โคร่กกก ~ โคร่กกก ~
เสียงที่ออกมาจากท้องของเซเลสทีเนียทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำ เป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครสามารถเห็นเหตุการณ์นี้ได้
โดยปกติแล้วความหิวไม่ได้เป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อเธอ แต่ผนึกที่อยู่ในตัวเธอดูเหมือนจะทำอะไรได้มากกว่าที่เธอเข้าใจ
“มีคนหิวแล้วงั้นเหรอ?”
เสียงหยอกล้อที่ดังขึ้นมานั้นดึงเธอออกจากความคิดขณะที่เธอมองไปยังร่างที่อยู่ตรงหน้า
ตอนนี้มีโต๊ะปรากฏขึ้นต่อหน้าร่างที่สวมเสื้อคลุมขณะที่อุปกรณ์ทำอาหารชุดต่างๆ ส่องประกายอยู่บนโต๊ะ
“นายจะทำอาหารเหรอ?”
เสียงของเซเลสทีเนียมีความสับสนขณะถามขึ้นมา
“ฉันมีรสนิยมของตัวเองและฉันก็ชอบกินอาหารที่ทำเองมากกว่า เนื่องจากอาหารของคนอื่นแค่ไม่ตรงกับรสนิยมของฉันก็เท่านั้น”
ร่างนั้นตอบสนองในขณะที่เริ่มทำอาหาร
ดวงตาของเซเลสทีเนียเป็นประกายเล็กน้อยขณะที่เธอมองไปยังฉากที่อยู่ตรงหน้า การเคลื่อนไหวของร่างนั้นแต่ละครั้งมีความรู้สึกถึงความงามที่บังคับให้ผู้อื่นจ้องมอง การเคลื่อนไหวนั้นแม่นยำ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์และความเข้าใจ เซเลสทีเนียถูกการเคลื่อนไหวของเขาดึงดูดไปชั่วครู่หนึ่ง
ไม่นานครึ่งชั่วโมงต่อมาก็มีกลิ่นอาหารอันเย้ายวนเริ่มอบอวลไปทั่วถ้ำ ทำให้ท้องของเซเลสทีเนียร้องลั่นมากขึ้น
เธอกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว เหมือนกับเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกปรารถนาที่จะกินอาหารตรงหน้าเธอมาโดยกำเนิด เนื่องจากเธออาหารที่เธอกินนั้นมักจะเป็นอาหารที่ดีที่สุดและบุคคลที่ไม่รู้จักที่เธอเพิ่งพบดูเหมือนว่าจะมีความสามารถในการจับคู่กับพ่อครัวที่เก่งที่สุดของเธอได้!
ผ่านไปอีก 15 นาทีก่อนที่อาหารจะถูกจัดวางอย่างเรียบร้อยบนโต๊ะอย่างแวววาวและดึงดูดความสนใจของเซเลสทีเนีย ในไม่ช้าร่างนั้นก็หันไปหาเธอที่กำลังนั่งพิงกำแพงอย่างช่วยไม่ได้
“ฉันควรป้อนเธอไหม?”
เขาถามขึ้นมาทำให้เซเลสทีเนียหม่นหมอง
“ทำไมตอนนี้นายถึงดีกับฉันขนาดนี้กัน?”
เธอถามกลับมา
“ไม่มีเหตุผลอะไรมากหรอก ตอนนี้ฉันไม่พบว่าทัศนคติของคุณน่ารังเกียจ แถมไม่ว่าฉันจะดูเมินเฉยแค่ไหน ฉันก็ไม่โง่พอที่จะปล่อยให้เธออดอยากและกลับมาแก้แค้นในตอนที่เธอได้พลังกลับมาแล้วหรอกนะ ถึงเธอจะสูญเสียพวกมันไปแล้วอยู่ก็เถอะ”
ร่างนั้นตอบสนองอย่างชัดเจนโดยแสดงตรรกะและความเข้าใจของเขา ทำให้เซเลสทีเนียเงียบลงในขณะที่เธอครุ่นคิดเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเอง ความคิดที่จะให้คนอื่นป้อนอาหารให้นั้นไม่เหมาะกับเธอเลย แม้ว่าจะอยู่ในสภาพนี้เธอก็ไม่ยอมถูกดูถูก
“นานแค่ไหนกว่าที่พิษของฉันจะหายไป?”
