บทที่ 272 : มีอีกเรื่องนึงค่ะ
หลินเจี๋ยค่อนข้างแปลกในที่ได้เห็น ‘มือ’ ข้างนั้นยื่นออกมาจากในเงามืดของกระเป๋า
เขาไม่ได้เจอกับเจ้าดำมาหลายเดือนแล้ว…
เจ้าดำมักจะชอบหายตัวไป หลินเจี๋ยชินกับมันแล้ว และเพราะเช่นนั้นจึงตีความไปว่าเจ้าดำน่าจะกลับเข้าสู่สภาวะซ่อนตัวหลังจากช่วยเหลือเขาเมื่อครั้งก่อน
แต่ชายหนุ่มก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าดำจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
และจากที่เห็นแล้ว มันก็เป็นเพราะ…
หลินเจี๋ยทอดสายตาลงมองแอปเปิลทองคำที่วางบนโต๊ะ แล้วมุมปากของเขาก็กระตุก เจ้าดำกลับมาเพราะจะกินแอปเปิลเหรอ?
แต่นี่มันแอปเปิลทองคำนะ! แบบนี้ก็กินได้เหรอ?!
แม้ว่าตัวแอปเปิลเองจะผิดปกติ แต่คนที่อยากกินมันก็คงพูดได้ว่าไม่ปกติเช่นกัน
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว หลินเจี๋ยก็ยอมรับภาพตรงหน้าอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจนัก
แค่ว่าจากเรื่องนี้ เจตนาของเขาที่จะปฏิเสธของขวัญและส่งคืนจึงไม่สามารถดำเนินต่อได้
คงไม่มีใครที่ไหนให้ของแพงตั้งเยอะตั้งแยะขนาดนี้เพื่อขอบคุณสำหรับคำพูดเยียวยาจิตใจสองสามคำหรอก จุดประสงค์หลักของการให้ของเช่นนี้มาต้องเป็นการปูทางสู่อนาคตแน่ ๆ แล้วหลินเจี๋ยก็ทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้ด้วย
แล้วในตอนนี้ที่ชายหนุ่มต้องรับของขวัญนี้ไว้ก็เท่ากับเขาต้องทำตามคำขอของจี้จือซู่ไปโดยปริยาย และมอบอำนาจการเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือให้กับบริษัทพัฒนาทรัพยากรโรลล์
นอกจากนี้ หลินเจี๋ยยังต้องรับผิดชอบปัญหาที่อาจจะตามมาในอนาคตด้วย
ชักปวดหัวขึ้นมานิดหน่อยจริง ๆ แล้วแฮะ คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าดำนี่จะตะกละแบบนี้…
หลินเจี๋ยพลันจุดประกายความคิด งั้นเราก็รับไว้แค่แอปเปิลทองคำลูกนี้สิ!
ก็แค่พูดว่า ‘ผมยอมรับข้อเสนอของคุณ แต่แค่เป็นตัวแทนก็พอแล้ว ส่วนของอื่น ๆ ผมคืนให้คุณ’ ก็จบแล้ว
ส่วนเรื่องอื่น ๆ คุณหนูจี้ต้องเข้าใจแน่นอน
แต่แล้วเงาที่ผิดปกติก็พลันสั่นไหวแล้วขยายออกครอบทุกอย่างที่เหลือในกล่องไว้ ดูราวกับคนใกล้ตายที่กระโดดเกาะทุกอย่างที่อาจช่วยชีวิตตนเองได้
หลินเจี๋ยถึงกับนิ่งงัน
เขาทำพลาดแล้ว เจ้าหมอนี่ไม่ใช่ตัวตะกละเลย แต่ว่าเป็นผีโหยเงินมาตั้งแต่แรก!
โลภหนักกว่าเขาอีก!
