บทที่ 250 ผมเป็นสามีของเธอ
พลังต่อสู้ของเสี่ยวเถียนนั้นแข็งแกร่ง หลี่ฉางหมิงคนเดียวต้านไม่ได้หรอก นับประสาอะไรกับตอนที่ไม่ทันได้ระวังตัว
หลี่ฉางหมิงคุกเข่าลงบนพื้น
เดิมทีท่าทาของสมาชิกหงซินดูไม่ค่อยดี แต่เมื่อเห็นหลี่ฉางหมิงถูกเด็กผู้หญิงที่ชื่อซูเสี่ยวเถียนเตะจนล้มลงพื้นก็พากันหัวเราะครื้น
“หลี่ฉางหมิง ถึงแกจะไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่อีกต่อไปแล้ว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาคุกเข่าที่หงซินเราหรอกนะ!”
“เธอจะไปเข้าใจอะไร เนี่ย! หลี่ฉางหมิงรู้ตัวว่าทำผิดเลยคุกเข่าอ้อนวอนให้ป้าเถาฮวาของเธอยกโทษให้ต่างหาก!”
“แปลกมากที่คนหน้าด้านแบบนี้รู้ด้วยว่าตัวเองทำผิด!”
“ต่อให้เขาคุกเข่า ป้าเถาฮวาก็ไม่ให้อภัยหรอก”
“ใช่ ๆ แล้วผู้หญิงคนนั้นที่ทำดีกับเขาก่อนหน้านี้ไปไหนแล้วล่ะ? ในเมื่อเขากลับมาแล้ว คนคนนั้นก็ต้องกลับมาด้วยสิ ทำไมถึงไม่มาหงซินเลยล่ะ?”
พวกคนเฒ่าคนแก่คุยกันไปเรื่อย ยิ่งทำให้ใบหน้าของเสี่ยวเหมยแดงก่ำ
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร คนที่อยู่เบื้องหน้าก็คือพ่อแท้ ๆ ของเธอ ครั้นโดนคนอื่นบีบคั้นแบบนี้ ในฐานะลูกสาว เธอรู้สึกละอายใจเหลือเกิน
แต่เธอไม่สามารถช่วยพูดให้พ่อได้
“หลี่ฉางหมิง แกไปเสียเถอะ ไม่ว่าวันนี้แกจะมาเพื่ออะไร ฉันก็ไม่ยินยอมทั้งนั้น”
ซูเถาฮวาเห็นความลำบากใจของลูกสาวจึงพูดขึ้น
เธอทนทุกข์เพียงลำพังได้ แต่จะยอมให้ลูกสาวโดนหางเลขไปด้วยไม่ได้
“ถุย นังเสี่ยวเหมยมันไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาใช่ไหม? ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าตัวเองคู่ควรหรือเปล่า” หลี่ฉางหมิงเห็นเสี่ยวเหมยลำบากใจ จึงพูดจาดูถูกเธอ
เขารู้ว่าเด็กสาวไปเข้าร่วมการสอบมา แต่ไม่รู้ว่าเธอได้คะแนนดีมาก จึงกล้าพูดแบบนั้นออกไป
เสี่ยวเหมยโดนบิดาผู้ให้กำเนิดดูถูกจนน้ำตาคลอเบ้า แต่เธอเข้มแข็งพอที่จะไม่ล้มลงไป
ไม่มีใครรู้ว่าในตอนนี้บิดาผู้ให้กำเนิดในใจเสี่ยวเหมยได้ตายไปแล้ว ไม่คงอยู่อีกต่อไปแล้ว!
ความรักที่มีต่อบิดาครั้งสุดท้ายกลายเป็นผุยผงในที่สุด!
