สำหรับสถานการณ์ล่อแหลมของจวนเจ้าพระยาในตอนนี้ หยวนชิงหลิงก็รู้ดี
จวนเจ้าพระยาหลายปีมานี้ ไม่เคยปรากฏคนที่มีความสามารถเลย ตำแหน่งในกรมคลังของท่านพ่อ ต้องวิ่งเต้นขอความคุ้มครองไปทั่ว เสียเงินทองไปไม่น้อย ทุกครั้งที่มีการประเมินของกรมข้าราชการพลเรือน ล้วนต้องให้คนใช้ทางลัดเพื่อผูกมิตร ไม่เช่นนั้นคงร่วงลงมาตั้งนานแล้ว
ฮ่องเต้เมื่อต้นปี ได้มีการตำหนิที่ทำการบางแห่ง บอกว่ามีขุนนางบางคน ครองตำแหน่งเป็นหมาหวงก้างแต่ไม่ยอมทำงานแม้แต่น้อย เอาแต่กินแล้วรอความตาย การประเมินปีนี้ จะเป็นการจัดการกับคนพวกนี้
เจ้าพระยาจิ้งรู้ตัวเองดี เขารู้ว่าตัวเองก็เป็นคนเช่นนั้น
คนที่ในใฝ่สูงทะลุฟ้า แต่บางเบาดุจกระดาษ ได้แต่ถอนหายใจว่าเวลาไม่คอยท่าแล้ว มีความสามารถแต่ไม่ได้ถูกใช้งาน ที่จริง ในใจก็ของเขาเข้าใจดี
เขามันไร้ความสามารถจริงๆ
แม้แต่ความสามารถในการเลียแข้งเลียขายังไม่มี มีเพียงการใช้วิธีแต่งลูกสาวเพื่อดึงเหล่าขุนนางเป็นพวก เพื่อที่จะรักษาตำแหน่งของตัวเองเอาไว้
เขาเอาแต่พูดว่าจำถามเรื่องตำแหน่งเลขานุการ แต่ว่า ในใจเขารู้ดี สามารถรักษาตำแหน่งเจ้าพระยาไว้ได้ก็ไม่เลวแล้ว
เขาเข้าใจแจ่มแจ้ง คนในจวนก็เข้าใจเช่นกัน แม้แต่หยวนชิงผิงยังเข้าใจได้
ฉะนั้นนางจึงพูดออกมาได้ว่า นางไม่มีทางคู่ควรกับกู้ซือ นี่ไม่ใช่การดูถูกตนเอง
นี่คือการรู้จักตัวเองอย่างแท้จริง
ในใจของหยวนชิงหลิงอ่อนยวบบอบบาง ฟังเรื่องพวกนี้ไม่ได้
ถอนหายใจเบาๆ “ช่างเถอะ เรื่องนี้รอให้ถูกบีบมาจนถึงหน้าแล้วค่อยว่ากัน ”
“ท่านอย่าหนักใจแทนข้าเลย ข้าเตรียมตัวไว้พร้อมแล้ว”หยวนชิงหลิงหัวเราะ “อันที่จริง ก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น เหมือนเสี่ยวหลัน ยังมีคนมากมายอิจฉานาง ดูจากพื้นเพตระกูลนางแล้ว ได้แต่งกับบัณฑิต ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว”
คำสุดท้ายของหยวนชิงผิง อดไม่ได้ที่จะมีแววประชดประชัน
หยวนชิงหลิงรู้สึกว่ากลิ่นขุ่นมัวที่อยู่ในอกนั้นผุดขึ้นมาอีกครั้ง นางขมวดคิ้ว วิ่งไปตรงกระโถนอย่างทนไม่ไหว อาเจียนออกมา
หยวนชิงผิงตกใจ รีบเปิดประตูเรียกคนเข้ามา นางเองก็รีบวิ่งเข้าไปลูบหลังให้กับหยวนชิงหลิง
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร อาเจียนเป็นเรื่องปกติ”หยวนชิงหลิงอาเจียนเสร็จ เอ่ยปลอบด้วยสีหน้าขาวซีด ที่จริงแม่นมสี่อยู่ข้างนอกได้ยินที่พวกนางคุยกัน ฉะนั้น นางจึงดึงหยวนชิงผิงออกไปอีกฝั่งเงียบๆ พูดว่า “ถ้าเสี่ยวหลันนั่นมาแล้ว ก็อย่าให้พระชายาพบเลย”
หยวนชิงผิงพยักหน้า “รู้แล้ว ข้าจะพานางไปคุยกันข้างนอก จากนั้นก็ให้นางกลับไป”
นางคิดว่าตัวเองก็สะเพร่ามาก ทำไมจึงเรียกเสี่ยวหลันมาที่นี่ได้
พี่ใหญ่นั้นรู้จักเสี่ยวหลัน ด้วยนิสัยใจคอของเสี่ยวหลัน จะไปเป็นแม้เลี้ยงของเหล่าขุนนางใหญ่ในราชสำนักได้อย่างไรกัน นางยังสู้ตนไม่ได้เลย
