ผู้อาวุโสว่านหลินหยุนยิ้มให้หลี่ฉางโซ่วก่อนที่จะกลับสำนักไป และทันทีที่ชายชราจากไป เจียงหลินเอ๋อร์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ขณะที่เหงื่อเย็นออกมาทั่วร่างกายของนางโดยไม่รู้ตัว…“ผู้อาวุโสว่านผู้นี้ทรงพลังยิ่งจริงๆ”
“ท่านปรมาจารย์” หลี่ฉางโซ่วถือถุงเก็บสมบัติทั้งสองถุงเอาไว้ แล้วกล่าวว่า “โปรดใช้โอสถเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์และโปรดอย่าเพิ่มกรรมให้ท่านผู้อาวุโสว่านเลยนะขอรับ”
“นี่คือ…”
เจียงหลินเอ๋อร์กะพริบตาและคว้าถุงเก็บสมบัติมาตรวจสอบดู ราวกับว่านางได้รับสมบัติล้ำค่า
โอสถพิษที่ผู้อาวุโสว่านสกัดกลั่นออกมา!
ในขณะนี้เจียงหลินเอ๋อร์ไม่กล้าที่จะผัดวันประกันพรุ่งอีกต่อไป ก่อนที่จะจากไปนางจึงมองไปที่หลี่ฉางโซ่วชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นจึงส่ายศีรษะและพยักหน้าอีกครั้งพร้อมด้วยท่าทางที่คาดเดาไม่ได้
นางใช้เส้นทางของทะเลบูรพาและรีบไปทางตะวันออกของทะเลบูรพาเพื่อค้นหาสุดปลายโลก ในยุคโบราณ เดิมทีนั้น โลกบรรพกาลไร้ขอบเขตสิ้นสุด ในระหว่างสงครามระหว่างสามเผ่าพันธุ์ ได้แก่ มังกร หงส์ และกิเลน ต่อสู้กันจนโลกล่มสลาย จึงเหลือเพียงห้าดินแดนเทวะในโลกบรรพกาลแห่งนี้
และเศษชิ้นส่วนที่แตกกระจายไปทั่วโลกบรรพกาลก็แปรสภาพและพัฒนาเป็นตรีมหาสหัสโลกธาตุ
สามหมายถึงความว่างเปล่า และสามพันหมายถึงไร้ขอบเขต
ในช่วงกลางและช่วงปลายของมหาสงครามจอมเวท-ปีศาจ ปีศาจคุนเผิงแอบยั่วยุบรรพชนเผ่าเวทสองคนที่มีอารมณ์ร้อน คือเผ่าเวทวารี นามกงกง และเผ่าเวทไฟ นามจู่หรงเพื่อมาทำงานร่วมกัน
ในช่วงเวลานั้น เกิดการเผชิญหน้ากันอย่างรุนแรง คนเผ่าเวททั้งสองคนโค่นถล่มภูเขาปู่โจว เกิดการล่มสลายของเสาสวรรค์ ทำให้น้ำจากแม่น้ำสวรรค์เข้าสู่โลกมนุษย์ แล้วดูเหมือนว่าทั่วทั้งสวรรค์และปฐพีกำลังจะกลับคืนสู่ความโกลาหลอีกครั้ง
นั่นส่งผลให้เทพีหนี่วาต้องคอยซ่อมแซมสวรรค์ เต่าเสวียนประสบภัยพิบัติในดินแดนเทวะอุดร และจอมปราชญ์ต้องตัดแยกแขนขาทั้งสี่ของเต่าเพื่อค้ำจุนโลก จากนั้นบรรพชนเต๋าและจอมปราชญ์ทั้งหกลงมือโจมตีและล้อมรอบโลกบรรพกาลด้วยพลังและทักษะเวทขั้นสูงสุด และยังปกป้องสี่เสาสวรรค์เอาไว้ได้
