช็ดน้ำตาที่หัวตา “น่าขันจริงๆ น้ำตาก็ไหลออกมาแล้ว พี่ใหญ่ แม้ว่าท่านจะเป็นพระชายา แต่ท่านก็ไม่สามารถบงการตระกูลกู้ได้ รู้หรือไม่ว่าตระกูลกู้มีอำนาจมากแค่ไหนในเมืองหลวง เขาจะแต่งกับองค์หญิง ก็ไม่ใช่ปัญหา ข้า ข้าก็แค่ลูกสาวจวนเจ้าพระยาสับปะรังเค พูดให้ชัดคือ แม้แต่คนอย่างบัณฑิตอู๋ยังดูตระกูลเราไม่เข้าตา ตำแหน่งเจ้าพระยาของท่านพ่อ หลายปีมานี้ก็อยู่ได้เพราะใช้เงิน หากไม่มีการสืบทอดตำแหน่งละก็ ตระกูลเราคงถึงจุดจบไปนานแล้ว ใครจะเห็นค่าพวกเรา