หลังจากหยวนชิงหลิงอาเจียนเสร็จ ก็นอนพักสักครู่
หลังจากตื่นนอน ลู่หยาก็เข้ามารับใช้
“คุณหนูรองล่ะ”หยวนชิงหลิงถาม นางไม่ได้ลุกขึ้นมา ยังคงนอนอยู่บนเตียง รู้สึกว่าความทรมานอย่างหลายวันก่อนกลับมาอีกแล้ว
“คุณหนูรองอยู่ที่ลานด้านหน้า กำลังคุยกับคนคนหนึ่งอยู่”ลู่หยาพูด
หยวนชิงหลิงนึกขึ้นได้ว่านางเคยบอกว่าได้ชวนเสี่ยวหลันมาที่นี่ น่าจะเป็นเสี่ยวหลัน
นางค่อยๆลุกขึ้นนั่ง “ไปเชิญคุณหนูรองกับเพื่อนของนางเข้ามา”
ลู่หยาอึ้งไปสักครู่ จึงนึกถึงเรื่องที่แม่นมสี่สั่งเอาไว้ ว่าอย่าบอกให้พระชายารู้เด็ดขาดว่ามีคนมา
“ไปสิ”หยวนชิงหลิงพูด
ลู่หยาได้แต่ออกไปโดยดี
พอออกจากประตู แม่นมสี่กำลังยกน้ำบ๊วยเปรี้ยวเข้ามา ถามว่า “ตื่นแล้วหรือ ”
ลู่หยาเอ่ยอย่างรู้สึกผิดว่า“ตื่นแล้ว พระชายาบอกว่าอยากเจอคุณหนูรองกับแม่นางเสี่ยวหลันคนนั้น ”
แม่นมสี่ถลึงตาใส่นาง “พูดมาก”
ลู่หยาก้มหน้าลง “บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”
แม่นมสี่พูดว่า “ในเมื่อพระชายาอยากพบ ก็ไปเรียกเข้ามาเถอะ”
ลู่หยารับคำแล้วจากไป
แม่นมสี่ยกน้ำบ๊วยเปรี้ยวเข้ามา หยวนชิงหลิงคอแห้งพอดี อึดใจเดียวดื่มหมดไปครึ่งถ้วย รสชาติเปรี้ยวทำให้กระเพาะนางรู้สึกดีขึ้นชั่วคราว
“ทำไมข้าจึงชอบกินของเปรี้ยวนักนะ”หยวนชิงหลิงเอ่ยยิ้มๆ
แม่นมสี่ก็ยิ้ม “เปรี้ยวชายเผ็ดหญิง ท้องนี้ ต้องเป็นซื่อจื่อแน่”
หยวนชิงหลิงยิ้ม “เป็นซื่อจื่อก็ดี เป็นจวิ้นจู่ก็ดี ล้วนไม่สำคัญ แค่ปลอดภัยก็ดีแล้ว”
“ใช่แล้ว แค่ปลอดภัยก็ดีแล้ว”แม่นมสี่พูด
ผ่านไปชั่วครู่ ก็เห็นหยวนชิงผิงพาสาวน้อยน่ารักใบหน้ากลมเข้ามา
นางเดินตามหยวนชิงผิงเข้ามาอย่างขลาดกลัว ใช้สายตามองดูสักครู่ แล้วก็หลุบต่ำลงอย่างรวดเร็ว เหมือนกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง
“คำนับพระชายา ”เสี่ยวหลันเดินเข้าไปคำนับอย่างขลาดกลัว
หยวนชิงหลิงยิ้มบางๆ “เสี่ยวหลัน ไยจึงทำราวกับเป็นคนไม่รู้จักกัน รีบนั่งเถอะ”
สำหรับหญิงสาวคนนี้ นางยังคงมีความทรงจำกับความรู้สึกอยู่ เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร่างคนเก่าก็ชอบหญิงสาวคนนี้มาก
เสี่ยวหลันเห็นสีหน้าอบอุ่นของหยวนชิงหลิง ก็ยิ้มขึ้นมาทันที เผยให้เห็นเขี้ยวสองซี่ของนาง น่ารักเป็นพิเศษ
“พี่หลิง”เสี่ยวหลันร้องขึ้นหนึ่งเสียง
หยวนชิงหลิงรู้สึกชอบหญิงสาวคนนี้ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ไม่ใช่ความรู้สึกคุ้นเคยเหมือนเจ้าของร่างคนเก่า แต่เป็นเพราะว่าหญิงสาวคนนี้สามารถมองเห็นถึงก้นบึ้งของหัวใจ เป็นความเรียบง่ายที่แท้จริง
เพียงแต่ว่า เห็นนางเรียบง่ายเช่นนี้ แต่ต้องแต่งงานกับตาเฒ่าแก่หงำเหงือก หยวนชิงหลิงก็รู้สึกไม่สบายใจ พูดคุยกับเสี่ยวหลันสองสามคำ ก็ให้หยวนชิงผิงพานางออกไป