เพื่อรักษาการเชื่อมต่อระหว่างดินแดนเทวะทั้งห้าและมหาตรีสหัสโลกธาตุ บรรพชนเต๋าได้ทิ้งประตูไว้ใกล้กับเสาสวรรค์ทั้งสี่ซึ่งทำให้พวกเขาเข้าและออกจากห้าดินแดนเทวะได้ และนั่นคือที่มาของพรมแดนของโลก ผู้บำเพ็ญต่างค่อยๆ มาและไปทั่วโลก มีทิวทัศน์ที่สวยงามนับไม่ถ้วนและแต่ละแห่งก็กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ผู้บำเพ็ญใช้อยู่อาศัยและฝึกฝนเพื่อบรรลุเซียน…เจียงหลินเอ๋อร์ออกจากสำนักตู้เซียน และแอบเดินทางไปทั่วทั้งกลางวันกลางคืน จนมาถึงสุดปลายโลกทางตะวันออกของทะเล เมื่อมองออกไปในระยะไกล นางก็เห็นเมืองใหญ่ที่มีเกาะอมตะหลายเกาะล่องลอยอยู่บนท้องฟ้า
เมื่อเจียงหลินเอ๋อร์มาถึงที่นี่ มีอีกาสีทองกำลังจมลงไปทางทิศตะวันตกและมีลำแสงสีทองสาดประกายบนพื้นผิวทะเล ท้องฟ้าทางทิศตะวันตกเต็มไปด้วยหมู่เมฆแปรปรวน ในขณะที่ท้องฟ้าทางตะวันออกดารดาษไปด้วยดวงดารา…
เสาเมฆขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ระหว่างสวรรค์และปฐพี โดยมิอาจหยั่งรู้ว่ามันสูงและกว้างเพียงใด
ระหว่างทางนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็กำลังรำลึกถึงการเดินทางกลับไปยังสำนักของนาง
ศิษย์สองคนของนางได้รับความเดือดร้อน โชคดีที่วิญญาณของศิษย์คนโตของนางได้กลับชาติมาเกิด นางยังมีความหวังที่จะพบร่องรอยของนาง และแม้ศิษย์คนรองของนางจะกลายเป็นเซียนจั๋ว แต่เขาก็ยังมีอายุยืนยาว แต่สิ่งที่เจียงหลินเอ๋อร์ไม่อาจเข้าใจได้มากที่สุดก็คือ หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์ในขอบเขตคืนกลับเต๋าวิถี
นางมองเห็นขอบเขตพลังของศิษย์คนนั้นได้อย่างชัดเจนและยอมรับว่าศิษย์คนนี้เป็นยอดอัจฉริยะในด้านการเล่นแร่แปรธาตุและค่ายกล
แต่ด้วยความสามารถของเจียงหลินเอ๋อร์ในการจดจำผู้คนหลังจากฝึกฝนอยู่ภายนอกมาหลายปี เจียงหลินเอ๋อร์กลับรู้สึกว่าเสมอว่าศิษย์ที่นางมองทะลุผ่านได้อย่างรวดเร็วเป็นเหมือนขุมนรกลึกสุดหยั่ง
ดูเหมือนว่าเขาจะเฝ้าติดตามทุกการกระทำของนางในสำนัก
ความจริงแล้ว เขาได้จัดเตรียมทุกอย่างที่นางอยากทำด้วยซ้ำ
นอกจากนี้…เจียงหลินเอ๋อร์ยังสัมผัสกำไรเก็บเกี่ยวมหาศาลของนางในครั้งนี้ได้เมื่อกวาดพลังปราณสัมผัสเซียนของนางไปที่ถุงเก็บสมบัติ
สมบัติวิญญาณที่ได้รับจากหว่างฉิงผู้สูงส่งนั้นสามารถเพิ่มพลังการต่อสู้ได้อย่างมาก
ส่วนรางวัลที่ได้รับจากสำนักนั้นไม่นับเป็นอันใดนัก
แต่โอสถทิพย์ที่หลี่ฉางโซ่วมอบให้นั้นมีค่าอย่างยิ่ง
ต้องขอบคุณความสัมพันธ์ของหลี่ฉางโซ่วและผู้อาวุโสว่านหลินหยุน ท่านผู้อาวุโสว่านจึงมอบยาพิษให้นาง ซึ่งมีค่ามากกว่าสมบัติวิญญาณด้วยซ้ำ…
เขาเป็นศิษย์เยี่ยงใดกัน