แต่ว่าถึงอย่างไร เจ้าดำก็เป็น ‘เจ้าหนี้’ ของหลินเจี๋ยที่ยังไม่ได้จ่ายค่าย้ายโลกของเขาในอดีตอยู่ดี
ชายหนุ่มว่าแค่ตัวเองขายหนังสือที่เขียนได้ก็พอแล้ว แต่หนังสือที่หลินเจี๋ยเขียนนั้นเกี่ยวข้องกับเรื่องทางวิชาการทั้งนั้น การขายมันไม่ง่ายจริง ๆ จนตอนนี้เขาก็เพิ่งขายได้เพียงสองเล่มเท่านั้น (นับเฉพาะชื่อ)
ให้เฒ่าไวลด์ไปหนึ่ง แล้วก็ขายให้คุณหนูเอลฟ์โดริสไปหนึ่ง
ชายหนุ่มอาจจะขี้เกียจทำงานเกินไป แล้วตอนนี้เจ้าดำก็อยากได้ของในกล่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธใด ๆ
“โอเค ผมให้คุณหมดเลย”
หลินเจี๋ยปิดประเป๋าเดินทางอย่างหดหู่ใจ ก่อนที่เขาจะทันได้อิ่มเอิบใจที่ได้ส้มหล่นไม่รู้ตัว เขาก็พลันเสียมันไปแล้ว
ตามองไม่เห็น ใจก็คงสงบได้
ชายหนุ่มปรับอารมณ์แล้วเงยหน้าขึ้นมาเผยรอยยิ้มให้จี้จือซู่ “ได้ครับ แต่ผมไม่ค่อยถนัดเรื่องแบบนี้ ถ้ามีสัญญาหรือข้อตกลงอะไรก็คงต้องขอคำปรึกษาจากพวกคุณด้วยนะครับ แล้วก็อาจต้องคุยกับมูเอนผู้ช่วยของผมด้วย ตอนนี้เธออยู่ที่ร้านข้าง ๆ พอเธอเลิกงานก็คุยได้นะครับ”
ส่วนเรื่องเงิน ดูเหมือนจะฝากความหวังไว้ได้แค่ว่าจะใช้ความร่วมมือนี้ขายหนังสือให้มากขึ้นได้ในอนาคต
ต่อให้ขายหนังสือไปได้เยอะแยะ แต่ถ้าอยากจะให้มีมูลค่าเทียบเท่ากับของในกระเป๋านี่คงต้องใช้เวลาหลายปีแหง ๆ…หัวใจของหลินเจี๋ยก็เลือดไหลซิบ
เมื่อจี้จือซู่ได้ยินคำว่า ‘ได้ครับ’ สองคำนี้ เธอก็เกือบเด้งลุกขึ้นอย่างตื่นเต้นทันที
แต่ในขณะที่เธอพยายามทำเช่นนั้น เธอก็พบว่าขาทั้งสองของเธออ่อนยวบ หลังชุ่มด้วยเหงื่อเย็นไปแล้ว ร่างที่ทรงตัวไม่อยู่ของเธอจึงร่วงกลับลงไปนั่งที่ม้านั่งทันที
เมื่อหลินเจี๋ยครุ่นคิดอย่างหนักแล้วให้คำตอบที่พวกเธอร้อนรนรอคอยออกมา ก็ดูเหมือนเรี่ยวแรงทั้งหมดในชีวิตของเธอจะเหือดหายไปแล้ว
อันที่จริง นี่ก็ยังเป็นการเดิมพันโชคชะตาที่เกี่ยวพันกับชีวิตทั้งชีวิตของคนมากมายอย่างแท้จริง
โชคดีที่สุดท้ายแล้ว พวกเขาชนะเดิมพัน
“ฟู่…” จี้จือซู่ถอนหายใจพร้อมยิ้มโล่งอก หินก้อนใหญ่ที่คาอยู่ในใจของเธอร่วงลงพื้นอย่างแรง มือทั้งสองที่จับขอบเคาเตอร์อยู่ตกลงไปที่ข้างตัว ฝ่ามือทั้งสองชุ่มเหงื่อ
โชคดีที่เธอยังนั่งอยู่บนม้านั่ง ไม่อย่างนั้นเธอคงล้มลงไปกองแล้วแน่ ๆ
นั่นน่าขายหน้าเกินไป…
“ขอบคุณสำหรับความเชื่อใจนะคะ”
จี้จือซู่ค้นพบว่าเสียงของเธอดูจะแหบเล็กน้อย เธอจึงกระแอมเล็กน้อยเพื่อปรับเสียง แล้วพูดอย่างพยายามสุด ๆ ไม่ให้เสียงสั่น “เราจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อโปรโมตหนังสือของคุณนะคะ!”
