หยวนชิงหลิงซบอยู่กับไหล่ของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง “อย่าไปเลย อยู่เป็นเพื่อนข้าที่นี่เถอะ”

“นี่อ้อนข้าหรือ”หยู่เหวินเห้าลูบผมนาง หอมที่หน้านางอย่างเอ็นดูหนึ่งที

หยวนชิงหลิงหลับตาลง ความคิดที่จะไม่เอาลูกผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง“ข้าคิดมาตลอดว่า พวกเราจะได้อยู่ในโลกของสองคนกี่ปีกัน คิดไม่ถึงว่าจะมีเพิ่มขึ้นมาอีกคนเร็วขนาดนี้ ”

“โลกของสองคน อะไรคือโลกของสองคน ”หยู่เหวินเห้ามองนางอย่างสงสัย

“ก็คือมีเพียงข้ากับท่าน ”

“จวนอ๋องไม่ได้มีแค่ข้ากับเจ้านี่นา ยังมีคนอีกมากมาย ”

หยวนชิงหลิงยกหัวขึ้นสักพัก มองใบหน้าที่ใกล้เคียงคำว่าซื่อบื้อ แล้วค่อยๆหลับตาลง ช่างเถอะ ไม่อยากอธิบายแล้ว

ข้าวเย็นก็กินไม่ลง แต่ว่า โชคดีที่ประมาณยามไห้ ฉางกงกงมาส่งน้ำแกงด้วยตนเอง รสชาติเหมือนครั้งที่แล้วไม่มีผิด หลังจากหยวนชิงหลิงดื่มไปแล้ว ค่อยรู้สึกสบายขึ้นมา

หยู่เหวินเห้าก็อดไม่ได้ที่ถามอีก “นี่มันคืออะไรกันแน่ จะให้สูตรกับข้าไม่ได้เชียวหรือ ”

ฉางกงกงพูดว่า “ไม่สามารถให้ได้พ่ะย่ะค่ะ ของที่เห็นผลเร็วทันตา ย่อมต้องมีผลเสียแน่นอน ไท่ซ่างหวงก็แค่ไม่อาจทนดูพระชายาทรมานขนาดนี้ แต่ถ้าหากสามารถอดทนต่อไปได้ ก็ไม่จำเป็นต้องน้ำแกงนี้อีก”

หยวนชิงหลิงถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “นี่ไม่ใช่น้ำมะพร้าวผสมรังนกหรอกหรือ ยังมีผลเสียอะไรอีก”

รังนกไม่ได้มีประโยชน์อะไรนางรู้ดี แต่คงไม่ถึงกับมีโทษต่อร่างกายคน

“พระชายาได้แค่รสชาติสองอย่างเท่านั้นหรือ”ฉางกงกงถามยิ้มๆ

หยวนชิงหลิงถาม “ยังมีรสชาติของสมุนไพร เหมือนจะเป็นชะเอมแล้วก็ไฉหู”

หยู่เหวินเห้าขมวดคิ้ว “ชะเอมกับไฉหูจะมารวมกับรังนกน้ำมะพร้าวได้หรือ จะดื่มยากขนาดไหนกัน ”

“ดื่มไม่ยาก แน่นอนว่ารสชาติอร่อยมาก แต่ว่า ดื่มเข้าไปแล้วไม่คลื่นไส้ก็พอแล้ว”หยวนชิงหลิงพูด

ฉางกงกงพูดยิ้มๆว่า “รอให้พระชายาไม่คลื่นไส้แพ้ท้องแล้ว ข้าน้อยจะบอกพระชายาเอง”

พูดจบ ฉางกงกงก็ขอตัวกลับ

หยวนชิงหลิงขมวดคิ้ว “ต้องใส่อะไรที่น่าขยะแขยงลงไปแน่ ไม่เช่นนั้นทำไมจึงไม่บอกข้า”

“บางทีอาจจะใส่ของมีค่าลงไปก็ได้ เกรงว่าเจ้าจะรู้สึกเป็นภาระในใจ จึงไม่ได้บอกกับเจ้า”หยู่เหวินเห้าพูดปลอบ

หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆว่า “เขาเคยมอบไข่มุกให้ข้าตั้งหลายเม็ด นั่นก็มีค่ามาก ยังมีไม้ปราบ”

นางล้วงเข้าไปในแขนเสื้อสักครู่ หยู่เหวินเห้ารีบห้ามทันที “พอแล้ว ไม่ต้องล้วงแล้ว ข้าเห็นไม้ปราบนั้นแล้วก็รู้สึกปวดหัว”