สุดท้ายเสี่ยวกังก็ทนไม่ไหวจึงวิ่งเข้าไปหาหลี่ฉางหมิงทันที
“แกมาทำไม? แกจะมาทำไม? ไสหัวไปเลยนะ ไสหัวไป!” เสี่ยวกังตะโกนลั่นอย่างเจ็บแสบ
หลี่ฉางหมิงยิ่งโกรธมากขึ้นเมื่อได้ยินลูกชายพูดแบบนี้
นี่เป็นเมล็ดพันธุ์ของเขานะ มันกล้าพูดจาแบบนี้กับพ่อตัวเองได้อย่างไร?
“ไอ้สารเลว ฉันเป็นพ่อของแกนะ!” หลี่ฉางหมิงจ้องซูเสี่ยวกังที่น้ำตานองหน้า และเกือบจะพุ่งเข้าไปต่อยเขา
“ฉันไม่มีพ่อแบบแก ฉันไม่มี!” ในที่สุดน้ำตาของเขาก็ร่วงลงมา
“เสี่ยวกังไม่ต้องร้องนะ ลูกยังมีแม่ แม่จะไม่ให้เขามารังแกลูกแน่นอน!” ซูเถาฮวารีบเข้าไปปกป้องลูกชาย
“นังสารเลว ไอ้คนเล่นชู้ ฉันจะตบแกให้ตายเลย!”
ตอนที่หลี่ฉางหมิงพูด เขายืนขึ้นแล้วพุ่งเข้าไปหาเถาฮวา
พวกเสี่ยวเถียนเตรียมยื่นมือเข้าไปช่วย ส่วนสมาชิกหงซินบางส่วนก็ตั้งหลักเตรียมตัวช่วยเถาฮวาเช่นกัน
ตอนนั้นเองที่ทุกคนได้ยินเสียงอันคุ้นเคยนอกฝูงชน
“หยุดนะ!”
ทุกคนหยุดการกระทำและมองไปยังต้นตอของเสียง ก่อนจะรู้สึกว่าคนตรงหน้าดูคู้น ๆ ชอบกล
“คุณคือ…” ชายชราคนหนึ่งมองชายวัยกลางคนที่มีหน้าตาใจดีมากในชุดใหม่เอี่ยม แล้วถามอย่างสงสัย “มาจากชุมขนของพวกเราหรือ?”
“ผมคือเสิ่นจื่อเจินครับ คุณจำผมไม่ได้หรือ? ลุงสี่!” เสิ่นจื่อเจินพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมยังเคยไปกินข้าวที่บ้านคุณด้วยนะ!”
คนที่โดนเรียกว่าลุงสี่จำขึ้นมาทันที และก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ฉันมองไม่ออกเลย แก่แล้วสายตาก็พร่ามัวจริง ๆ”
ที่จริงไม่ใช่แค่ลุงสี่หรอกที่มองไม่ออก สมาชิกคนอื่นก็เกือบมองไม่ออกแล้วว่าคนตรงหน้าคือเสิ่นจื่อเจิน
เพราะคนคนนี้แตกต่างไปจากเสิ่นจื่อเจินในความทรงจำของพวกเขาจริง ๆ
เสิ่นจื่อเจินไม่ได้เข้าไปหาลุงสี่ แต่เดินไปหาเถาฮวาอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วขวางเธอกับเสี่ยวกังเอาไว้
“แกเป็นใคร?” หลี่ฉางหมิงมองไปยังชายที่จู่ ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขา จู่ ๆ ก็มีราศีท้วมท้นเต็มไปหมด
ถึงจะไม่รู้จักคนตรงหน้า แต่หลี่ฉางหมิงรู้สึกว่าคนคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน
ไม่ต้องพูดอะไรมาก ดูจากเสื้อผ้าที่ใส่ก็บอกได้ว่าคนคนนี้มีภูมิหลังครอบครัวที่ร่ำรวยแน่นอน
“ผมเป็นสามีของเถาฮวา!”