แต่ว่า เสี่ยวหลันเพิ่งออกไป ก็หันกลับมาถามหยวนชิงหลิงว่า “พี่หลิง ข้าสามารถอยู่ในจวนอ๋องสักวันได้หรือไม่ แค่วันเดียว ข้าจะไม่เพ่นพ่าน แค่อยู่เป็นเพื่อนพี่ผิง”
หยวนชิงผิงพูดว่า “ไม่ดีหรอก พี่เขยข้าไม่ให้คนนอกเข้ามา หลังจากข้ากลับไปแล้ว เจ้าไปอยู่กับข้าที่จวนเจ้าพระยานะ”
เสี่ยวหลันออเสียงหนึ่ง แต่มองออกว่ามีความผิดหวังอยู่บ้าง
หยวนชิงหลิงเห็นดังนั้น ก็พูดว่า “เช่นนั้นก็ให้นางพักหนึ่งวันเถอะ อยู่คุยเป็นเพื่อนเจ้าก็ดี”
เสี่ยวหลันดีใจขึ้นมาทันที “ขอบคุณพี่หลิง”
หยวนชิงหลิงสั่งให้ลู่หยาไปจัดการที่อยู่ให้นาง แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมการอะไรมาก ให้อยู่กับหยวนชิงผิงก็ได้แล้ว
ลู่หยากลับมาแล้วพูดกับแม่นมสี่ว่า “คุณหนูเสี่ยวหลันคนนี้ให้สาวใช้เตรียมเสื้อผ้ามาด้วย นางรู้ได้อย่างไรว่าจะได้พักที่นี่ ”
แม่นมสี่พูดว่า “น่าจะเป็นคุณหนูรองที่อนุญาตนางไว้แล้ว ก็แค่วันเดียวคงไม่มีปัญหาอะไร แค่อย่าให้นางมาเจอพระชายาก็พอ”
แค่สาวน้อยเรียบง่ายคนหนึ่ง ตระกูลไม่ได้ซับซ้อนอะไร น่าจะไม่เป็นปัญหา
หยู่เหวินเห้ากลับมาตอนกลางคืน หยวนชิงหลิงบอกกับเขาว่าให้สาวน้อยที่เคยรู้จักกันอาศัยอยู่ในจวนหนึ่งวัน
หยู่เหวินเห้าพูดว่า “เจ้าชอบก็ให้อยู่ ไม่เป็นไร แต่อย่าให้นางรบกวนการพักผ่อนของเจ้า”
“ไม่หรอก นางมาเล่นกับหยวนชิงผิง ใช่แล้ว พ่อนางทำงานอยู่ที่กรมการพระนคร นางจะแต่งกับบัณฑิตอู๋เร็วๆนี้แล้ว ”หยวนชิงหลิงพูด
หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “บัณฑิตอู๋ อายุเกือบจะแปดสิบแล้วกระมัง”
“ได้ยินว่าหกสิบสอง ”หยวนชิงหลิงสีหน้าขาวซีด “นี่แก่จนจะอายุแปดสิบแล้วหรือ”
“ใครจะไปรู้ว่าแท้จริงเขาอายุเท่าไหร่ ดูอย่างไรก็เป็นตาเฒ่าคนหนึ่ง อายุขนาดนี้แล้วยังแต่งกับสาวน้อย นั่นไม่เท่ากับสู่ขอคนอื่นให้ไปเป็นหม้ายหรอกหรือ หยู่เหวินเห้าพูดจบ มองไปที่ริมฝีปากกับหน้าอกนางแวบหนึ่ง ตอนนี้เขาเข้าใจรสชาตินั้นดีมาก หยวนชิงหลิงด่าเขายิ้มๆ “นี่สายตาอะไรของท่าน
“แค่มองก็ไม่ได้เชียวหรือ ”หยู่เหวินเห้าไม่พอใจ ไม่สามารถแตะต้องได้ยังไม่ให้ดูอีก
หยวนชิงหลิงที่แตะต้องไม่ได้ได้แต่ดุ มองแล้วก็ยัง มองใบหน้าซูบผอมที่น่าสงสารของนาง ยังคงน่ารักทำให้รู้สึกปวดใจ
เขาลูบใบหน้านางด้วยความหดหู่ “เจ้าต้องกินให้มากหน่อย ผอมขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ถ้ามีพายุมาคงพัดหอบเอาเจ้าไปแล้ว”
“กำลังพูดถึงเรื่องตาเฒ่าคนนั้นแท้ๆ ทำไมจึงโยงถึงเรื่องข้ากินมากกินน้อยมาได้ พูดถึงเรื่องกินข้าก็เศร้าใจ ข้าอยากกิน แต่ก็กินไม่ลง”สัตว์ประหลาดตัวน้อยๆในใจนางจะถูกปล่อยออกมาอีกแล้ว
“ข้าจะเข้าวังอีกครั้งเพื่อขอน้ำแกงกับเสด็จปู่ ที่เจ้าเคยดื่มคราวก่อน จะได้รู้สึกสบายขึ้นอีกหลายวัน ”