“ไม่ได้ตีท่านสักหน่อย ท่านจะปวดอะไร ”หยวนชิงหลิงพูดยิ้มๆ

หยู่เหวินเห้าช่วยนางถอดเสื้อนอกออก “นอนเถอะ”

หยวนชิงหลิงล้มตัวนอนลงไป เขาเองก็นอนลง ยื่นมือออกไปด้วยความเคยชิน นางเองก็ยกศีรษะขึ้นเพราะความเคยชิน ให้แขนของเขาหนุนศีรษะของตนเอาไว้ ตะแคงร่าง ทั้งร่างก็นอนอยู่ในอ้อมอกเขา

กิริยานี้ คุ้นชินจนเป็นเรื่องปกติ จนจะติดเป็นนิสัยแล้ว

ขอแค่เขายื่นมือออกมา นางก็จะยกหัวขึ้นเพื่อให้แขนสอดผ่านเข้าไป ท่าทางนั้นสำเร็จกระบวนการในอึดใจเดียว ชำนาญเป็นอย่างยิ่ง

ก่อนหน้านี้ทั้งสองคนต่างก็ไม่สังเกต แต่คืนนี้ทั้งสองคนค้นพบจุดนี้พร้อมกัน จ้องตากันแล้วยิ้ม

ที่แท้เป็นสามีภรรยากันนานแล้ว หลายๆเรื่องย่อมเกิดผลลัพธ์ของมันเองอย่างเป็นธรรมชาติ จนกลายเป็นความเคยชิน

เคยชินรวมไปถึงเวลาที่เขากอดนางเอาไว้ ต้องหอมที่ใบหน้าและลำคอของนางอย่างควบคุมตนเองไม่ได้ตลอด มือก็จะขยับอย่างอยู่ไม่สุข

คืนนี้ทั้งสองสดชื่นไม่น้อยเลย หยู่เหวินเห้าเห็นหยวนชิงหลิงสดชื่นดี เขาเองก็สดชื่นตามไปด้วย

หยวนชิงหลิงเอามือของเขามาวางไว้ที่หน้าอกตนเอง หยู่เหวินเห้ารีบดึงมือกลับไปทันที “อย่าแกล้งกัน นี่ก็ดึกแล้ว ข้าไม่อยากไปอาบน้ำเย็น”

หยอกจนร้อนผ่าว ยังแตะต้องไม่ได้ คงต้องทรมานทั้งคืน อย่าคิดว่าจะได้นอนเลย

หยวนชิงหลิงพลิกตัวทับร่างเขา นางพูดแผ่วเบาอยู่ข้างริมฝีปากเขา“น่าจะไม่ต้องกลัวแล้ว ท่านเบาหน่อยก็พอ ”

หยู่เหวินเห้ามองนาง “เอาจริงหรือ”

“เอาจริงสิ”หยวนชิงหลิงสายตาพร่ามัว

หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นนั่ง ค่อยๆประคองนางนอนลง และพูดอย่างจริงจังว่า “คืนนี้เจ้าอย่าแตะต้องข้าแม้แต่น้อย แม้แต่แขนเสื้อก็แตะไม่ได้ เขยิบเข้าไปข้างไหนหน่อย เขยิบอีก”

หยวนชิงหลิงค้อนให้เขา “ยังจะแกล้งทำเป็นหลิวเซี่ยฮุ่ยอีก”

“คำพูดของหมอหลวง ต้องจำให้ขึ้นใจ”หยู่เหวินเห้านอนลง ค่อยๆปรับการหายใจ ค่อยๆกล่อมด้วยความคิดว่า คนข้างกายนี้ เป็นปีศาจ เป็นสัตว์ประหลาด แตะต้องไม่ได้ อย่าไปสนใจ “อมิตาพุทธ”

เดิมทีหยวนชิงหลิงคิดว่าแค่จะล้อเขาเล่น เห็นเขาเป็นถึงขนาดนี้ ยังยึดมั่นอย่างจริงจัง หมุนตัวไป ประกบปากลงไป

“อมิตาพุทธ”ฟังไม่เป็นภาษา ออกจากริมฝีปากที่เหลือของเขา แววตาเปลี่ยนเป็นสีเข้มทันที มือค่อยๆกอดแผ่นหลังนางเอาไว้

หลังจากผ่านไปชั่วเวลาจิบชาหนึ่งถ้วย หยวนชิงหลิงก็ยิ้มนอนลงบนเตียง เอ่ยจริงจังว่า “อย่าแตะต้องข้า ระหว่างพวกเรามีเส้นแบ่งเขตแดนอยู่ อมิตาพุทธ”

หยู่เหวินเห้าลุกขึ้นมาพร้อมก่นด่า เก็บเสื้อผ้าสองชิ้น สวมรองเท้าแล้วก็เดินกระทืบเท้าออกไป