เจียงหลินเอ๋อร์ถอนหายใจเบาๆ ในใจของนางอดจะคร่ำครวญสองครั้งไม่ได้ทั้งยังรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
แต่นางรู้ว่าศิษย์หลานคนนี้ของนางคือดาวนำโชคของเจ้ารองของนาง ทำให้นางรู้สึกหายห่วงเจ้ารองไปได้บ้าง ดังนั้นนางจึงต้องรีบค้นหาการกลับชาติมาเกิดของเจ้าศิษย์ใหญ่ของนางให้เร็วที่สุด
ในขณะนั้นเจียงหลินเอ๋อร์วนรอบเมืองและรีบไปที่ทางออกของค่ายกลสวรรค์และปฐพีบนเกาะอมตะ ก่อนจะเดินผ่านแผ่นหินที่ระบุคำว่า ‘สุดปลายแผ่นดินโลก’ จากนั้น นางก็กลายร่างเป็นลำแสงสายรุ้งสว่างไสวและโบยบินไปบนฟากฟ้าไกล…
“สหายเต๋า ช้าก่อน!” บัดนั้น เจียงหลินเอ๋อร์พลันแกว่งเท้าไปมาพลางตั้งท่าระมัดระวังในทันที
ทันใดนั้น มีร่างสามร่างบินข้ามมาจากทะเลอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พลังลมปราณมังกรเฒ่าสองตัวทั้งทางด้านซ้ายและด้านขวาล้วนเพ่งพุ่งมาที่นาง ทำให้ใบหน้าของเจียงหลินเอ๋อร์ซีดลงทันที
พลังแรงกดดันเช่นนี้มาจากเซียนจินจริงๆ!
ในขณะนั้น มังกรเฒ่าทั้งสองต่างก็ย้ายไปด้านข้างและหลีกทางให้มังกรหนุ่มน้อยรูปงามก้าวออกมาข้างหน้า นั่นคืออ๋าวอี่
อ๋าวอี่เหลือบไปที่เจียงหลินเอ๋อร์และไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับใบหน้าของเธอ เมื่อเขาเห็นว่าเจียงหลินเอ๋อร์สวมชุดเกราะและดูเข้มงวดเหมือนศิษย์พี่เจ้าสำนักของเขา ดวงตาของเขาก็เป็นประกายและจากนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ท่านคือปรมาจารย์สำนักตู้เซียนของหลี่ฉางโซ่วใช่หรือไม่”
เจียงหลินเอ๋อร์ตกตะลึงและสับสน แต่นางรู้ว่าในขณะนี้นางมิอาจหลบหนีได้…
นางเอ่ยถามเสียงเคร่งขรึม “ใช่แล้ว เจ้าเป็นใคร”
“ท่านผู้อาวุโส โปรดถอนพลังแรงกดดันของท่านเถิดขอรับ” อ๋าวอี่ยิ้มและโค้งคำนับ “ข้าคือ อ๋าวอี่จากวังมังกรบูรพา ขอน้อมพบท่านผู้อาวุโสขอรับ”
ที่ด้านข้างมังกรเฒ่าบีบนิ้วคำนวณและพยักหน้าให้ อ๋าวอี่อย่างรวดเร็ว
เจียงหลินเอ๋อร์ขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ข้าขอ…”
อ๋าวอี่ยิ้มและกล่าวว่า “ท่านผู้อาวุโสโปรดอย่าวิตก ข้าเพิ่งได้รับคำขอจากพี่ฉางโซ่วให้มาส่งสารให้ท่านขอรับ”
ขณะที่เขากล่าว ผู้อาวุโสหัวมังกรก็ยกมือขึ้นและผลักแผ่นหยกเข้าไปในมือของเจียงหลินเอ๋อร์
อ๋าวอี่กล่าวเสริมว่า “ยังมีของขวัญอีกสองสามชิ้น ท่านผู้อาวุโสโปรดรับพวกมันไปด้วยขอรับ”
ผู้อาวุโสหัวมังกรอีกคนหนึ่งหยิบคลังเวทจัดเก็บออกมาและมอบให้เจียงหลินเอ๋อร์ด้วยพลังเซียน จากนั้น อ๋าวอี่ก็โค้งคำนับให้นางและกล่าวว่า “ข้าเสร็จธุระแล้ว ข้าจะขออำลาท่านขอรับ ท่านมีแผ่นป้ายอยู่ในคทาหยก หากท่านเดินทางไปมหาตรีสหัสโลกธาตุและประสบปัญหา ท่านก็สามารถใช้แผ่นป้ายนี้เพื่อค้นหาสถานที่ที่กองกำลังของเผ่ามังกรประจำการอยู่ และท่านจะสามารถขอยืมกองทหารได้สามพันคนขอรับ…
…ท่านผู้อาวุโส ท่านเป็นปรมาจารย์ของศิษย์พี่ฉางโซ่ว ดังนั้นท่านย่อมเป็น…ผู้อาวุโสของข้า โปรดอย่าปฏิเสธ และรับมันไปเถิดขอรับ”
หลังจากกล่าวจบ อ๋าวอี่ก็โค้งคำนับและหันกลับมา จากนั้นเขาก็บินไปทางตะวันตกพร้อมกับมังกรแก่สองตัว
เจียงหลินเอ๋อร์รู้สึกตัวทันที…
นางมองไปรอบๆ ก่อนจะรีบออกจากเกาะเซียนไปอย่างรวดเร็ว แล้วซ่อนตัวอยู่ในท้องฟ้าที่เกลื่อนกลาดไปด้วยดวงดาวเหนือสวรรค์และปฐพี
หลังจากซ่อนตัวอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเจียงหลินเอ๋อร์แน่ใจได้ว่าไม่ได้ถูกจับตามอง นางก็ปรับแต่งแผ่นหยกและมองเข้าไปข้างใน แสงสมบัติทำให้ตาพร่าเล็กน้อย…
และจากนั้นเจียงหลินเอ๋อร์รู้สึกเพียงว่าหัวใจเต๋าของนางสั่น ในขณะที่นางก่นด่าหยาบคายอยู่ในใจ
พร้อมกันนั้นนางก็เห็นเหรียญทองคำวาววับ…
เหรียญตราบัญชามังกรผยองแห่งวังมังกรทะเลบูรพา
“เจ้ารองรับลูกศิษย์แบบใดเข้ามา…”
เจียงหลินเอ๋อร์รู้สึกหนาวไปถึงกระดูกสันหลัง นิ้วของนางสั่นแล้วหยิบแผ่นหยกมาดู และพบว่ามีคำสองสามคำในนั้น
นางมองไปรอบๆ คำว่า ‘การเปิดเผย’ ถูกเขียนไว้ทั่วแผ่นระหว่างบรรทัดทำให้นางรู้สึกสับสน
ในขณะนี้ อ๋าวอี่ผู้ส่งเจียงหลินเอ๋อร์ออกไป บัดนี้เขากลับมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
หลี่ฉางโซ่วขอให้เขากล่าวเพียงไม่กี่คำ แต่อ๋าวอี่ได้เพิ่มของขวัญส่วนตัวบางอย่างของเขาเองไปด้วย
นี่เปรียบได้กับสิ่งที่ศาลสวรรค์ไม่ขาดมากที่สุดคือบุญ และสิ่งที่วังมังกรของเขาไม่ขาดมากที่สุดก็คือสมบัติ
ดังนั้น สิ่งเล็กน้อยที่เขามอบให้หลี่ฉางโซ่วและปรมาจารย์ของเขา…ก็เป็นเพียงเงินค่าขนมไม่กี่ปีของเขาเท่านั้น
ขณะที่อ๋าวอี่กำลังเพลิดเพลิน แต่จู่ๆเขาก็รู้สึกถึงบางสิ่งในใจ ดูเหมือนว่ารูปปั้นของเขากำลังถูกอัญเชิญ
“ผู้อาวุโสทั้งสอง…”
จากนั้น อ๋าวอี่ขอให้ผู้อาวุโสช่วยเขาบินต่อไป จิตใจของเขาเปลี่ยนไปที่รูปปั้นเทพในวิหารเล็กๆ ในขณะนั้น หลี่ฉางโซ่วได้ส่งเจตจำนงวิญญาณของเขาออกไปและกล่าวในใจว่า “จงดูสตรีผู้นั้นที่ทางเข้าวิหาร”
ในขณะนี้อ๋าวอี่ตกตะลึง เขาใช้รูปปั้นเพื่อ ‘ดู’