หลินเจี๋ยพูดยิ้ม ๆ “บริษัทโรลล์เป็นบริษัทใหญ่ ผมย่อมเชื่อพวกคุณสุด ๆ อยู่แล้วครับ”
“หนังสือของผมค่อนข้างพิเศษ มันขายแบบปกติไม่ได้ หมายความว่าผมต้องเลือกหนังสือที่ทุกคนอ่านได้ให้มากที่สุดออกมาแล้วให้เครือบริษัทพวกคุณนำไปวางขาย แล้วผมจะให้ข้อมูลประกอบตามหมวดหมู่ด้วย ไม่อย่างนั้นอาจมีปัญหาบางอย่างตามมาได้…”
“ฉันเข้าใจดีค่ะ” จี้จือซู่พยักหน้า “หนังสือของคุณมีเกณฑ์สำหรับการอ่าน ถ้าจัดการไม่เหมาะไม่ควร ผลที่ตามมาอาจจะร้ายแรงพอตัวเลย คุณใจกว้างมาก ๆ เลยค่ะ”
หนังสือจากร้านหนังสือนี้ ไม่ใช่ว่าใครจะอ่านก็ได้ทุกคน
คนบางคนอ่านมันแล้ว อาจจะไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปก็มี
เจ้าของร้านหลินเป็นคนที่คิดอย่างพิถีพิถันมาก เขาต้องกลัวว่าถ้าขาดเขาคอยแนะนำ ก็อาจจะมีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่พลังไม่ถึงขั้นไปอ่านหนังสือที่ตนเองไม่ควรอ่าน แล้วเขาก็พูดออกมาแบบนี้เพื่อหยุดไม่ให้เกิดเรื่องเลวร้ายอะไรขึ้น…เทียบกันแล้วความตายก็เป็นเพียงเรื่องพื้น ๆ
ใจกว้าง?
มุมปากของหลินเจี๋ยกระตุก คุณหนูจี้มีปัญหาด้านการใช้ภาษานิดหน่อยหรือเปล่าหนอ? เธอน่าจะอยากบอกว่าเขามีน้ำใจล่ะมั้ง? โอเค เรื่องเล็กจิ๊บจ๊อย
แต่ถึงอย่างไร เขาก็ต้องเลือกหนังสืออย่างระมัดระวัง
ยกตัวอย่างเช่น หนังสือบางเล่มมีเนื้อหาที่ค่อนข้างพิเศษ หากนำมาปะปนกันแล้วขายให้คนอื่นไป กระบวนการทางประวัติศาสตร์ของนอร์ซินคงเปลี่ยนไปทันที แล้วโลกก็จะวุ่นวาย
อย่างเบาะ ๆ ก็อาจจะเป็นพิษต่อจิตใจของคนอื่นได้แล้วก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่โต นั่นก็แย่มาก
หลังจากนี้เราก็อาจจะยุ่งก็ได้…
หลินเจี๋ยล็อกกระเป๋า ยกมันไปวางบนพื้นแล้วพูดขึ้นว่า “มีเรื่องอื่นอีกไหมครับ? ถ้าไม่ ก็พักที่นี่สักครู่รอให้มูเอนมาเริ่มปรึกษากันเรื่องร่างสัญญานะครับ”
เขาเหลือบมองไปที่คนขับรถวัยกลางคนที่ด้านข้าง “คนขับรถของคุณดูไม่ค่อยดีนะครับ เขาน่าจะอยากพักมากจริง ๆ”
จี้จือซู่หันไปมองบิดาของเธอ
เพราะสัมผัสกับพลังเหนือธรรมชาติระดับสูงตรง ๆ เขาจึงสติหลุดไปเป็นเวลาสั้น ๆ แต่ตราบใดที่ไม่ได้รับผลกระทบมากไปกว่านี้จนล้มลงก็ยังนับได้ว่าเป็นเรื่องดี
การสัมผัสกับพลังเหนือธรรมชาติก็เป็นการยกระดับพลังเหนือธรรมชาติของตนเองด้วย
บางที จี้ป๋อหนงเองก็อาจจะกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเองด้วยก็ได้…ทุกอย่างขึ้นกับเจตจำนงของเจ้าของร้านหลินแล้ว
แต่ตอนนี้ เรื่องต่าง ๆ ก็วิกฤติขึ้นเรื่อย ๆ!
เมื่อจี้ป๋อหนงต้องรับแรงกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ จนจะไม่ไหว ดังนั้นเจ้าของร้านหลินผู้รอบรู้จึงพูดถึงเขาอีกครั้ง
จี้จือซู่หันกลับมาพูดอย่างหนักแน่น “มีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ”
“เอ๋? เรื่องอะไรเหรอครับ?” หลินเจี๋ยถาม
จี้จือซู่กัดริมฝีปากแล้วพูดขึ้นว่า “ฉันอยากเชิญคุณ…ไปงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของฉันค่ะ มันเป็นงานสำคัญมากของฉัน และหวังว่าคุณจะไปเข้าร่วมได้ค่ะ”
หลินเจี๋ยตะลึงไป งานเลี้ยงวันเกิด นี่เป็นเรื่องแปลกใหม่มาก…
เดี๋ยวก่อนนะ เธอเคยขอกุหลาบจากเขา แล้วจู่ ๆ ก็ชวนไปงานเลี้ยงที่ควรจะมีความหมายและเป็นส่วนตัวมาก แถมยังเป็นงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบยี่สิบปีอีก นี่มันอะไรกัน?
สีหน้าของเขาพลันซับซ้อนขึ้นมานิดหน่อย