“ ท่านอ๋องจะไปอาบน้ำเย็นอีกแล้วหรือ”สวีอีเฝ้ายามอยู่ด้านนอก ส่วนมากจะไปพักตอนยามจื่อ ฉะนั้นจึงเห็นภาพนี้จนชินตา

“ยุ่ง”หยู่เหวินเห้าเดินไปโดยไม่หันมามองด้วยซ้ำ

สวีอียักไหล่ “ก็บอกท่านแล้วให้หาอีกสองคนมาดูแล ท่านก็ไม่เอา จะโทษใครได้เล่า ”

ไม่ต้องพูดว่าในใจของหยู่เหวินเห้านั้นร้อนรุ่มแค่ไหน

ข้างสระผีมีสระน้ำเย็นหนึ่งแห่ง หลังจากหยวนชิงหลิงตั้งครรภ์ เขาก็มาที่นี่บ่อยมาก ทังหยางจึงให้คนเอาตะเกียงวางเอาไว้

แสงไฟริบหรี่ เขายืนถอดเสื้ออยู่ที่ฉากกั้น กำลังจะถอดเสื้อนอนชั้นในออก ก็เห็นแสงไฟวูบวาบเคลื่อนไหว มีคนเข้ามาอย่างรวดเร็ว ถอดเสื้อให้เขาจากด้านหลัง สองมือยื่นเข้ามากอดจากด้านหลัง ร่างกายแนบชิดเข้ามา

หยู่เหวินเห้ายิ้ม “เจ้าไม่นอนจะตามออกมาทำไม รีบกลับไปนอนเถอะ”

ริมฝีปากประทับลงที่ไหล่ของเขา พร้อมกับเสียงหายใจแรง

หยู่เหวินเห้านิ่งอึ้ง คลายมือที่กอดเขาจากด้านหลัง รีบหันร่างกลับไป ราวกับมองเห็นบางสิ่ง เป็นหญิงสาวหน้ากลมคนหนึ่ง สีหน้านางแดงก่ำ แววตาพร่ามัว กำลังมองอย่างเขินอายและหวาดกลัว

หยู่เหวินเห้ารีบผลักนางออกทันที ถามเสียงดุว่า “เจ้าเป็นใคร ใครใช้ให้เจ้าเข้ามา”

สาวน้อยล้มลงไปที่พื้น จากนั้นก็รีบคุกเข่า ขนตาสั่นเทา มองอย่างไรก็น่าสงสาร

“ข้าชื่อเสี่ยวหลัน ข้ามารับใช้ท่านอ๋อง”

หยู่เหวินเห้าเอ่ยอย่างโมโห “ใครใช้ให้เจ้ามารับใช้ข้า”

เขาตะโกนขึ้นว่า “ฉี่หลอ ฉี่หลอ”

ดึกมากแล้ว ด้านนอกไม่มีคน

เขาใช้มือหนึ่งจับมือเสี่ยวหลัน ลากนางออกไป เพิ่งจะออกจากลานบ้าน ก็เห็นหยวนชิงผิงเดินออกมา นางเห็นหยู่เหวินเห้าเปลือยท่อนบน ลากเสี่ยวหลันออกมา ตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี“ท่านอ๋องท่าน ”

นางรีบเข้าไปปกป้องเสี่ยวหลันไว้ข้างกาย มองหยู่เหวินเห้าราวกับศัตรู ริมฝีปากสั่นเทา “ท่านทำอย่างนี้ได้อย่างไร”

หยู่เหวินเห้าจ้องนาง หรี่ตาลง “เจ้าเป็นคนแนะนำให้ทำหรือ”

หยวนชิงผิงถามเสี่ยวหลัน“เจ้าเป็นอะไรหรือไม่ ไม่เป็นไรใช่หรือไม่ อย่ากลัว ข้าอยู่นี่ ”

เสี่ยวหลันส่ายหน้าอย่างขลาดกลัว น้ำตาไหลพรากออกมา ยิ่งเพิ่มความน่าสงสารและเศร้าใจ

หยู่เหวินเห้าโมโหมาก คว้าตัวเสี่ยวหลัน “ใครใช้ให้เจ้ามาทำอย่างนี้”

สวีอีกับลู่หยาและฉี่หลอก็รีบวิ่งเข้ามา เห็นฉากนี้เข้า ต่างก็ตกใจ

ท่านอ๋องทำไมจึงไปรังแกสาวน้อยคนนี้

หยวนชิงผิงก็โมโหขึ้นมา “ท่านอย่าคิดว่าท่านเป็นท่านอ๋อง แล้วจะรังแกหญิงชาวบ้านได้ ท่านปล่อยนางซะ”