บทที่ 269 นางแพ้แล้วรึ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 269 นางแพ้แล้วรึ?

เดาว่าเป็นไปได้ทั้งคู่นั่นแหล่ะ!

จากนั้นหลานเยาเยา ก็หยิบลูกธนูอันแหลมคมของการแข่งขันทั้งสามดอกที่ยิงมาเมื่อครู่ขึ้นมาหน้าตาเฉย

มันคือลูกธนูอันแหลมคมที่ใช้ในการแข่งขัน

แต่แค่ชื่อบนลูกธนูถูกลบออกไปโดยเจตนาเพียงเท่านั้น

นางอดไม่ได้ที่จะฮึดฮัดออกมา

ลูกธนูอันแหลมคมทั้งสามดอกนี้มันก็ชี้ชัดอยู่แล้ว ว่าคนที่ลอบสังหารนาง หากไม่ใช่คนที่เข้าร่วมการแข่งขัน ก็คงมีคนจงใจใช้ลูกธนูอันแหลมคมที่ใช้ในการแข่งขันมาเป็นการโบ้ยความผิด

ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน

มันก็สะกิดต่อมโทสะของนางแล้ว!

คนเช่นนี้ นางไม่ปล่อยมันไว้แน่

ต่อมา หลานเยาเยาก็ออกล่าสัตว์อีกครั้งอย่างสงบเยือกเย็น ส่วนเย่หลีเฉินก็ถอนตัวออกจากการแข่งขัน ไปตรวจสอบเรื่องลูกธนูลอบสังหาร

เย่แจ๋หยิ่งผู้อยู่บนต้นไม้ที่ไกลออกไป ก็เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างทะลุปรุโปร่ง

หากเป็นสถานการณ์ทั่วๆไป เขาก็จะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้

แต่!

เมื่อเห็นเย่หลีเฉินช่วยชีวิตนาง ด้วยการเหวี่ยงนางลงจากหลังม้า และตอนที่ทุ่มตัวใช้ร่างกายของตนรองรับเอาไว้ ก้นบึ้งของหัวใจก็โกรธขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล

จากนั้นเขาก็ถือลูกธนูอันแหลมคมทั้งสามดอกขึ้นมา มองบนชื่อสามพยางค์ที่สะดุดตาแปลกๆบนลูกธนู มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่ใช้กำลังภายในสัมผัสชื่อของเขา

ดวงตาก็สว่างวาบ ปัดลูกธนูอันแหลมคมทั้งสามดอกปักไปที่ต้นไม้

พูดออกมาว่า: “จงกระจายลูกธนูทั้งสามนี้ไปทุกหนทุกแห่งในเขตล่าสัตว์”

“ขอรับ!”

เย่แจ๋หยิ่งหึอย่างเยือกเย็น แล้วก็ถอยจากไป

เมื่อเขาไปแล้ว ก็มีเงาดำออกมาจากที่มืด จากนั้นก็เหาะขึ้นไปบนยอดไม้ โดยถือลูกธนูอันแหลมคมสามดอกนั้นไปด้วย

ในเวลาต่อมา

หลานเยาเยาที่เอาแต่มุ่งมั่นล่าสัตว์อย่างขันแข็ง เหยื่อที่ยิงได้ก็ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ

ส่วนคนที่ได้เห็นการไล่ล่าของนาง ก็รู้ตัวเลยว่าไต่อันดับไม่ติดแน่ๆ เช่นนั้นจึงหยุดมองดูการล่าของนาง

เฝ้ามองนางควบม้าพันธุ์ดี ผ่านไปผ่านมาในป่าทึบ ด้วยท่าทางที่กล้าหาญชาญชัยเช่นนั้น ทำเอาพวกเขาไม่อยากแม้แต่จะกระพริบตา ในปากก็พึมพัมตื่นใจกันไม่หยุดหย่อน

ส่วนทางเย่แจ๋หยิ่งนี้ ดูจะเกียจคร้านเสียเหลือเกิน

ก็บังเอิญพบกับเซียวจิ่นหยูที่กำลังประหลาดใจเป็นอย่างมาก

“ตามการกราบทูลของเหล่าองครักษ์ เพลานี้เทพธิดาได้นำหน้าไปไกลแล้ว ท่านไม่ได้ตั้งใจที่จะชนะแล้วรึ?”

นี่มันทำให้เขาสงสัยเป็นอย่างมาก

ด้วยสิ่งที่เขาเข้าใจในตัวเย่แจ๋หยิ่ง เขาไม่ใช่คนที่จะจงใจพ่ายแพ้

หรือว่าเย่แจ๋หยิ่งจะมีความตั้งใจอื่น?

เมื่อได้ยินเช่นนั้น!