สมาชิกหงซินตะลึงกับการแนะนำตัวที่เรียบง่ายของเสิ่นจื่อเจิน
ก่อนหน้านี้พวกเขาคิดว่าเถาฮวาต้องโดนทิ้งแน่นอน ไม่อย่างนั้นทำไมเสิ่นจื่อเจินถึงไม่ส่งข่าวคราวมาเลยล่ะ
แม้แต่ตัวซูเถาฮวาเองก็คิดเช่นนั้น
แต่จู่ ๆ คนที่หายไปนานอยู่ ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้า
เสี่ยวเถียนเป็นคนแรกที่ตอบสนอง เธอวิ่งเข้าไปหาเสิ่นจื่อเจินก่อนจะเอ่ย “ลุงเสิ่นมาสักที ถ้าลุงไม่มา ป้าเถาฮวาต้องโดนคนเขารังแกแน่ค่ะ!”
ฟังเผิน ๆ ดูเหมือนเสี่ยวเถียนบอกว่าหลี่ฉางหมิงข่มเหงเถาฮวา
แต่คนที่อยู่รอบ ๆ มีกี่คนที่ไม่ได้พูดเรื่องเถาฮวาไปเรื่อยกัน?
พอได้ยินที่เสี่ยวเถียนพูดแบบน้ัน ใบหน้าของเขาก็ร้อนผ่าว
แล้วพวกเขาพูดแบบนี้เองได้ไหม?
ชีวิตของเถาฮวาขมขื่นมามากพอแล้ว แต่พวกเขาไม่คิดจะช่วยพูดเลยทั้งยังหัวเราะเยาะอีก
และตอนนี้สามีของเถาฮวาก็มาแล้ว สีหน้าพวกเขาเจ็บปวดเหลือเกิน!
เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าคนพวกนี้คิดอะไรอยู่ เธอมองเสิ่นจื่อเจินด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า
ชายวัยกลางคนลูบผมเด็กหญิง
“สาวน้อย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือนโตขึ้นเยอะเลย”
ซูเสี่ยวเถียนไม่ได้พูดอะไรมากแล้วเพ่งสายตามองไปที่หลี่ฉางหมิง
เสิ่นจื่อเจินเองก็มองตามสายตาของเด็กหญิง
“คุณกับเถาฮวาหย่ากันแล้ว และเถาฮวาก็เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผมด้วย!” เสิ่นจื่อเจินพูดเสียงดังกึกก้อง
เพราะหลี่ฉางหมิงได้ยินว่าซูเถาฮวาโดนสามีใหม่ทิ้งอีกครั้ง ถึงได้กล้ามาสร้างปัญหา
แต่เพราะเสิ่นจื่อเจินปรากฏตัวอย่างกะทันหัน เขาจึงไม่กล้าสร้างปัญหาในทันที
อันที่จริง หลี่ฉางหมิงเป็นคนอวดเบ่งกับคนที่อ่อนแอ แต่อ่อนแอกับคนที่เก่งกว่า
เขากล้ามาข่มเหงเถาฮวาถึงบ้าน แต่ไม่กล้าทำอะไรกับเสิ่นจื่อเจินที่ดูเหมือนไม่ใช่คนธรรมดา
ได้ยินว่าเสิ่นจื่อเจินมาจากเมืองหลวง แน่นอนว่าพื้นเพครอบครัวต้องไม่ธรรมดา ไม่แน่ว่าถ้าจะเก็บเขาคงจะง่ายเหมือนบี้มด
“ฉัน ฉัน…” หลี่ฉางหมิงไม่รู้จะพูดอะไร เขาละล่ำละลักอยู่พักหนึ่ง!