เธอถามขึ้นมา
“ประมาณ 2-3 วัน”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้เธอก็สะดุ้ง แต่สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปอย่างแน่วแน่
“ขอบคุณสำหรับข้อเสนอ แต่ฉันจะอดอาหาร”
“โอเค”
ร่างนั้นไม่ได้โต้เถียงอะไรมากหลังจากนั้นในขณะที่เขานั่งลงเพื่อชิมอาหารและกินจนอิ่ม
มันดูเหมือนเป็นการทรมานสำหรับเซเลสทีเนีย ผู้ทำได้เพียงหลับตาลงเพื่อไม่ให้รู้สึกถูกล่อลวง สำหรับเธอแล้วความภาคภูมิใจของเธอมีมากกว่าความหิวโหย
ในที่สุดหลังจากผ่านไป 10 นาทีอันแสนทรหด ร่างนั้นก็ทานอาหารเสร็จ
แม้กระทั่งตอนนี้เสื้อคลุมก็ยังคงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าข้างใต้ได้และมีเพียงภาพส้อมที่หายไปในความมืดก่อนที่จะปรากฏอีกทีเท่านั้น
หลังจากผ่านไปอีก 5 นาที ทุกอย่างก็สะอาดและถูกเก็บกลับคืนก่อนที่ร่างนั้นจะนั่งลงบนพื้นอีกครั้ง
“ที่ๆ ฉันต้องการจะไปอยู่ไกลแค่ไหนกัน?”
จู่ๆ ร่างนั้นก็ถามเพื่อดึงเซเลสทีเนียออกจากความคิดของเธอ
ตอนนี้เธอกำลังมองผ่านร่างกายของตัวเองเพื่อพยายามกำหนดระยะเวลาที่ผนึกจะคงอยู่บนตัวเธอ
“หากเราเดินทางด้วยความเร็วปัจจุบันก็ประมาณ 2 เดือน…”
เธอตอบ ซึ่งคำตอบของเธอดูเหมือนทำให้คนตรงหน้าเงียบไป
“นานขนาดนั้น…เลยงั้นเหรอ….”
เขาตอบก่อนจะถามต่อ
“สถานการณ์ของเธอจะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน?”
เซเลสทีเนียไม่ตอบทันที ขณะที่เธอคิดคำตอบด้วยตัวเอง
“ประมาณ 2 เดือนครึ่ง…”
เธอตอบ ซึ่งนำความเงียบมาสู่ถ้ำอีกครั้ง ต่างคนต่างมีความคิดของตนเอง
“แผนของเธอคืออะไร?”
ในที่สุดร่างนั้นก็ถามขึ้นมา
“นายอธิบายให้ละเอียดหน่อยได้ไหม?”
เซเลสติเนียเสนอ
“เห้อออ…สิ่งที่ฉันหมายถึงก็คือเธอจะไปกับฉันไหม? ไปยังบททดสอบ? หรือเธอจะกลับไปสู่ความดูแลของครอบครัวของเธอ? ฉันปฏิเสธที่จะเชื่อว่าเธอไม่มีของอย่างน้อยหนึ่งสิ่งที่จะทำให้เธอติดต่อหรือขอความช่วยเหลือได้”
คำพูดของคนในเสื้อคลุมทำให้เกิดภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเซเลสทีเนีย
ความจริงแล้วคำพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เธอมีวิธีที่จะขอความช่วยเหลือได้ แต่เธอปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้น เป็นอีกครั้งที่มันมาจากความภาคภูมิใจของเธอที่แสดงออกอย่างไม่สามารถการควบคุมได้
เซเลสทีเนียนั้นฉลาดและมีไหวพริบ แต่ความภาคภูมิใจของเธอคือพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเธอซึ่งถือเป็นข้อผิิดพลาด เทพมังกรเองก็ต้องการจัดการกับข้อบกพร่องนี้ของเธอเช่นกัน
“ฉันอยากเดินทางไปกับนาย”
ในที่สุดเธอก็พูดออกมาว่า
“เธอจะเป็นภาระให้ฉัน”
ร่างนั้นตอบทำร้ายความภาคภูมิใจของเธอ แต่ในกรณีนี้เธอไม่สามารถพูดปฏิเสธได้ เนื่องจากรู้ว่ามันเป็นความจริง
ยิ่งพวกเขาเข้าไปในป่าลึกเท่าไร สัตว์ร้ายที่พวกเขาเผชิญหน้าก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น แถมยังมีปัญหาเกี่ยวกับภูมิประเทศและอันตรายอื่นๆ ที่อาจเข้ามาขวางทางอีกด้วย แต่เธอยังคงยืนกรานที่จะเดินทางไปด้วยอยู่ดี เธอปรารถนาที่จะแสดงให้ไอดอลของเธอเห็นว่าถึงแม้ไม่มีพลังเธอก็จะยังคงเปล่งประกาย
“ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากจะไปด้วย”
เธอพูดอย่างดื้อรั้นและไม่ยอมถอยกลับ
ดวงตาของเซเลสทีเนียมองเข้าไปในหมวกคลุม เนื่องจากอยากเห็นอะไรก็ตามที่อาจช่วยให้เธอเข้าใจคนตรงหน้าได้ดีขึ้น
“ฉันช่วยเธอมา 2 ครั้งแล้ว นั่นเป็นเพราะความปรารถนาดีของฉัน อะไรทำให้เธอคิดว่าฉันจะช่วยเธออีกหล่ะ?”