เย่แจ๋หย่งจึงโน้มตัวไปหยิบลูกธนูอันแหลมคมขึ้นมา มีกระต่ายตัวหนึ่งติดอยู่บนลูกธนูอันแหลมคม

แต่สายตานั้นสงบนิ่ง มองดูกระต่ายที่แน่นิ่งไปตั้งนานแล้ว ด้วยรอยยิ้มที่มุมปากอย่างมีเลศนัย

“ยังไม่ถึงเวลา!”

ยังไม่ถึงเวลารึ?

เมื่อเซียวจิ่นหยูได้ยินคำที่ยากจะเข้าใจของเขา ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยยิ่งกว่าเดิม

แต่อีกไม่นานนักเขาก็จะเข้าใจความหมาย

กระทั่งเหลือเวลาเพียงครึ่งชั่วยามสุดท้าย องครักษ์ลับที่ถอยไปก็มา จากนั้นก็กระซิบอะไรไม่รู้อยู่ข้างหูของเขา

ทันทีที่เย่แจ๋หยิ่งดับความเกียจคร้านไป สายตาก็เปลี่ยนไปเป็นล้ำลึก

“นี่มันเร็วกว่าที่ข้าคิดไว้มาก”จากนั้นก็เหาะไปบนหลังม้า ปากบางเผยอขึ้น: “การแข่งขันที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว!”

พูดจบ เขาก็ควบม้าออกไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้นเขาก็ไม่พักเลย ซองลูกธนูอันแหลมคมฉบับจีนโบราณ ว่างแล้วก็เต็ม เต็มแล้วก็ว่าง เหยื่อที่เขายิงได้ก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

โดยปกติการจัดการแข่งขันล่าสัตว์ ผู้จัดจะแบ่งตามจำนวนผู้เข้าร่วม บนลูกธนูอันแหลมคมทุกดอกจะสลักชื่อของผู้เข้าแข่งขันไว้

นอกจากนี้ยังมีการจำกัดจำนวนของลูกธนูที่สลักชื่อให้

ซึ่งโดยปกติ!

จำนวนของลูกธนูอันแหลมคมที่เตรียมไว้จะเพียงพอต่อการใช้งาน ไม่เคยใช้ลูกธนูที่สำรองไว้จนหมดเลยสักครั้ง

ส่วนตอนนี้ที่ใกล้จะหมดเวลาแล้ว ลูกธนูอันแหลมคมของหลานเยาเยากับเย่แจ๋หยิ่งก็ใกล้จะหมดเช่นกัน

เหลือเวลาอีกสิบห้านาที พวกเขาทั้งสองก็ได้พบกันอีกแล้ว

เมื่อหลานเยาเยาได้เห็นซองลูกธนูของเย่แจ๋หยิ่ง ที่เหลือแค่สามดอกสุดท้าย

นางก็อดไม่ได้ที่จะหันมองซองธนูข้างหลังตน ก็เห็นว่ายังมีอยู่อีกสิบดอก ก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง

“อ๋องเย่ ยิงแม่นดีนี่”

ปากนางพูดคำชม แต่ในน้ำเสียงกลับไม่มีความชื่นชมเลยแม้แต่น้อย

“ทั้งคู่นั่นแหล่ะ ทั้งคู่!”

น้ำเสียงของเย่แจ๋หยิ่งก็ไม่ได้ใยดีเช่นกัน เมื่อเห็นลูกธนูข้างหลังนาง ก็แสยะยิ้มที่มุมปาก ซึ่งนั่นมันดูเหยียดหยามมากถึงมากที่สุด

“เหลือเวลาไม่มากแล้ว เทพธิดา แพ้แล้วล่ะ”

เมื่อคำนั้นพูดออกมา หลานเยาเยาก็บันดาลโทสะดึงลูกธนูอันแหลมคมสองดอกขึ้นมา ตรึงคันธนู และเล็งไปที่เขา

“ไม่เห็นว่าเป็นเช่นนั้น”

นางพูดออกมาทีละคำ ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเยือกเย็น

“หึหึ เพื่อที่จะชนะการแข่งขัน เทพธิดาถึงขั้นจะฆ่าจะแกงคู่ต่อสู้ที่แกร่งที่สุดเชียวรึ?”

น้ำเสียงของเย่แจ๋หยิ่ง

เหมือนเมินเฉยกับลูกธนูอันแหลมคมทั้งสองดอกที่จ่อหน้าเขาอยู่

“ทำไมจะไม่ล่ะ?”

พูดจบ หลานเยาเยาก็แสยะยิ้มที่มุมปากอย่างร้ายกาจ จากนั้นสายตาก็หม่นลง มือที่ตรึงลูกธนูก็คลายออก

“ฟิ้ว……”

“ฟิ้ว……”

ลูกธนูอันแหลมคมที่ฟุ้งไปด้วยความเยือกเย็น ดั่งม้าป่าที่บ้าคลั่งพุ่งทะลุอากาศไป

ความแหลมคมที่พุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็วสะท้อนอยู่ในแววตาของเย่แจ๋หยิ่ง แต่เขาก็แค่ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ไม่ไหวติง แต่แล้วท่าทีที่ไม่สามารถอธิบายได้ก็สบเข้ากับสายตาของนาง

ในช่วงพริบตาเดียว

ลูกธนูอันแหลมคมลอยแยกผ่านไปข้างลำคอทั้งสองข้างของเขา ยิงไปยังเหยื่อสองตัวที่อยู่ห่างออกไป

เหยื่อทั้งสองตัวตกลงบนพื้นในทันใด

“ก็ไม่แน่หรอกว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ! อ๋องเย่ อย่าได้พูดเต็มปากเต็มคำขนาดนั้น”

หลานเยาเยายกมุมปากอีกครั้ง ในที่สุดก็กระชับบังเหียน ให้สวนหยู่พุ่งไปหาเหยื่อ

แต่ว่า……

เมื่อสายตาของนางกวาดมายังเล่หกใต้ร่างของเย่แจ๋หยิ่ง จึงเปลี่ยนใจกะทันหัน ให้สวนหยู่แยกห่างไปไกลกว่าสิบเมตรในทันที

นางอยากจะให้สวนหยู่เดินอ้อมไป แล้วก็ไม่อยากเห็นสวนหยู่ที่จะไม่ขยับเมื่อได้ใกล้กับ เล่หก

ครานี้!

เมื่อหลานเยาเยาเก็บเหยื่อทั้งสองตัวแล้ว ก็ไม่ได้รีบไปแต่อย่างใด

แต่วางแผนที่จะไปล่าสัตว์กับเย่แจ๋หยิ่งแทน

ก็ไม่ได้มีเหตุอื่นใด แค่อยากจะดูสักหน่อย ว่าก่อนที่เวลาจะหมด เย่แจ๋หยิ่งจะใช้ลูกธนูอันแหลมคมหมดเมื่อใด?

แต่สิ่งที่นางกังวลก็คือ……

นางจะใช้ลูกธนูอันแหลมคมหมดไหมนี่สิ

แต่จากนั้น เมื่อพวกเขาเห็นเหยื่อในเวลาเดียวกัน เย่แจ๋หยิ่งก็ชิ่งยิงลูกธนูอันแหลมคมออกมาก่อนนาง ทำเอานางแอบกัดฟันกรอกอยู่นาน

ไม่นานนัก!

ลูกธนูอันแหลมคมสามดอกสุดท้ายของเย่แจ๋หยิ่งก็ยิงไปหมดแล้ว ส่วนซองลูกธนูด้านหลังนางยังคงเหลือลูกธนูอันแหลมคมอีกสามดอก

ในเพลานี้ หลานเยาเยาที่เห็นเหยื่อกำลังวิ่งหนี

นางไม่บอกไม่กล่าว ทันทีที่ตรึงลูกธนูอันแหลมคม ก็ยิงไปยังเหยื่อสองตัวนั้นที่กำลังวิ่งหนี

ขณะที่ลูกธนูอันแหลมคมกำลังจะเผด็จศึก เสียงระฆังก็ดังสนั่นในทันใด

เสียงระฆังนี้เป็นเสียงของการจบการแข่งขัน

อย่างไรก็ตามลูกธนูอันแหลมคมก็ถูกยิงออกไปก่อนที่เสียงระฆังจะดังขึ้น

ถึงแม้ลูกธนูดอกหนึ่งนี้จะยิงโดนเหยื่อ แต่ก็ไม่สามารถนับเป็นคะแนนได้

ดังนั้น นางจึงเหลือลูกธนูอยู่สามดอกสุดท้าย

นางแพ้แล้ว………

แต่สิ่งที่นางคิดไม่ถึงคือ ลูกธนูอันแหลมคมที่ยิงออกไปก็คือยิงออกไปแล้ว เย่แจ๋หยิ่งใช้อำนาจที่ไร้คุณธรรมขึ้นไปคว้าลูกธนูอันแหลมคมของนางกลางอากาศ

“อ๋องเย่ ที่เจ้าทำนี่หมายความว่าไง?” นางขมวดคิ้วเล็กน้อย

“หาได้มีสิ่งใดไม่ ข้าก็แค่รู้สิ่งว่าไอ้ลูกธนูอันแหลมคมนี่มันรกหูรกตา”

เย่แจ๋หยิ่งเหาะลงมา

จากนั้นก็สะบัดมือ เหวี่ยงลูกดอกอันแหลมคมที่เขาสกัดไว้กลับเข้าซองลูกธนูที่ด้านหลังของหลานเยาเยา

“เจ้า……”

ในตอนนี้หลานเยาเยากำหมัดแน่น

ก่อนที่นางจะพูดสิ่งใดออกมา เย่แจ๋หยิ่งก็พูดประโยคที่นางต้องเบิกตากว้าง

“ขนาดท่านโมโหก็ยังน่ารักอยู่เลยนะเนี้ย”