“ไปซะ จากนี้ไปอยู่ให้ห่างจากเถาฮวาเลยนะ!” เสิ่นจื่อเจินไม่อยากเข้าไปพัวพันกับคนแบบนี้ จึงโบกมือไล่
หลี่ฉางหมิงคิดจะพูดต่อ แต่พอเห็นใบหน้าจริงจังของสามีใหม่ของเถาฮวา สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
ตอนที่หมุนตัวเตรียมจะจากไป จู่ ๆ ก็ได้ยินเสิ่นจื่อเจินเอ่ยปากอีก
“อ้อใช่ เด็กพวกนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับคุณนับจากนี้อีก เพราะงั้นควรจะอยู่ห่างจากพวกเขาไว้นะ ไม่แน่ว่าตอนที่คุณแก่ตัวไปอาจจะได้ค่าเลี้ยงดูก็ได้”
ตอนที่เสิ่นจื่อเจินพูด น้ำเสียงของเขานุ่มนวล แต่มันกลับทำไมผู้คนไม่กล้าดูแคลนสักนิด
หลี่ฉางหมิงมองเสี่ยวเหมย จากนั้นก็มองเสี่ยวกัง
นี่คือลูกของเขา ยังมีเสี่ยวเหลียงที่ไปทำงานที่กองทัพ และพวกเขาก็รังเกียจพ่ออย่างเขากันหมด
เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะล้มเหลวในฐานะพ่อจริง ๆ?
เสิ่นจื่อเจินไม่สนใจหลี่ฉางหมิงที่อยู่ห่างออกไป
เขามองซูเถาฮวาด้วยสายตาที่อ่อนโยน
“เถาฮวา ผมไม่ได้ทิ้งคุณนะ!”
ซูเถาฮวาไม่คาดคิดว่าประโยคแรกที่เสิ่นจื่อเจินพูดจะเป็นประโยคนี้
ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะทิ้ง แล้วทำไมไม่มาหา? ทำไมไม่ติดต่อมา?
“ฉันรู้ว่าคุณ ฉัน…”
ซูเถาฮวาอยากจะบอกว่าพวกเรากลายเป็นคนสองโลกแล้ว*[1] แต่ไม่ได้พูดออกไป
เสิ่นจื่อเจินเอื้อมมือออกไปจับมือที่หยาบกร้านของซูเถาฮวา “หลังจากที่ผมไปเมืองหลวง ผมมีเวลาเขียนจดหมายหาคุณแค่ฉบับเดียว แล้วก็ต้องไปทำงานเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย”
“ก่อนจะมีการสอบ ผมไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้เลย จึงคิดว่าพอสอบเสร็จก็น่าจะได้รับจดหมายตอบกลับจากคุณ”
เสิ่นจื่อเจินพูดอย่างจริงใจ ทั้งยังพูดต่อหน้าคนจำนวนมากด้วย
ไม่มีวิธีไหนที่จะสนับสนุนเถาฮวาได้อีกแล้ว
ซูเสี่ยวเถียนยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความซุกซน!
“แต่ฉันไม่ได้รับ!” ซูเถาฮวาพึมพำ
หญิงแกร่งคนนี้ไม่เคยมั่นใจเมื่อเผชิญหน้ากับเสิ่นจื่อเจินเลย
“ผมรู้ แต่จดหมายนั่น… ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่เตร็ดเตร่มาหลายเดือนก็กลับมาที่เมืองหลวง พอเห็นจดหมายฉบับนั้นถึงได้รู้ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น”
เสี่ยวเถียนรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้ยินคำอธิบายของเสิ่นจื่อเจิน ก่อนหน้านี้ยังคิดอยู่เลยว่าการสื่อสารน่าจะมีปัญหา
รู้เลยว่าเถาฮวาไม่เคยคิดเช่นนั้นว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย!
“ทำไมจู่ ๆ ก็มาได้ล่ะ?” ซูเถาฮวารู้สึกโล่งใจมาก ก่อนจะจำได้ว่าต้องถามคำถามนี้
“เพราะรู้ว่าคุณยังไม่ได้รับจดหมาย ผมเลยกังวลมาก พอทำงานเสร็จเลยรีบมาหาคุณทันที!”เสิ่นจื่อเจินกล่าวกับซูเถาฮวาด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน
“ที่จริงคุณไม่จำเป็นต้อง…”
ยังไม่ทันพูดจบ คำพูดของซูเถาฮวาโดนสามีขัดจังหวะเสียก่อน
*[1] คนที่จะติดต่อกันน้อยลง