ร่างนั้นถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้งจริงจัง
“ฉันสามารถตอบแทนทุกปัญหาของนายได้”
เธอตอบ แต่สิ่งที่เธอได้รับกลับมาคือการส่ายหัว
“สมบัติและของขวัญจะมีค่าก็ต่อเมื่อฉันมีชีวิตอยู่เพื่อใช้มัน ป่านี้ถือเป็นสถานทีอันตรายสำหรับฉัน ในตอนนี้ฉันไม่สามารถสัญญาได้ว่าฉันจะสามารถอยู่รอดได้ และการเพิ่มเธอไปด้วยก็มีแต่จะทำให้โอกาสของฉันลดน้อยลงเท่านั้น”
เมื่อได้ยินดังนั้นเซเลสทีเนียก็กัดริมฝีปากของตัวเอง โดยรู้ดีว่าเธอไม่สามารถหยุดเขาจากการลุกขึ้นและจากไปในตอนนี้ได้ เนื่องจากเธอได้บอกเขาเกี่ยวกับระยะเวลาพักฟื้นแล้ว เขาจะจากไปตอนนี้และหายไปโดยที่เธอไม่พบอะไรเกี่ยวกับเขาอีกเลยก็ได้ บวกกับสิ่งที่เขาพูดมาก็ถูก สมบัติและของขวัญบางอย่างจะมีความหมายมากกว่าชีวิตของใครบางคนได้อย่างไร?
“แม้ว่านายจะทิ้งฉันไปตอนนี้ ฉันก็จะยังคงพยายามเดินหน้าต่อไป และหากฉันตาย พ่อแม่ของฉันก็จะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อค้นหาฉัน ด้วยความโมโหของพวกเขา แม้แต่ผู้บริสุทธิ์ก็อาจได้รับบาดเจ็บก็ได้…”
“นี่เธอ!”
คำพูดชี้นำสุดท้ายของเซเลสทีเนียทำให้คนที่อยู่ตรงหน้าเธอโกรธ เธอตั้งใจใช้การข่มขู่เพื่อทำให้บุคคลนั้นเคลื่อนไหว ไม่มีการรับประกันว่าจักรพรรดิมังกรจะมีหนทางใดๆ ในการค้นหาเกี่ยวกับการโต้ตอบและการปฏิเสธความช่วยเหลือในตอนนี้ แล้วร่างที่สวมเสื้อคลุมจะรอดจากความโกรธเกรี้ยวของมังกรได้ยังไง?
ไม่…..เขาคงจะไม่
“เธอหน้าด้านกว่าที่ฉันคิดเอาไว้ซะอีกนะ”
ตอนนี้ร่างนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากสูญเสียความปรารถนาดีไปจนหมด แต่เซเลสทีเนียก็ไม่ถอย เธอจะเดินหน้าต่อไปด้วยการคานอยู่ดี
ในที่สุดหลังจากที่ดูเหมือนความเงียบชั่วนิรันดร์จบลง ร่างนั้นก็เอนหลังพิงกำแพงขณะที่พูดขึ้นมา
“ก็ได้…เราจะไปด้วยกัน แต่ถ้าฉันตายก็รู้ไว้ว่าฉันจะไม่ให้อภัยเธอแม้ว่าจะตายไปแล้วก็ตาม”
“ฮิฮิฮิ….ไม่ต้องห่วง ฉันจะไม่ปล่อยให้นายตายหรอก”
เซเลสทีเนียพูดด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ โดยไม่รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้จะเปลี่ยนเธอไปขนาดไหน ไม่รู้ว่าเป็นครั้งแรกที่เธอจะรู้สึกสิ้นหวังอย่างแท้จริงอย่างไร…
ฝากเพจเฟสบุ๊กหน่อยครับ : Translarator
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต